เงาร่างสายหนึ่งลอยลงมาที่คลังสินค้า หน้าประตูของเอลิเซียมบาร์
เงาร่างยังไม่ทันได้ลงสู่พื้นก็มีเสียงร้องแบบฮิปฮอปดังมา “ฮา ฮา ข้ากลับมาแล้ว โย่! ข้ากลับมาแล้ว! ข้านำเหล้าจิตวิญญาณกลับมา เหล้าจิตวิญญาณของข้า เร็ว เร็ว เร็ว! ฮา! ข้า ข้าชอบ…”
สองมือซ้ายขวาของเสี่ยวเซิ่งเกอกอดไหเหล้าเก่าใบใหญ่ เดินด้วยท่าทางแปลกประหลาด
ไม่ใช่ Reggae (เร็กเก้) และก็ไม่ใช่ Breaking (เบรกกิ้ง) ยิ่งไม่ใช่ Kids-Hiphop (คิดส์ ฮิปฮอป) แต่เป็นท่าเต้นแปลกๆ ที่ไม่เข้าชนิดอย่าง Popping (ป็อปปิ้ง)!
แต่เสี่ยวเซิ่งเกอก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว มองดูและพูดอย่างประหลาดใจว่า “ฮา! ทำไมถึงมีคนเยอะขนาดนี้?”
ไม่ใช่งั้นหรือ?
บรรดาปีศาจรวมตัวกันอยู่หน้าประตู ทุกตนพากันก้มหน้าไม่กล้าสูดหายใจแรง
เสี่ยวเซิ่งเกอคุ้นเคยกับการอยู่ต่อหน้าคนจำนวนมาก…ปีศาจจำนวนมาก จึงสังเกตเห็นหลงซีรั่วที่ยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว เขากะพริบตา “ฮา! นี่ไม่ใช่เฒ่าหลง…”
เสี่ยวเซิ่งเกอกุมปากของตนเอง กะพริบตาปริบๆ หลายครั้ง พูดอย่างร่าเริงว่า “ใต้เท้าหลง เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านมาเยี่ยมเยียนร้านเล็กๆ ของข้า!”
“ซุนเสี่ยวเซิ่ง” หลงซีรั่วมองปีศาจลิงตัวนี้แวบหนึ่งและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับเหล้าจิตวิญญาณของเจ้า”
พูดไป ไหเหล้าหนึ่งไหในอ้อมแขนของซุนเสี่ยวเซิ่งก็ลอยเข้าไปในมือของหลงซีรั่ว ซุนเสี่ยวเซิ่งปวดใจแต่ก็ไม่อาจแสดงออกมาตรงๆ…เขาได้แต่เงยหน้ามองฟ้า
ที่เขาไปเอาเหล้าจิตวิญญาณเหล่านี้มาก็ไม่ได้มีความคิดบริสุทธิ์ใจเช่นนี้…
ทันใดนั้นซุนเสี่ยวเซิ่งก็คิดถึงจุดมุ่งหมายในการไปหยิบเหล้าขึ้นมาได้ จึงรีบมองหากุยเชียนอีจากหมู่ปีศาจ เมื่อพบแล้วก็เดินเข้าไปหาและก้มลงถามว่า “เต่าเฒ่า! จื่อจวินของข้าล่ะ? เจ้าบอกว่านางกลับมาแล้วมิใช่หรือ? ทำไมข้าถึงไม่เห็นเลย!”
“องค์หญิงขอตัวไปก่อนแล้ว” กุยเชียนอีเอ่ย “เรื่องของที่นี่จัดการเสร็จแล้ว องค์หญิงจึงไม่อยู่ต่อ”
“ของหมาๆ!”
ซุนเสี่ยวเซิ่งจับหูของกุยเชียนอีและตะโกนว่า “ฮา! เจ้ากล้าโกหกข้างั้นหรือ?”
“ไม่ ไม่ ไม่! เจ้า…” กุยเชียนอีรู้สึกเจ็บรีบพูดว่า “ใช่แล้ว ข้าคิดออกแล้ว องค์หญิงฝากคำพูดถึงเจ้าด้วย!”
