[ส่วนที่ 7 น้ำนิ่งคลื่นน้อย] ตอนที่ 7 คนงาม

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

ไม่ได้นึกถึงข้าวมาทั้งวัน เวลานี้เพิ่งเงียบ หลี่เฉิงเฉียนก็รู้สึกท้องว่างเปล่าหิวจนทนไม่ไหว เห็นอวิ๋นเยี่ยกำลังกินข้าวต้มอยู่ก็เลยตักให้ตัวเองหนึ่งชาม นั่งตรงข้ามอวิ๋นเยี่ยคีบไชโป๊ชิ้นหนึ่งกินกับข้าวต้ม ขันทีกับทหารคุ้มกันต่างเดินออกไปเฝ้าข้างนอกอย่างรู้งาน ในลานคงมีพวกเขาเพียงสองคนกินข้าวกันอยู่

 

 

“เยี่ยจื่อ ตามข้ากลับวังเถอะ เสด็จแม่มีเรื่องจะถามเจ้า”

 

 

“ไม่ไปหรอก เขาเคลียร์ถนนกันแล้ว เวลานี้ข้าคนหนุ่มเข้าวังคนเดียวเดี๋ยวจะเกิดข้อครหา”

 

 

“ครหากะผี เจ้าเข้าไปน้อยครั้งหรือ พี่สาวข้ายังโดนเจ้าทำท้องโตในวัง ยังจะมาทำเป็นซื่อใสบริสุทธิ์อีก ว่าไปแล้ว พอเสด็จแม่ถามจบเจ้าก็กลับตงกงกับข้า ใครจะให้เจ้าค้างในวังหลัง”

 

 

“อย่าเลย เดี๋ยวจะเห็นฉากโรแมนติกเจ้ากับนักดนตรีใหม่ในตงกง”

 

 

“ใครพูดอะไรชุ่ยๆ ข้าจะไปถอนลิ้นมันทิ้งเดี๋ยวนี้ จริงอยู่ อาอ๋องเพิ่งส่งนักดนตรีชื่อเชิงซินให้ข้าคนหนึ่ง หลายวันนี้ข้ามัวแต่รวบรวมเงินเลยยังไม่ทันได้เจอ อยู่ดีๆจะมีเรื่องไม้ป่าเดียวกันได้อย่างไร”

 

 

หลี่เฉิงเฉียนได้ยินที่อวิ๋นเยี่ยพูด คล้ายกระต่ายต้องธนูกระโดดขึ้นมาทันที ลูกผู้ชายพอได้ยินเรื่องชอบไม้ป่าเดียวกันไม่มีคนไหนทนได้ ดูแล้วเจ้านี่คงไม่ได้มีจิตวิปริต

 

 

“แกล้งทำไปเลย ข้าหลบไปสอนหนังสือในอวี้ซันยังอุตส่าห์ได้ยิน เจ้ายังว่าไม่เคยเห็นอีก ข้าได้ยินว่าเชิงซินคนนี้ใบหน้างามราวดอกเถาฮวา ลำตัวอ่อนช้อยราวต้นหลิว ลมหายใจราวกลิ่นกล้วยไม้เพราะภายในซ่อนของดีไว้ ตอนอาแปดเจ้าคุยให้ข้าฟังยังน้ำลายยืดยาวบอกว่าเคยพบที่วังฮั่นอ๋อง สาวงามสุดของฉางอันยังทาบไม่ติด พักนี้เจ้ามักไม่ได้มาพักผ่อนที่อวี้ซันดูเหมือนยุ่งมาก คงจะสุขสราญบานใจทุกค่ำทุกคืน จนไม่รู้ร้อนหนาวภายนอกเป็นที่อิจฉาริษยาของผู้คน”

 

 

“วันนี้ข้าไปดูกับเจ้าด้วยกันว่าเป็นคนงามขนาดไหนกัน ที่ทำให้ทุกคนถึงกับไม่รู้ลืมเลือน ฆ่าเสียด้วยกระบี่เดียว ใครชื่นชอบก็ส่งศีรษะนางงามให้ไป กล้ามาหัวเราะเยาะข้า แค้นใจนัก”

