ต่อหน้าจั่งซุนแล้วหลี่เฉิงเฉียนไม่เอ่ยถึงเชิงซินแม้แต่คำเดียว จั่งซุนก็ไม่พูด ทั้งสามคนดื่มน้ำองุ่นหมักทั้งกินอาหารจนหมดเกลี้ยงแล้วจั่งซุนจึงถือกล่องอาหารกลับวังไท่จี๋
หลี่เฉิงเฉียนสบายใจมาก อยู่กับอวิ๋นเยี่ยสองคนกินหมั่นโถวร้อนที่ทาน้ำมันหมูกินพลางคุยพลาง คนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นอีกคนเอนกายบนต้นไม้ จากเรื่องร้านค้าเงินวันนี้จนถึงเมฆฝนนอกด่าน ถือโอกาสเดาว่าหลี่อันหลานสามารถทำรายได้สักเท่าไรกันแน่ กัดฟันด่าพวกศักดินาที่โลภไม่รู้จบว่าต้องการเงินมากมายไว้ฝังพร้อมตัวเองหรืออย่างไร
คนหนุ่มอยู่ด้วยกันมักมีเรื่องใหม่ๆที่คุยเท่าไรก็ไม่หมด คำพูดหลี่เฉิงเฉียนมีแต่เรื่องที่สืบค้นความจริงของโหวเหลียนเอ๋อร์ บอกว่าตัวเองยังไม่เคยเห็นเลย ถ้าแต่งงานแล้วพบว่าหลี่เหลียนเอ๋อร์มีแต่รอยแผลเป็นเต็มหน้าจะทำอย่างไร
“ไม่ต้องมาสืบข้าก็ไม่ได้เห็น ขณะที่ข้าไปลั่วหยางตระกูลโหวก็ไม่ให้นางพบใคร ขนาดพวกเราคุ้นเคยกันทั้งบ้านยังไม่ได้แจอ ได้เพียงเห็นตอนนางเอาค้อนขว้างเฉิงฉู่มั่วดูมีแรงเยอะมาก ฟังเสียงเป็นสาวงามชั้นเยี่ยมแน่ เฉิงฉู่มั่วก็ว่าตอนเด็กเคยเห็นเหลียนเอ๋อร์สวยมากดูมารดานางก็รู้ ถ้าไม่สวยคงแปลกมาก
คำพูดนี้ยิ่งทำให้หลี่เฉิงเฉียนกังวลมากขึ้น การเดาเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้เลยพลาดนิดเดียวห่างกันเป็นโยชน์ก็คือการเดา ในโลกแห่งการวาดฝันแม่หมูก็กลายเป็นเตียวเสี้ยนได้ เขาไม่เคยเห็นด้วยกับมาตรฐานความงามของเฉิงฉู่มั่วตลอดมา
“ต่อให้ดูแย่หน่อยก็ถือว่าเจ้าอุทิศตัวเพื่อแผ่นดินตระกูลหลี่แล้วกัน หลายปีมานี้เหล่าโหวบุกเบิกแผ่นดินให้ต้าถังแล้วมากมายคุ้มค่าที่เจ้าอุทิศตัว ไม่ใช่ยังมีสาวน้อยตระกูลโซวอีกหรือ ได้ยินว่าเป็นระดับสุดยอดของตระกูลไม่ว่าด้านความงามและกริยาทั้งอุปนิสัยและการเจรจา ไม่รู้เจ้าเคยเห็นแล้วยัง” มองดูใบหน้าสุดแสนขมขื่นของหลี่เฉิงเฉียนแล้วอวิ๋นเยี่ยแน่ใจได้เลยว่าเขายังไม่เคยเห็นภรรยาทั้งสองของเขา
“หากพรุ่งนี้ไปเยี่ยมซูเฉิง เจ้าว่าเขาจะให้ข้าพบบุตรสาวของเขาไหม”
“เป็นไปไม่ได้ ตระกูลซูไม่มีทางให้นางพบผู้ชายคนไหนเด็ดขาดในระหว่างนี้ อีกอย่างหนึ่งถ้าเจ้าไปดูข้าไม่ไว้ใจเลย” หลี่เฉิงเฉียนนอนบนกิ่งไม้พูดอย่างเหนื่อยหน่าย
