บทที่ 6 บทที่ 37 ผู้ชายที่ไหลมากับน้ำ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ส่วนหนึ่งของสะดือแม่น้ำใต้ดิน ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเส้นสายจิตวิญญาณและแม่น้ำ หลงซีรั่วมองดูจิตวิญญาณที่เหมือนทางช้างเผือกแล้วดื่มเหล้าจิตวิญญาณลิงอึกหนึ่ง 

 

 

เหล้าจิตวิญญาณชนิดนี้ไม่เหมาะกับการดื่มอึกใหญ่ จิบเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว 

 

 

เธออยู่ที่นี่มาได้สักพักแล้ว 

 

 

 “เซียงหลิ่วออกมาไม่ได้จริงๆ แล้วใช่ไหม?” ซูจื่อจวินมาที่ด้านหลังของหลงซีรั่วและมองดูเส้นสายจิตวิญญาณขนาดใหญ่…เธอสามารถมองเข้าไปในส่วนลึกของเส้นสายจิตวิญญาณได้ มีเงาร่างหนึ่งถูกโซ่ขนาดใหญ่พันมัดเอาไว้และกำลังดิ้นรนไม่หยุด 

 

 

หลงซีรั่วพูดว่า “หากใช้กระบี่เซวียนหยวนของเจ้าหรือร่างทองมังกรแท้ของข้าน่าจะตัดโซ่เหล่านั้นได้ แต่ไม่จำเป็น” 

 

 

เทียบกับการกักขังเซียงหลิ่วเช่นนี้แล้ว พวกเธอยินดีที่จะให้ตัวหายนะนี้หายไปตลอดกาลมากกว่า…ความสัมพันธ์ระหว่างหลงซีรั่วกับมัน หากจะพูดจริงๆ แล้วก็ใกล้ชิดยิ่งกว่ากับซูจื่อจวินเสียอีก ดังนั้นซูจื่อจวินจึงรู้ว่า นี่เป็นเพราะหลงซีรั่วเคารพในการตัดสินใจของมัน 

 

 

 “ถือว่าเขาโชคดีไป” ซูจื่อจวินยิ้มเยาะ ส่ายหน้าและพูดว่า “ผนึกแรกนั้นข้าไปแก้ไขเสร็จแล้ว หากเจ้ามีเวลาว่างก็ไปแก้ไขส่วนของเจ้าเถอะ ตอนนี้ข้าจะไปผนึกจุดที่สอง” 

 

 

หลงซีรั่วพยักหน้า “หน่วยงานภาครัฐของพวกมนุษย์ส่งนักวิจัยหลายคนไปสะดือแม่น้ำศึกษาตำแหน่งของรูยักษ์ มนุษย์มีเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ที่ใช้สำรวจมากมาย เจ้าระวังตัวด้วย อย่าให้คนพบเห็นได้” 

 

 

 “ข้าไม่ยอมให้มนุษย์พบเห็นข้าหรอก” ซูจื่อจวินเอ่ย 

 

 

หลงซีรั่วก้มหน้าลงไปไม่พูดจา แล้วยกไหเหล้าขึ้นมาดื่มอีกคำ…นี่ไม่ใช่เหล้าที่เหมาะแก่การดื่มอย่างบ้าคลั่ง แต่มังกรสายเลือดแท้แห่งแผ่นดินเทพก็ไม่ได้หวาดเกรงต่อพลังจิตจำนวนมหาศาลที่ทะลักมาจากเหล้านี้ กลับกันเธอยินดีให้ร่างกายชำระล้างอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้มากกว่า  

 

 

ต้องเป็นแบบนี้ถึงจะมีรสชาติ 

 

 

แต่ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็ขมวดคิ้วขึ้น หันกลับไป…ซูจื่อจวินก็เช่นเดียวกัน พวกเธอมองเห็นแขกที่ไม่คาดคิดว่าจะมา อย่างน้อยสำหรับพวกเธอแล้วนี่เป็นแขกที่มาโดยไม่ทันได้คาดคิดจริงๆ  

 

 

เจ้าของสมาคมกับคุณหนูสาวใช้ที่ไม่เคยห่างกายของเขา 

 