“พูดกับข้างั้นหรือ?” ซุนเสี่ยวเซิ่งกะพริบตา ปล่อยหูกุยเชียนอีและลูบหน้าอกของเขาช่วยเขาหายใจ “พูดอะไรบ้าง?”
“อา…เรื่องนั้น…” กุยเชียนอีชะงัก “องค์หญิงพูดว่า เถ้าแก่เป็นคนดี ครั้งนี้นางดีใจมาก ชอบ…”
“ชอบข้า…” ซุนเสี่ยวเซิ่งตะลึง รู้สึกเหมือนจะลอยขึ้นฟ้า
“ชอบความซื่อสัตย์ของเจ้า” กุยเชียนอีเปลี่ยนประเด็น
สุดท้ายเสี่ยวเซิ่งเกอ…ก็ไปไม่ถึงฟ้า
…
…
คุณหนูสาวใช้มีเครื่องสำอางที่แม้แต่เจ้าของสมาคมลั่วก็ไม่รู้จักชื่อ…อยู่เต็มโต๊ะไปหมด
ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดคุณหนูสาวใช้ก็ใช้เครื่องสำอางทั้งโต๊ะนั้น แต่งหน้าให้ใบหน้าที่มีเพียงดวงตาคู่เดียวของเงาแสงเด็ก จนกลายเป็นเด็กสาวงดงามคนหนึ่ง
สุดท้ายก็ใส่วิกผมปลอมและสวมชุดกระโปรงสีขาว
“เสร็จแล้วค่ะ นายท่าน”
เมื่อมองผลงานชิ้นโบว์แดงของตนเองแล้ว โยวเย่ก็ยิ้มออกมา…ลั่วชิวคิดว่าโยวเย่คงพึงพอใจมาก
แต่ทำไมถึงเป็นเด็กผู้หญิง?
เหมือนคุณหนูสาวใช้จะสัมผัสได้ถึงความสงสัยของเจ้าของสมาคมจึงอธิบายว่า “ผู้คนมักพูดว่ามารดาของแผ่นดิน…และแผ่นดินมักจะปรากฏตัวต่อผู้คนในโลกด้วยลักษณะของมารดา จิตวิญญาณของเส้นสายจิตวิญญาณไม่มีเพศ ฉันจึงคิดว่าน่าจะใช้เพศหญิงได้”
ลั่วชิวไม่มีความคิดเห็น ยิ้มและเอ่ยว่า “ถึงยังไงก็เป็นเธอที่ลงมือ ทำตามความคิดของเธอก็ดีแล้ว”
คุณหนูสาวใช้ยิ้มอีกครั้ง ผลักกระจกมาส่องที่จิตวิญญาณของเส้นสายจิตวิญญาณ…ซึ่งตอนนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหญิง “คุณลูกค้า ลืมตาได้แล้วค่ะ”
มันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองเข้าไปในกระจก…ดวงตาที่เคยเป็นสีทองเปลี่ยนเป็นสีดำขาวแยกกันอย่างชัดเจน
โยวเย่ยืนอยู่ด้านหลังของมัน ย่อตัวลงวางมือบนไหล่ของมันเบาๆ และพูดว่า “นี่เป็นคอนเทคเลนส์ใช้ครอบดวงตาของคุณ อ๊ะ…ใช่แล้ว ยังมีอันนี้อีกอัน”
โยวเย่สวมหน้ากากลายดอกไม้เล็กๆ น่ารักให้มัน
“นี่คือข้างั้นหรือ?”
มันมองตนเองที่ดูแปลกหน้าในกระจกตรงหน้าอย่างมึนงงและรู้สึกไม่เข้าใจ “ต้องทำอย่างนี้ด้วยงั้นหรือ?”
มันมองลั่วชิวอย่างมึนงง
ลั่วชิวเพียงแต่ยิ้มและยื่นมือออกมา
จิตวิญญาณของเส้นสายจิตวิญญาณยื่นมือออกไปวางบนมือของลั่วชิว…มันจำเป็นต้องพึ่งพิงร่างกายของเจ้าของสมาคมตลอดเวลาถึงจะรักษารูปร่างเอาไว้ได้
รูปร่าง
เจ้าของสมาคมมองไปทางโยวเย่และพูดเบาๆ ว่า “งั้นพวกเราออกเดินทางเลยไหม?”