“ข้าดูเหมือนพวกบ้ากามหรือ” นั่งบนเก้าอี้ถามหลี่เฉิงเฉียน
“ใช่บ้ากามหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ที่ท้องพี่สาวข้าโตขึ้นมานั้นหนีไม่พ้นเจ้าอยู่แล้ว เจ้ายืนบนฝั่งแม่น้ำฮวงโหโบกมือให้ขบวนเรือทั้งร้องทั้งกระโดด พี่สาวข้ายังตัดผมออกมาโปรยกลางสายลม ความอาลัยรักเช่นนี้ทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา ต่อให้พวกเจ้าแต่งงานกันไม่ได้ มีแค่ส่วนนี้ก็เหลือกินแล้ว”
“หนอยแน่ เจ้าถึงขนาดตามสืบข้า” อวิ๋นเยี่ยอายจนโมโห อายมากกว่าไม่ใช่โมโห หากตามสืบจริงก็คงไม่บอก
“ข้าส่งทหารคุ้มกันให้พี่สาวหกคน ใครจะรู้ว่ามีคนหนึ่งไม่ทันถึงลั่วหยางก็โดนก้อนหินลูกน้องเจ้าพุ่งชนจนฟันร่วงหมดปากไม่กลับมาไม่ได้ หากไม่มีฟันไปหลิ่งหนานเท่ากับรนหาที่ตาย กลับมาร้องไห้บอกข้าว่าเจ้าเป็นคนทำ”
“ไอ้เบื๊อกนั่นอยู่ไหน ข้าจะตัดลิ้นมันออกมาด้วย” อวิ๋นเยี่ยกระโดดขึ้นมาจะไปหาเรื่องคนนั้น
“เอาเถอะ เจ้านั่นฟันหายหมดปากแล้วเสียบุคลิกหมด ข้าสั่งไปอยู่ในกองทหารหาประสบการณ์แล้ว เจ้าเราะฟันเขาจนหมดปากต่อไปกินได้แต่ข้าวต้มยังจะทำอะไรเขาอีก ช่วยข้าคิดหาวิธีให้เข้าท่าหน่อยว่าทำอย่างไรจึงจะได้เห็นภรรยาข้า”
“คนหนึ่งเป็นผู้สืบทอดของจักรวรรดิอีกคนเป็นโหวเหยียที่สง่างาม ปรึกษากันในยามวิกาลว่าทำอย่างไรจึงจะได้เห็นหน้าผู้หญิงที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนจะเหมาะสมหรือ เวลานี้ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเราควรปรึกษากันว่าทำอย่างไรที่จะให้คนหลงกลเราโดยไม่รู้ตัวจึงจะสมฐานะพวกเรา”
“เจ้าจะไปหรือไม่ไป ไม่ต้องมาพูดมาก” หลีเฉิงเฉียนชักรำคาญ หมอนี่ขาดความอดทนจริงๆ
“ทำเรื่องเช่นนี้ต้องมีสายภายใน พวกเราทั้งคู่ต่างเข้าบ้านโซวไม่ได้ ไม่เช่นนั้นภารกิจจะถูกเปิดเผย จะต้องส่งสายเข้าไป ล่อให้คุณหนูตระกูลโซวออกมา พวกเราจึงจะลงมือได้” อวิ๋นเยี่ยคลำคางพูด
“ใครเหมาะที่จะเป็นสายหรือ” หลี่เฉิงเฉียนพยายามคิดหาตัวเลือกคนนี้