 

 “คุณหลง คุณหนูจื่อจวิน ที่แท้พวกคุณก็อยู่ที่นี่ด้วย” ลั่วชิวก้าวไปด้านหน้า แม่น้ำใต้ดินสร้างบันไดลอยยาวจากน้ำสายหนึ่งให้เขากับโยวเย่  

 

 

 “มันไม่อยู่แล้ว เจ้ามาทำอะไรที่นี่อีก?” น้ำเสียงของหลงซีรั่วดูเย็นชา 

 

 

ลั่วชิวเงยหน้ามองแหล่งกำเนิดแสงขนาดใหญ่เหนือศีรษะของเขา ร่างเดิมของเส้นสายจิตวิญญาณสายนี้แล้วพูดเบาๆ ว่า “มาส่งมอบของชิ้นสุดท้ายที่มันซื้อ” 

 

 

 “เป็นอย่างนั้นจริงๆ!” ซูจื่อจวินเหลือบมองไป 

 

 

ถึงเธอคาดเดาได้ว่าที่สมาคมเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้จะต้องมีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน แต่เธอก็ไม่ชอบคำตอบนี้นัก 

 

 

ซูจื่อจวินเอ่ยว่า “มันปรารถนาอะไรเป็นสิ่งสุดท้าย?” 

 

 

ลั่วชิวพูดอย่างสงบว่า “ความหวังของมันก็คือ นับจากนี้เป็นต้นไปเส้นสายจิตวิญญาณสายนี้จะต้องไม่เกิดจิตวิญญาณใดๆ ขึ้นอีก” 

 

 

 “ข้าไปผนึกจุดที่สองแล้วนะ” 

 

 

ซูจื่อจวินได้ยินแล้วก็ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ทันทีโดยไม่หันกลับมามองอีก เธอเดินไปอย่างรีบร้อน…เหมือนว่าไม่อยากเห็นฉากที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า 

 

 

 “คุณหนูจื่อจวิน อาการบาดเจ็บของคุณหายดีแล้ว ถึงเวลาจ่ายค่าแลกเปลี่ยนแล้วครับ” ทันใดนั้นลั่วชิวก็เอ่ยเตือนขึ้นมา 

 

 

ซูจื่อจวินยังคงไม่หันหน้ากลับมา พูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าจะไปหาเจ้าเอง วางใจเถอะ ข้าซูจื่อจวินไม่เคยติดค้างใคร” 

 

 

ลั่วชิวยิ้มน้อยๆ ก่อนมองหลงซีรั่ว 

 

 

หลงซีรั่วดื่มเหล้าจิตวิญญาณลิงอย่างบ้าคลั่งลงไปอีกอึกหนึ่ง แต่หลีกทางให้เล็กน้อยและมองดูลั่วชิวกับโย่วเย่เดินผ่านร่างกายของตนเองไปเงียบๆ จนสุดท้ายก็เข้าไปใกล้ขอบของเส้นสายจิตวิญญาณ  

 

 

ในตอนที่เจ้าของสมาคมผู้นี้ยื่นมือออกมานั้น หลงซีรั่วก็ตะโกนให้หยุดอย่างกะทันหัน “รอเดี๋ยว!”  

 

 

 “คุณหลงมีปัญหาอะไรงั้นหรือครับ?” ลั่วชิวหันไปถาม 

 

 

หลงซีรั่วพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นว่า “พวกเจ้ารับรองได้ไหม ว่าเส้นสายจิตวิญญาณจะไม่มีจิตวิญญาณเกิดขึ้นอีก?” 

 

 

ลั่วชิวครุ่นคิดครู่หนึ่งและส่ายหน้าพูดว่า “ผมรับรองได้เพียงว่า ก่อนที่จะมีลูกค้าท่านอื่นมาใช้สิ่งแลกเปลี่ยนที่มีค่ามากกว่าแลกโอกาสความเป็นไปได้ที่คุณพูดถึง ก็จะไม่มีจิตวิญญาณเกิดขึ้นมาอีก และตอนนี้มันก็ไม่สามารถจ่ายค่าแลกเปลี่ยนเพื่อลบโอกาสนี้ออกไปได้อีกแล้ว” 

 

 

ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็ยิ้มเยาะออกมา พูดจาแดกดันว่า “นิสัยพ่อค้า!” 