 

 

“เจ้าไม่ต้องเข็นข้า ข้าเดินเองได้ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเอาเรื่องเจ้ากับเชิงซินมาเรียบเรียงใหม่ใส่กบาลข้า ข้าจะต้องไปโดดน้ำตาย น่าสะอิดสะเอียนจัง ทำไมเจ้าจึงชอบผู้ชาย เฉิงเฉียน ข้ายังไม่ได้เห็นโหวเหลียนเอ๋อร์แต่ฟังเสียงก็รู้ว่าเป็นสาวงามแน่นอน มีสาวงามไม่รู้จักทนุถนอม เรื่องหาผู้ชายหรือ อาแปดเจ้าชอบกันนักเจ้าคงไม่เอาอย่างเขา โอยปล่อยมือ ข้าจะโดนเจ้าบีบคอตายแล้ว”

 

 

รถม้าเบาเวลานี้ฮิตมากในฉางอัน คุณชายทั้งหลายหากไม่มียี่ห้อฉางอันสักคันต้องอายจนไม่กล้าพบใคร ม้างามสูงใหญ่แหงนคอยกเท้าสูง ไม่ต้องดูคน แค่เห็นม้าก็รู้แล้วว่าโอ่อ่าขนาดไหน

 

 

เหล่าทหารคุ้มกันออกันพร้อมรถม้าหลี่เฉิงเฉียนเข้าประตูจูเชวี่ย เจ้าหน้าที่ประตูยังไม่ทันทำความเคารพก็ถูกหลี่เฉิงเฉียนใช้แซ่ตีให้หลบไป ไม่ได้สนใจกฎระเบียบห้ามควบม้าในพระราชวังเลย

 

 

เรื่องเช่นนี้ย่อมต้องมีคนทูลฮ่องเต้กับฮองเฮา หลี่ซื่อหมินกำลังดื่มสุราฟังแล้วยิ้ม ยังคงถือถ้วยสุราดื่มต่อ จะต้องมีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นรัชทายาทกับอวิ๋นเยี่ยจะไม่ก่อความวุ่นวายขี่ม้าเข้าวังแล้วยังวิ่งเตลิดอีก

 

 

“มีเรื่องอะไรกันแน่ เล่าให้ละเอียด รัชทายาทกับอวิ๋นเยี่ยทำไมจึงโต้แย้งกัน” จั่งซุนวางตะเกียบถามขันทีของรัชทายาท

 

 

“ข้าได้ยินเพียงอวิ๋นโหวหัวเราะเยาะรัชทายาทที่ชอบผู้ชายชื่อเชิงซิน รัชทายาทโกรธจัด ว่าไม่มีเรื่องนี้เด็ดขาด อวิ๋นโหวพูดเรื่องประหลาดที่ทำให้รัชทายาทโมโห ตอนนี้รัชทายาทกำลังจะไปสังหารคนที่ชื่อเชิงซิน จับอวิ๋นโหวไปเป็นพยาน”

 

 

สุราที่อมอยู่ในปากหลี่ซื่อหมินพ่นพรวดออกไป หัวเราะจนหายใจไม่ทัน โบกให้ขันทีถอยไปแล้วบอกฮองเฮาว่า “เป็นอย่างไร ข้าพูดผิดหรือไม่ สองวันก่อนเจ้ายังห่วงว่ารัชทายาทจะโดนมอมเมา ข้าว่าถ้ามีอวิ๋นเยี่ยอยู่แล้วยอมปล่อยให้มีเรื่องเช่นนี้สิแปลก เรื่องส่วนตัวพวกนี้ เจ้ากับข้าออกหน้าลำบาก ทำอย่างไรก็ยุ่งยาก ไม่แน่ว่าอาจทำให้รัชทายาทเกิดความรู้สึกต่อต้านด้วยซ้ำ มีเพียงอวิ๋นเยี่ยออกโรงจึงจะไม่มีเรื่องราว เขาหัวเราะเยาะได้ตักเตือนได้ข่มขู่ได้ มีทางเลือกมากมาย ด้วยความเป็นเพื่อน จิตใจเฉิงเฉียนจะไม่เกิดปมอะไรเด็ดขาด ดังนั้นจึงพูดว่าบางเรื่องนั้นให้เพื่อนไปเตือนดีกว่าพวกเราลงมือสักร้อยเท่า เวลานี้อวิ๋นเยี่ยเลือกการหัวเราะเยาะ ต่อให้เฉิงเฉียนเสียดายก็ต้องกำจัดเด็กวิปริตคนนั้น หยวนชาง เรื่องที่เจ้าทำยิ่งวันยิ่งเหิมเกริมแล้ว”