“ได้เลยค่ะ นายท่าน”
ลั่วชิวผลักประตูสมาคมออก จูงมือจิตวิญญาณของเส้นสายจิตวิญญาณเดินไปยังถนนสายที่ตั้งสมาคม
หลังจากความวุ่นวายในช่วงกลางวันสงบลง การจราจรก็วุ่นวายขึ้น
เมื่อถึงยามกลางคืน…หลังจากเรื่องราวไม่ได้แย่ขึ้นแต่กลับหยุดลงอย่างกะทันหัน บรรดาผู้คนที่ลืมง่ายก็กลับเข้าสู่ความสุขสนุกสนานอีกครั้ง
แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญนั้นคือ…มีหน่วยงานที่สามารถทำให้ประชาชนสงบลงได้อย่างหน่วยงานรัฐ
“ได้ยินมาว่ามีช่วงหนึ่งของแม่น้ำตะวันออกเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้น ลึกตั้งสามสิบกว่าเมตรเชียว! อยู่ดีๆ ก็แตกออก มิน่าถึงเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตถึงขนาดนี้!”
“ฉันก็ดูข่าวแล้ว…ผู้เชี่ยวชาญที่เทศบาลเชิญมาคาดเดาว่า สาเหตุของแผ่นดินไหวและมีพวกหนูจำนวนมากโผล่ออกมาเช่นนี้เป็นเพราะพวกมันหวาดกลัว”
“สัญชาตญาณของสัตว์เล็กสัตว์น้อย…ก็คือการเตือนเท็จ!”
“ใช่ แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเมืองของพวกเราจะมีรูยักษ์โผล่ออกได้!”
ผู้คนกำลังพูดคุยกันและประเด็นร้อนของวันนี้ก็คือเรื่องวุ่นวายในช่วงกลางวัน
ลั่วชิวจูงมือมันเดินผ่านผู้คนไปอย่างนี้ โยวเย่ที่เปลี่ยนเป็นชุดลำลองก็เดินอีกข้างหนึ่งของมัน…มองเผินๆ พวกเขากับมันก็เหมือนครอบครัวของหนุ่มสาวครอบครัวหนึ่ง
มันได้ยินเสียงผู้คนคุยกันแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน…มันมองเห็นเพียงคางของลั่วชิว
ลั่วชิวก้มหน้าลงยิ้มและเอ่ยว่า “หากสามารถอธิบายสิ่งหนึ่งด้วยสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ ผู้คนส่วนมากก็จะไม่คิดอะไรไปในทางแปลกๆ”
มันเอียงคอเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า
มันไม่มีปากแต่กลับพูดได้ ดังนั้นหน้ากากจึงแสดงประโยชน์ของมันออกมา “ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหน?”
ลั่วชิวลูบหัวของมันและพูดว่า “คุณอยากไปที่ไหน?”
“ไป…” ดูเหมือนมันกำลังครุ่นคิด
…
ไม่มีใครส่งสายตาแปลกประหลาดเข้ามา แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่มีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่น เช่นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งตรงใจกลางเมือง
เพราะพวกเขาดูเหมือนคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวพาลูกสาวของตนเองมาเดินเล่น
ถึงแม้ลูกสาวคนนี้จะสวมหน้ากาก แต่เพียงแค่เห็นชุดกระโปรงสีขาวกับรองเท้าคู่เล็ก ก็รู้สึกว่าน่ารักแล้ว
มันถามขึ้นอย่างฉับพลันว่า “เขากำลังทำอะไร?”
ลั่วชิวมองแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “อันนี้เหรอ? การแสดงมายากลบนถนน”
จากนั้นมันก็ถามอย่างแปลกใจต่อว่า “แล้วอันนั้นล่ะ?”
“อืม…อันนี้เรียกว่าเกมยิง ถ้าโดนลูกโป่งก็จะได้รางวัล คุณอยากเล่นไหม?”
มันกะพริบตา “อยาก!”