 

 

ลั่วชิวไม่พูดไม่จา เพียงแค่ยื่นมือเข้าไปสัมผัสเส้นสายจิตวิญญาณก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในเส้นสายจิตวิญญาณและถูกพาไปส่วนลึกที่สุดของมัน 

 

 

เช่นนั้นตอนนี้ก็เหลือเพียงหลงซีรั่วและคุณหนูสาวใช้สองคนแล้ว หลงซีรั่วไม่ได้รู้สึกกระดากอาย เพียงแต่รู้สึกอึดอัดทรมาน ส่วนคุณหนูสาวใช้นั้นไม่ได้รู้สึกประหม่าหรืออึดอัดเลย เพียงแต่ยิ้มให้มังกรแท้แห่งแผ่นดินเทพผู้นี้ 

 

 

ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็หันกลับ ก่อนจะจากไปเธอก็พูดขึ้นว่า “รอเจ้านายของเจ้ากลับมาแล้ว รบกวนเจ้าบอกเขาว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ขอบคุณเขาที่มอบความทรงจำบางส่วนให้มัน” 

 

 

 “คุณหลง” ทันใดนั้นคุณหนูสาวใช้ก็ร้องเรียกหลงซีรั่วไว้ 

 

 

หลงซีรั่วขมวดคิ้วหันหน้ากลับมา “ยังมีเรื่องอะไรอีก?” 

 

 

 “คืออย่างนี้ค่ะ” โยวเย่ยิ้มเอ่ยว่า “หากคุณหลงมีเวลาก็ไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิสิกส์บ้าง” 

 

 

 “อะไรกัน?” หลงซีรั่วชะงัก จากนั้นก็ส่ายหน้าและสบถว่า “ข้าจะเรียนอะไรต้องให้เจ้ามาสนใจด้วยเหรอ…ยุ่ง!”  

 

 

 “เสียมารยาทแล้วค่ะ” โยวเย่พูดเบาๆ 

 

 

หลงซีรั่วกลายร่างเป็นแสงสีทองสายหนึ่งจากไป 

 

 

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ลั่วชิวก็ออกมาจากเส้นสายจิตวิญญาณ 

 

 

คุณหนูสาวใช้ยังคงรออยู่บนบันไดน้ำอย่างสงบ 

 

 

ลั่วชิวยิ้มและเอ่ยว่า “ยังอาลัยอาวรณ์ที่นี่อยู่นิดหน่อย…คิดว่าต่อไปคงจะไม่เห็นความทรงจำของแผ่นดินผืนนี้อีกแล้ว” 

 

 

พูดแล้ว ลั่วชิวทำให้บันไดลดตัวลงมา จากนั้นก็เดินมาที่ขอบแม่น้ำใต้ดินกับโยวเย่ เจ้าของสมาคมลั่วย่อตัวลง ยื่นสองมือออกไปในแม่น้ำที่เย็นผิดปกติและจุ่มขวดลงไปใส่น้ำ 

 

 

หลังจากขวดบรรจุน้ำจนเต็มแล้ว เจ้าของสมาคมถึงยิ้มอย่างพอใจและพูดว่า “เอากลับไปต้มน้ำร้อนเถอะ” 

 

 

… 

 

 

… 

 

 

หมู่บ้านขนาดเล็กนั้นเงียบสงบมาก 

 

 

ที่นี่มีแม่น้ำไหลผ่าน แต่ก่อนเป็นสิ่งที่คนในหมู่บ้านอาศัยพึ่งพิง แต่ในตอนนี้ไม่สามารถดื่มน้ำได้แล้ว จนถึงตอนนี้ประโยชน์เพียงอย่างเดียวก็คือ…ให้บรรดาผู้หญิงในหมู่บ้านได้ใช้ซักผ้า 

 

 

ก็เหมือนกับเวลาปกติ แม่ม่ายซานเอ๋อร์ในหมู่บ้านพาลูกสาววัยสี่ขวบของเธอมาซักผ้า 

 