คิดกันอยู่นานก็ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้ มองไกลๆเห็นองค์หญิงฉางเล่อมีนางกำนัลติดตามมาที่วังตงกง อวิ๋นเยี่ยดันหลี่เฉิงเฉียนว่า “ดูๆ สายมาแล้ว ฉางเล่อเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เจ้าบอกฉางเล่อให้ไปบ้านโซวบอกว่าอยากร่วมกับคุณหนูโซวไปนมัสการวัดฉืออันซื่อ ไม่ใช่จะมีโอกาสได้เห็นนางแล้วหรือ” ออกอุบายเสร็จ อวิ๋นเยี่ยรู้สึกตัวเองออกจะเหมือนพวกแม่เล้าหาแขก
“เจ้าไม่ใช่ไม่รู้จักนิสัยฉางเล่อ เรื่องบ้าบอเช่นนี้นางจะร่วมมือหรือ นิสัยนางแค่โกหกยังไม่เป็น จะทำได้อย่างไร” หลี่เฉิงเฉียนรู้จักนิสัยน้องสาวตัวเอง ไม่เชื่อว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
“เฉิงเฉียน เจ้ารู้จักผู้หญิงน้อยไปแล้ว ผู้หญิงเกิดมาก็โกหกเป็น ยิ่งพวกคนซื่อๆโกหกได้แนบเนียนที่สุด อีกอย่างหนึ่งข้ารู้ว่าองค์หญิงฉางเล่อหลงเสน่ห์ลูกบอลอบร่ำเครื่องหอมของเจ้ามานานแล้ว ถ้าหากเจ้ายอมสละได้ เรื่องที่เจ้าจะได้เห็นภรรยาตัวเองว่าหน้าตาเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องยากนักหรอก”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังวางแผน ฉางเล่อก็เดินมาถึงทำความเคารพหลี่เฉิงเฉียนอย่างมีมารยาท พร้อมกับทักอวิ๋นเยี่ยแล้วพูดว่า “พี่ชายใหญ่ เสด็จแม่ว่าพรุ่งนี้ท่านยังต้องตามเฝ้าร้านค้าเงินให้ดีๆทำผิดพลาดไม่ได้ จึงส่งน้องมาเตือนให้ท่านรีบเข้านอน”
พูดจาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลมาก เด็กสาวทั้งสวยงามทั้งเรียบร้อยเช่นนี้ต้องตกเป็นของเศษมนุษย์เช่นจั่งซุนชง อวิ๋นเยี่ยดูอย่างไรก็เสียดายแทนฉางเล่อ จั่งซุนชงเป็นพวกซุปเปอร์บ้ากามมีความเจ้าชู้เป็นสันดานประจำตัวมีความสัปดนแต่กำเนิด สามารถน้ำลายยืดได้ต่อรูปนางฟ้าในผนังโบสถ์ของวัดก็มีเขาคนเดียวเท่านั้น
ในเวลาเช่นนี้มักจะต้องเป็นกุนซือกะล่อนเปิดปากก่อน “ฉางเล่อเอ๋ย เมื่อครู่นี้ข้าปรึกษาเรื่องงานแต่งงานกับพี่ชายเจ้าช่างน่าสงสารมาก ภรรยาตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็น ตอนแต่งงานเขาเอาสาวใช้มาเปลี่ยนตัวก็ยังไม่รู้เลย”
ฉางเล่ออ้าปากค้างตกใจมาก ใครกล้าเปลี่ยนตัวภรรยารัชทายาทไม่คิดมีชีวิตต่อหรือ เรื่องเช่นนิยายนี้เคยปรากฏในชีวิตจริง อวิ๋นเยี่ยเคยเล่าเรื่องสาวใช้เปลี่ยนตัวเจ้านาย ทำให้ฉางเล่อที่อ่อนประสบการณ์รู้สึกแปลกประหลาดมากทั้งยังมีความตื่นเต้นเล็กน้อย
อีกทั้งเห็นพี่ชายจ้องมองดวงจันทร์ด้วยอาการหดหู่สิ้นหวังแล้วอดเป็นห่วงพี่ชายไม่ได้