…
“ข้ายิงโดนแล้ว!”
มันดีใจจนกระโดดโลดเต้น!
“นี่รางวัลครับ”
ลั่วชิวเอาตุ๊กตาขนฟูใส่มือของมัน มันก็รีบใช้สองมือรับมากอดแน่นในทันที ลั่วชิวคิดว่า หากมันมีรอยยิ้มแล้วจะต้องน่ารักขึ้นอีกแน่นอน
มันไปหยุดอยู่หน้าร้านขายไอศกรีม โยวเย่เห็นดังนั้นก็ย่อลงไปมองมัน “คุณอยากกินไหม?”
มันส่ายหน้า
แต่เจ้าของสมาคมกลับให้คุณหนูสาวใช้ซื้อมาสามโคน จากนั้นพวกเขาก็ไปนั่งที่โต๊ะยาวในห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ลั่วชิวยื่นมือออกไปลูบใบหน้าของมัน มันถึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมบนใบหน้า
นั่นคือปาก
“ถึงแค่ชั่วคราว และคุณก็กินอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยได้รสชาติก็ยังดี” ลั่วชิวพูดเบาๆ
คุณหนูสาวใช้ไม่กินอะไร แต่ในตอนนี้ก็ยังค่อยๆ ชิมความหวานของไอศกรีมโคนรสดั้งเดิม
ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามา ถ่ายรูปอยู่ตรงหน้าของพวกเขาโดยไม่ทักทาย มันเห็นดังนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมาในฉับพลัน มองคนที่เดินผ่านคนนั้นด้วยความสงสัย
คนที่เดินผ่านคนนั้นยิ้ม แล้วเดินเข้ามาอย่างเขินอายเล็กน้อย
ในมือของเขาถือกล้องโพลารอยด์ ครู่หนึ่งก็ยื่นรูปภาพให้ “ขอโทษคุณทั้งสองคนด้วย ผมเป็นช่างภาพกำลังทำงานเกี่ยวกับเรื่องของความสุข บังเอิญเห็นพวกคุณอยู่ที่นี่ก็อดถ่ายรูปไม่ได้”
คนที่เดินผ่านคนนั้น…ช่างภาพวางรูปภาพเอาไว้บนมือของมัน
ดวงตาของมันหยุดอยู่บนรูปภาพ มันมองเห็นรูปร่างของมัน มันไม่ควรจะมีรูปร่าง ไม่มีของอะไรในโลกที่สามารถบันทึกลักษณะของมันได้
แต่มันรู้ว่านี่เกี่ยวข้องกับลั่วชิว
มันบนรูปภาพอยู่ระหว่างคนทั้งสอง…นั่นคือรอยยิ้มงั้นหรือ?
นั่นคือรอยยิ้ม
ทันใดนั้นก็มีแสงไฟกะพริบขึ้นย่างต่อเนื่อง ช่างภาพกดชัตเตอร์อีกหลายครั้ง จากนั้นก็ยิ้ม “ผมมอบรูปนี้ให้พวกคุณก็แล้วกัน ผมเอารูปใบนี้ก็พอ…งั้นผมไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ลั่วชิวใช้สายตาส่งช่างภาพจากไป จากนั้นถึงได้หันมองมันและพูดเบาๆ ว่า “ยังอยากไปที่ไหนอีกไหมครับ?”
“อือ…สวนสาธารณะ” มันใส่หน้ากากใหม่อีกครั้ง
จากนั้นก็เก็บรูปใส่เข้าไปในชุดกระโปรงของตัวเอง
…
…
หลงซีรั่วนั่งอยู่ด้านบนสุดของคลังสินค้าเอลิเซียมบาร์ มองดูเมืองนี้ แสงไฟระยิบระยับดูเหมือนจะสร้างความสุขใจให้เธอได้มากกว่าเหล้าจิตวิญญาณลิงหนึ่งไหในอ้อมอกเสียอีก
มันควรจะเป็นอย่างนั้น
เพียงแต่คำถามที่เธอถามออกไปกลับวนเวียนอยู่ในหัวใจของเธอไม่หยุด…ทำไม?