 

 

ส่วนหน้ายังพูดเป็นเล่นแต่ส่วนหลังฟังดูเ**้ยมเกรียม จั่งซุนถอนใจ ยืนอยู่ด้านหลังนวดคอให้หลี่ซื่อหมิน

 

 

วิ่งกันเตลิดเปิดเปิงไปถึงตงกง ก่อนลงรถหลี่เฉิงเฉียนถามอวิ๋นเยี่ยกะทันหัน “อยู่ดีๆข้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ไม่ว่าข้าทำอย่างไรก็ราวกับไม่ถูกต้อง อาอ๋องส่งนักดนตรีมาให้หนึ่งคนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่พอคนไปเล่าเรื่องเป็นสาวประเภทสองก็ไม่ถูกเรื่องแล้ว เรื่องส่วนตัวข้าเจ้าไม่เคยยุ่งไม่เคยถาม ทำไมครั้งนี้จึงได้หัวเราะเยาะข้าอย่างแรง ต้องมีเหตุผลอะไรแน่”

 

 

“เป๊าะๆๆ”เสียงอวิ๋นเยี่ยตบมือดังออกมาจากในรถ โดดลงจากรถม้าแล้วบอกหลี่เฉิงเฉียนว่า “ข้ายังนึกว่าต้องถึงพรุ่งนี้เจ้าจึงนึกออก ไม่นึกว่าเจ้ามีข้อสงสัยตั้งแต่ตอนนี้ ดีเลย ที่ฝ่าบาทลงทุนคิดเรื่องเจ้ามาสองปีนี้ไม่เสียเปล่า ในเมื่อมีข้อสงสัยก็ต้องหาคำตอบเอาเอง ข้าจะไปห้องครัว เมื่อครู่นี้เพิ่งกินช้าวต้มชามเดียวยังหิวอยู่เลย”

 

 

“เจ้าไม่ไปดูคนงามที่ใบหน้าราวดอกเถาฮวา เอวอ่อนช้อยราวกิ่งหลิวหรือ” หลีเฉิงเฉียนแยกขี้ยวยิ้มให้อวิ๋นเยี่ย

 

 

“หากเป็นผู้หญิงข้าจะสนใจมาก แต่ถ้าเป็นผู้ชายข้าเกลียดผู้ชายทุกคนที่หล่อเหลากว่าข้า สาวประเภทสองชนิดนั้นข้าเห็นแล้วจะอาเจียนออกมา เพื่อเห็นแก่กระเพาะข้าอย่าให้เห็นดีกว่า เจ้าไปดูเองไม่แน่ว่าอาจจะเป็นรักแรกพบ หากรักกันจริงข้าขอให้พวกเจ้าดังนกบินคู่กอดคอพัวพัน ก่อนที่พวกเจ้าเตรียมจะขึ้นเตียงด้วยกัน อย่าลืมหาห้องเก็บฟืนที่ห่างพวกเจ้ามากที่สุดให้ข้าแค่คืนเดียวก็พอ”

 

 