“แล้วจะทำอย่างไรดี หากพี่สาวบ้านโซวหนีไปยุ่งแน่เลย จะต้องโดนตัดศีรษะทั้งตระกูล” ฉางเล่อทั้งกังวลแทนพี่ชายทั้งกังวลแทนตระกูลโซวเกรงว่าจะเกิดเลือดไหลนองเป็นทางน้ำ
“หากว่าอีกสองวันเจ้าสามารถนัดพี่สาวโซวของเจ้าไปนมัสการที่วัดฉืออันซื่อด้วยกันได้ แล้วข้ากับพี่ชายเจ้าก็บังเอิญผ่านไปแถวนั้น ไม่ใช่จะได้เห็นพี่สะใภ้ในอนาคตของเจ้าหรือ เช่นนี้แล้วตระกูลโซวก็ไม่สามารถนำสาวใช้มาเปลี่ยนแทนได้ ทุกคนล้วนยินดีด้วยกันจะดีมากขนาดไหน พี่ชายเจ้ายังว่าเจ้าเป็นน้องสาวที่เขารักมากที่สุด ถ้าเจ้าไม่ช่วยเขาแล้วใครจะช่วยเขาได้ เจ้าดูรัชทายาทแม้แต่ลูกบอลอบร่ำเครื่องหอมที่แสนรักยังมอบให้เจ้า เขารักเจ้ามากจริงๆเลยนะ”
หลี่เฉิงเฉียนเล่นบทประกอบอย่างเข้ากันรีบผูกลูกบอลร่ำเครื่องหอมที่เอวน้องสาวให้ แล้วตบไหล่น้องสาวแสดงความใกล้ชิด
“ได้เลย วันมะเรื่องนี้ข้าออกจากวังชวนพี่สาวโซวไปนมัสการด้วยกัน พวกท่านเองก็อย่าลืมไปด้วย เกิดคลาดกันก็อดไม่ได้เจอหน้ากัน” พูดจบยังกอดหลี่เฉิงเฉียนหนึ่งทีเป็นการปลอบขวัญพี่ชายตัวเอง แล้วนำนางกำนัลกลับไป
หลี่เฉิงเฉียนครึ้มอกครึ้มใจจนฮัมเพลงเถียนมี่มี่ที่หัดมาจากอวิ๋นเยี่ยออกมา
“อย่าลืมว่าเจ้ายังมีข่าวลือเรื่องไม้ป่าเดียวกันที่ยังไม่ได้ขจัดทิ้งนะ” อวิ๋นเยี่ยทนดูอารมณ์ดีใจของเขาไม่ได้เลยสาดน้ำเย็นเข้าใส่
“เรื่องยุ่งยากนั้นไม่ได้เป็นของข้าแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้าอีก” หลี่เฉิงเฉียนพูดอย่างไม่แคร์ ราวกับเรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาจริงๆ
“ไม่เข้าใจ ไม่ใช่เรื่องเจ้า แล้วเป็นเรื่องข้าหรืออย่างไร”
“เจ้าพูดถูกต้อง ตั้งแต่นี้ไปนางก็คือเรื่องยุ่งยากของเจ้าไม่ใช่ของข้า ขณะที่เว่ยเจิงสอนข้าได้ยกเคสตัวอย่างที่ประหลาดมาก เขาว่าเรื่องยุ่งยากใจเช่นนี้ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ หากตัวเองแก้ไขไม่ได้ก็ผ่องถ่ายเรื่องยุ่งยากใจนี้ไปให้คนที่แข็งแกร่งกว่า มักทำให้ความยุ่งยากใจเช่นนี้แก้ไขได้ ตัวเองจะได้จิตใจโปร่งโล่ง เขาว่าขณะที่พลังตัวเองจำกัดพยายามแล้วก็ยังทำไม่ได้ สำหรับพวกที่แข็งแกร่งแล้วบางทีอาจเพียงแค่กระดิกตัวก็สำเร็จลุล่วง ข้าเชื่ออย่างจริงจังจึงตัดสินใจยกเชิงซินให้เจ้าต่อแล้วบอกคนภายนอกว่า ข้าตั้งใจขอเชิงซินจากอาอ๋องมาให้เจ้าเองจะได้ทำให้ข้าตัวเบาโปร่งโล่ง เจ้าเห็นเป็นอย่างไร”