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น…” หลงซีรั่วดื่มเหล้าจิตวิญญาณลงไปหนึ่งอึกและออกแรงเช็ดคราบที่มุมปาก ก่อนพึมพำออกมาว่า “ทำไมมังกรสายเลือดแท้ถึง…จัดการไม่ได้แม้แต่เรื่องเล็กๆ”
เธอดื่มคนเดียว
ด้านล่างเป็นเหล่าปีศาจที่กำลังสนุกสนาน
…
เอี๊ยด!
มันเป็นเสียงของโซ่ที่เสียดสีกับตะขอเมื่อชิงช้าในสวนสาธารณะไกว มันนั่งอยู่บนแผ่นไม้เล็กๆ ตุ๊กตาขนฟูอยู่ในอ้อมอกของมัน ส่วนด้านข้างของมันคือสองมือของใครบางคนที่กำลังจับโซ่ของชิงช้า
คนที่คอยโยกชิงช้าให้มันอยู่ด้านหลังก็คือ ลั่วชิว
มันที่เป็นเด็กน้อยเหยียดเท้าตรง ชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนและหัวเราะอย่างมีความสุข
“ข้าอยากลองเล่นสักครั้งมาตลอด!”
มันหันกลับมาในขณะที่ถูกไกวขึ้น เสียงหัวเราะยังคงดังอย่างต่อเนื่อง “จริงนะ”
แต่ทันใดนั้นน้ำเสียงของมันก็ดูหดหู่ลง “ข้าคิดว่าจะไม่มีโอกาสเสียแล้ว”
“สุดท้ายแล้วหลงซีรั่วยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณ” ลั่วชิวถามออกมาประโยคหนึ่ง
มันส่ายหน้า มองขึ้นไปบนฟ้าและเอ่ยว่า “นางติดตามข้ามานานแล้ว ข้าเข้าใจนาง…นางเป็นลูกของแผ่นดิน ย่อมมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมาย นางให้เวลาข้ามากพอแล้ว แต่ก็มีบางเรื่องที่ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือว่านางก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
มันพูดเหมือนบรรยายขึ้นว่า “จะเป็นการแดกดันมากไปไหม? เส้นสายจิตวิญญาณเกิดขึ้นจากแผ่นดิน ขณะเดียวกันก็หล่อเลี้ยงแผ่นดิน หากที่ใดมีเส้นสายจิตวิญญาณก็จะมีพลังวิญญาณ ดินจะอุดมสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตก็จะมีความสุข ไม่ว่ากาลเวลาเปลี่ยนผันไปอย่างไร ขอเพียงแต่มีเส้นสายจิตวิญญาณ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นมา แต่…”
มันส่ายหน้า “เส้นสายจิตวิญญาณไม่ควรมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง เส้นสายจิตวิญญาณที่มีจิตวิญญาณจะมีโอกาสในการเกิด…เหมือนที่สัตว์ประหลาดกลายร่างเป็นปีศาจ พวกเราก็จะเปลี่ยนเป็นของคล้ายๆ กันแล้วพวกเราจะออกไปจากแผ่นดินผืนนี้ นำทุกอย่างของที่นี่ไป”
ทันใดนั้นชิงช้าก็หยุดลง
เป็นมันที่หยุดลงเอง
มันเดินลงมา หันร่างไปถอดหน้ากากบนใบหน้าของตนเองออก สลายการปลอมตัวบนร่างกายทั้งหมดกลับคืนสู่สภาพเงาแสงเช่นเดิม
“ดังนั้นข้าจึงไม่ควรคงอยู่”
“ขอบคุณพวกเจ้ามากนะ”
น้ำตาสีทองเริ่มไหลรินลงมาจากดวงตาสีทอง ก่อนที่ร่างกายของมันจะค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ขอบคุณเจ้าที่ช่วยให้ข้าเดินออกมาจากผนึกได้ ขอบคุณเจ้าที่ช่วยหยุดเรื่องราวในครั้งนี้ให้ข้า ทำให้เมืองนี้ ทุกๆ คนและปีศาจทั้งหมดในเมืองนี้ได้มีวันพรุ่งนี้ใหม่อีกครั้ง”
ลั่วชิวนิ่งมองมันลอยขึ้นไปกลางท้องฟ้า…และส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ
“การค้าขายครั้งสุดท้าย”
มันเงยหน้าขึ้น กางสองมือออก “ให้ข้า…ขอให้ข้าอย่าได้ปรากฏตัวขึ้นอีก ให้นอนอย่างสงบอยู่ในแผ่นดินผืนนี้ อย่าเกิดจิตวิญญาณใดๆ ขึ้นอีก ให้ข้าสามารถ…หล่อเลี้ยงแผ่นดินผืนนี้ตลอดไป”
ลั่วชิวปฏิบัติตามมารยาทสูงสุดกับมัน เขาค่อยๆ พยักหน้า “คุณลูกค้า คำขอของท่านนั้น ผมได้รับเอาไว้แล้ว”
“ขอบคุณพวกเจ้าที่พาข้ามาเล่นในคืนนี้ ของคุณของขวัญที่เจ้ามอบให้ข้า มอบ…ของอร่อยให้ข้ากิน…ไกวชิงช้าให้ข้า…ทำให้ข้า…ทำให้ข้ามีความสุขมาก!”