 

ซานเอ๋อร์เปิดร้านขายเต้าหู้ นับตั้งแต่สามีตายไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน เธอก็รับผิดชอบเลี้ยงดูลูกสาวเพียงลำพัง 

 

 

ซานเอ๋อร์ไม่ได้สวยมาก แต่ก็มีความอ่อนโยนของผู้หญิงทางใต้ มองแวบแรกแล้วรู้สึกสบายตา เมื่อมองอีกก็รู้สึกอบอุ่น จากนั้นค่อยค้นพบความงามของเธอ 

 

 

 “แม่คะ เดี๋ยวหนูขอไปดูนางฟ้าโดมี่*ได้ไหมคะ?” 

 

 

 “อืม…งั้นก็ต้องดูว่าลูกเชื่อฟังแม่ไหม ถ้าดื้อก็อดนะ” ซานเอ๋อร์ลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกสาว 

 

 

ลูกสาวพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็ไปนั่งบนบันไดหินข้างแม่น้ำ ใช้สองมือกอดเข่า หมู่บ้านโบราณเช่นนี้ตั้งขึ้นข้างแม่น้ำ เป็นแบบหมู่บ้านโบราณของทางใต้ 

 

 

ซานเอ๋อร์ไม่ได้ไปซักผ้าที่เดียวกันกับคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน เธอจะพาลูกสาวของเธอมาที่ที่ไกลและเงียบกว่าหน่อย 

 

 

ในตอนที่ซานเอ๋อร์วางอ่างซักผ้าลงนั้น อยู่ดีๆ ลูกสาวก็ชี้ไปข้างหน้าและพูดว่า “แม่คะ! ในน้ำมีคน!” 

 

 

 “ไอ๊หยา มีจริงๆ ด้วย!” ซานเอ๋อร์มองออกไป มีเงาร่างสายหนึ่งลอยตามน้ำมาจริงๆ 

 

 

หัวใจของซานเอ๋อร์เต้นแรง หลังจากอุ้มลูกสาวไปไว้ไกลแล้วก็หาไม้ไผ่มาลำหนึ่งเขี่ยเงาร่างนั้นเข้ามา 

 

 

รอจนคนคนนั้นลอยมาบนบันไดหินข้างแม่น้ำแล้ว ซานเอ๋อร์ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงรวบรวมความกล้ายื่นมือออกไปวางบนข้อมือของคนคนนั้น “ยังไม่ตาย! ยังไม่ตาย! ดี ดีจริงๆ…” 

 

 

ซานเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงดีใจขนาดนี้…น่าจะเป็นเพราะเธอกลัวว่าคนที่เขี่ยขึ้นมาจะตายไปแล้ว 

 

 

หรือว่ากลัวอะไร 

 

 

ซานเอ๋อร์ออกแรงพลิกตัวผู้ชายคนนั้น มองออกแล้วว่าเป็นผู้ชายอายุประมาณสามสิบปี ผมตรงยาว แต่มัดเอาไว้ ใบหน้าดูหมดอาลัยตายอยาก…โครงหน้าไม่เหมือนโครงหน้าที่พบเห็นโดยทั่วไป 

 

 

เหมือนโครงหน้าของคนต่างชาติ 

 

 

บนเสื้อผ้าส่วนหน้าอกขาดออกเป็นรูขนาดใหญ่ แต่ไม่มีบาดแผล 

 

 

แต่ในตอนที่ซานเอ๋อร์พยุงคนคนนั้นขึ้นมา ผู้ชายแปลกประหลาดคนนี้กลับลืมตาขึ้นมากะทันหันและเงยหน้าขึ้น ซานเอ๋อร์พูดอย่างดีใจว่า “คุณตื่นแล้ว! ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” 

 

 

ผู้ชายคนนั้นลังเลเล็กน้อย แล้วถึงพูดอย่างอ่อนแรงว่า “คุณ…คุณเป็นใคร? ที่นี่…คือที่ไหน?” 

 

 

 

 

 

*นางฟ้าโดมี่ เป็นชื่อตัวละครในซีรี่ย์สำหรับเด็ก