พูดจบก็หัวเราะแฮะๆวิ่งตรงเข้าห้องครัว วังรัชทายาทสำหรับเขาแล้วคุ้นเคยยิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเชิงซินเป็นเรื่องส่วนตัวของหลี่เฉิงเฉียน อวิ๋นเยี่ยจะไม่เข้าไปยุ่งด้วยอย่างโง่ๆ ทุกคนล้วนแต่มีสิทธิ์ในเรื่องส่วนตัวอย่างเต็มที่ การบอกหลี่เฉิงเฉียนถึงความคิดเห็นของตัวเองเนื่องในฐานะความเป็นเพื่อน ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปเป็นการเลือกของหลี่เฉิงเฉียนเอง อวิ๋นเยี่ยไม่เชื่อจริงๆว่าพี่น้องที่อยู่กับชายแท้เช่นตัวเองมานามนมเนเช่นนี้จะไปชอบผู้ชาย หลี่เฉิงเฉียนเปลี่ยนเป็นคนละคนไป หลี่หยวนชางยังใช้อุบายในประวัติศาสตร์ไปหลอกล่อ นี่ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวหรือ นึกถึงจั่งซุนกับหลี่ซื่อหมินแล้วอวิ๋นเยี่ยยังรู้สึกโศกเศร้าแทนหลี่หยวนชางด้วยซ้ำ การตกอยู่ในน้ำมือของสองยมบาลตัวเป็นๆนี้ ถ้าสามารถเหลือผิวหนังที่ดูดีสักชิ้นก็ถือว่าเขาโชคดีแล้ว

 

 

โอย บอกแล้วว่าไม่ให้เที่ยวฆ่าวัว ห้องครัวรัชทายาทมีเนื้อวัวสดที่เพิ่งปรุงสุกออกมา เลือกเนื้อเอ็นชิ้นใหญ่ที่ดีที่สุดสองชิ้น ให้คนครัวห่อขึ้นมาเตรียมเอากลับบ้านพรุ่งนี้ โอ้โฮ ไม่เคยเห็นปูผังเซี่ยตัวโตเท่าชาม ไม่เลว คายดินโคลนออกหมดแล้วพ่นฟองอากาศอยู่ในน้ำปล่อยทิ้งไปไม่ได้ให้นึ่งก่อนสองตัว เตะก้นคนครัวหนึ่งทีให้รีบเตรียมขิงป่นกับน้ำส้มสายชู ไม่เห็นหรือว่าโหวเหยียน้ำลายไหลออกมาแล้ว

 

 

คนครัวตงกงมีภูมิคุ้มกันต่อโหวเหยียที่มักจะขลุกอยู่ในครัวคนนี้มานานแล้ว ได้ยินคำสั่งโหวเหยียก็รีบเอาใบบัวห่อเนื้อวัวล้างขิงเตรียมทำขิงป่น อู้ฮู กุ้งใหญ่ทะเลปั๋วไห่มีทั้งอ่าง แล้วที่ตัวดำๆอยู่ใต้อ่างอีกเป็นอะไรกัน โอ้สวรรค์ เป็นปลิงทะเลเป็นๆด้วย ใครนะมีฝีมือขนาดขนปลิงทะเลเป็นๆมาถึงฉางอัน ตัวพวกนี้ทั้งไส้แตกทั้งหนังหลุด ไม่มีเครื่องบินทำได้อย่างไร

 

 

นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่คืนนี้ได้กินปลิงทะเลผัดต้นหอม พรุ่งนี้ซินเย่ว์มีปลิงทะเลกินบำรุงได้ คนครัวอ้วนฝีมือใช้มีดชั้นเยี่ยม หั่นเนื้อวัวได้บางจนเห็นแสงด้านหน้าผ่านชิ้นเนื้อวัวได้

 

 

ต้นหอมซอยจนบางเป็นระเบียบ มัดปูผังเซี่ยแล้วใส่ในรังถึงนึ่งเพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง หั่นปลิงทะเลเป็นชิ้นๆผัดกับต้นหอมที่หั่นเป็นท่อนๆพลิกเพียงไม่กี่ทีก็เสร็จหากไม่แล้วก็จะดูไม่สด หมั่นโถวที่เพิ่งนึ่งเสร็จทาน้ำมันหมูแล้วโรยเกลือรสอร่อยมากจนไม่อยากบอกคนอื่น ดูดน้ำลายรอคนครัวยกของอร่อยขึ้นมา วันนี้จะต้องกินกันให้เต็มที่

 

 