สุดท้ายบนท้องฟ้าก็มีจุดแสงลอยขึ้นอย่างกะทันหัน ขึ้นไปจนสุดสายตาเหมือนกับดาวตกที่ลอยจากพื้นดินขึ้นไป
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน เหนือแสงจากบ้านเรือนนับหมื่นขึ้นไป เกิดแสงสว่างจ้าสดใสขึ้นชั้นหนึ่ง
เพียงครู่เดียวแสงก็แตกออก กลายเป็นจุดแสงสีม่วงแดงกระจายตกลงใส่ทุกที่ในเมือง
เหมือนกับ…ดอกไม้ไฟที่สดใสงดงาม
ค่ำคืนที่ควรจะสงบมาก
แต่ต้นไม้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ดอกไม้เบ่งบานในชั่วข้ามคืน ผู้คนในเมืองรู้สึกสงบ ผู้คนบนเตียงคนป่วยก็ดูเหมือนจะคลายความเจ็บปวด แล้วพากันนอนหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
มีบางคนเดินวนรอบใต้ดอกไม้ไฟไม่ยอมจากไปไหน
มีเสียงสงสัยดังขึ้นว่า “มีคนเฉลิมฉลองงั้นเหรอ?”
และก็มีเสียงคาดเดาอีกว่า “คงมีคนเฉลิมฉลองแหละ”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น “เจ้า…โง่เกินไปแล้ว”
เสียงสนุกสนานร่าเริง “ฮา! ดนตรี! ดนตรี! อยู่ดีๆ ข้าก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา!”
มีเสียงอันไร้เดียงสา “แม่ครับ ดูสิ! มีดอกไม้ไฟด้วย!”
มีเสียงมากมายหลากหลาย
…
เมื่อดอกไม้ไฟหายไป เมืองแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์
นี่เป็นของขวัญของแผ่นดิน เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่มันมอบให้แก่คนบนโลก
ในสวนสาธารณะ ลั่วชิวมองแผ่นไม้ชิงช้าที่มันเคยนั่ง บนนั้นวางตุ๊กตาขนฟูและรูปภาพใบหนึ่งเอาไว้
มันที่อยู่ในรูปภาพ…
“มันก็มีรอยยิ้มแบบนี้ด้วยสินะ” ลั่วชิวพูดเบาๆ
คุณหนูสาวใช้ย่อตัวลงไปหยิบบางอย่างขึ้นมาจากพื้นอย่างกะทันหัน แล้วส่งไปให้ลั่วชิว เจ้าของสมาคมลั่วยิ้ม เขารับมาอย่างระมัดระวัง และพิจารณาดูภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน
“พวกเราปลูกมันขึ้นมาเถอะ” ลั่วชิวพูดอย่างคาดหวังว่า “ปลูกไว้ข้างๆ ไม้อวบน้ำ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่ามันจะต้องสวยมากแน่เลย”
เมล็ดพันธุ์เมล็ดหนึ่ง