รู้สึกมีอะไรผิดปกติด้านหลังพอหันไปดูก็ไม่ชอบใจไม่ใช่เพราะอะไร จั่งซุนยืนอยู่ข้างหลัง พวกราชวงศ์เสียตรงนี้ เวลาเดินไม่มีเสียง อยู่กับหลี่เฉิงเฉียงสองคนดูอวิ๋นเยี่ยวุ่นวายทำโน่นทำนี่อย่างเงียบกริบ รอจนเตรียมจะกินก็มาปรากฏตัว

 

 

“อย่าไม่พอใจ นี่เป็นบ้านข้า ข้ากับเสด็จแม่กินของอร่อยในบ้านตัวเองคงไม่ต้องดูสีหน้าเจ้า” หลี่เฉิงเฉียนไม่ได้ไปจัดการเชิงซิน แต่วิ่งมาห้องครัวดูว่าอวิ๋นเยี่ยทำอะไรกัน อาหารอร่อยมื้อนี้ย่อมสำคัญกว่าเชิงซินแน่นอน

 

 

“ท่าทางเหมือนผีอดโซมาเกิด ความเก่งกาจร้อยแปดพันประการของอาจารย์เจ้าไม่ได้หัดให้เก่งสักอย่าง รู้แค่ใช้ปากพูดมากทั้งวัน คงเป็นเช่นนี้ ความโชคร้ายของต้าถัง ของอะไรที่ดีๆพอมาถึงต้าถังต้องโดนหักส่วนลดตลอด ให้อัจฉริยะมาสักคนก็เหมือนกัน ครั้งหน้าไปศาลเจ้าเหล่าจวิงกวนจะต้องขอบรรพบุรุษดีๆให้คนที่ไม่ปากมาก”

 

 

ความคิดให้จั่งซุนชมเชยอวิ๋นเยี่ยสิ้นหวังนานแล้ว ตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะโกยปลิงทะเลมองดูหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เนื้อวัวก็เอา? เกินไปแล้ว มีปูผังเซี่ยสองตัวเลือกตัวโตใส่กล่องอาหารบอกว่าส่งให้ฮ่องเต้เป็นมื้อค่ำ ระยะนี้ตรวจฎีกาจนดึกดื่น ร่างกายผ่ายผอมจนคนกังวลต้องบำรุง ไม่ได้เป็นจริงซักอย่าง ความเห็นอวิ๋นเยี่ยคือหลี่ซื่อหมินสมควรลดน้ำหนัก พุงยื่นออกมาแล้วยังจะบำรุงอีก?

 

 

จั่งซุนใบหน้าเปี่ยมสุข ให้ก้ามปูใหญ่อวิ๋นเยี่ยกับหลี่เฉิงเฉียนคนละก้าม ตัวเองใช้ช้อนควักมันปูกิน ไม่กี่วันก่อนยังแสดงท่าทีเหมือนพระโพธิสัตว์กวนอินเที่ยวรับซื้อเสบียงเหลือจากราษฎรตามสถานที่ต่างๆ ทั้งตัวเองยังสุ่มตรวจตามที่รับซื้อเสบียงอาหารว่ามีการทุจริตหรือไม่ จับคนเน่ยหู่โง่เง่าได้คนหนึ่งสั่งโบยสามสิบทีในสถานที่นั้นทันที ทำเอาราษฎรต่างซาบซึ้งจนน้ำตานองหน้าราวกับเห็นมารดาตัวเอง

 

 

เวลานี้ราวกับราชินีที่หยิ่งผยอง แบ่งก้ามปูให้รุ่นหลังสองคนคนละก้ามก็ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงแล้ว ปลิงทะเลที่ดูดำมืดน่ากลัวหลังจากกินชิ้นเล็กไปแล้วก็ใช้ตะเกียบคีบไม่หยุด น้ำองุ่นหมักก็ดื่มติดๆกันสามถ้วยโดยไม่มีอาการอะไรทั้งใบหน้าก็ไม่เปลี่ยนสี บอกเพียงว่าปีนี้ผลเก็บเกี่ยวดีมาก สมควรฉลอง