“หลี่เฉิงเฉียนข้าจะฆ่าเจ้า” อวิ๋นเยี่ยที่รู้สึกตัวว่าจะโดนกลั่นแกล้งก็โผขึ้นไปจะอัดเขา หลีเฉิงเฉียนเตรียมตัวอยู่แล้ววิ่งก่อนทันที วิ่งพลางร้องพลางว่า “ไหนๆเจ้าก็ชอบนอนกอดแตงเถียนกวา เพิ่มสาวประเภทสองอีกคนจะเป็นไรไป…”
เรื่องต่างๆมักเป็นเช่นนี้ ขณะที่เจ้าสมใจมากที่สุดมักจะเกิดเหตุหักมุม แต่เวลาดวงตกเช่นโดนหลี่เฉิงเฉียนกลั่นแกล้ง ดวงจะไม่ใช่ตกเพียงครั้งเดียว แต่จะตกต่ำซ้อนหลายครั้ง
ฉางเล่อเป็นเด็กซื่อบริสุทธิ์ อวิ๋นเยี่ยลืมไปว่าเด็กซื่อบริสุทธิ์จะมีโรคประจำตัวคือมักพูดเรื่องจริงให้ผู้ใหญ่รู้ เช่นฉางเล่อเวลานี้กำลังเล่าความจริงทั้งหมดให้หลี่ซื่อหมินกับจั่งซุนฟังด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
จั่งซุนใบหน้าโกรธเกรี้ยว “เจ้าอวิ๋นเยี่ยไม่เคยสอนเรื่องดีๆ การแอบดูภรรยาในอนาคตจะนับว่าแน่อะไรกัน เสียมารยาทเสียประเพณี กำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว ถ้าใครรู้เข้าจะกลายเป็นเรื่องน่าทุเรศมาก”
หลี่ซื่อหมินหัวเราะฮ่าๆ “อวิ๋นเยี่ยทำถูกแล้ว การชี้แนะให้รัชทายาทไปดูหน้าคู่หมั้นตัวเองแม้จะไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่เทียบกับเรื่องสาวประเภทสองแล้วก็กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว เด็กหนุ่มสนใจเด็กสาวเป็นหลักการที่ถูกต้องของฟ้าดินเป็นเส้นทางที่ถูกต้องของมนุษย์ ข้าไม่เห็นว่าจะมีอะไรไม่เหมาะสม อนาคตสามีภรรยาพูดถึงขึ้นมา ก็เป็นเรื่องน่ารื่นรมย์ ต่อให้รู้ไปถึงข้างนอก ทั่วราชสำนักก็คงแค่หัวเราะเฉยๆ ใครเลยที่จะไม่เคยผ่านวัยหนุ่มที่ปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจเถอะเจ้าไม่ต้องเป็นฟืนเป็นไฟ ให้ฉางเล่อช่วยพี่ชายเขาสักครั้งก็แล้วกัน”
“ต่ำช้า ทำเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ทันแต่งงานก็นัดพบกันเอง อวิ๋นเยี่ย ข้าไม่ให้อภัยเจ้า” ความจริงจั่งซุนให้ความสำคัญเรื่องมารยาทพิธีการมากที่สุด ตำราสอนหญิงหนี่เจี้ยที่ชื่อเสียงโด่งดังก็เป็นของนางเอง ย่อมไม่ยอมให้รัชทายาทกับอวิ๋นเยี่ยเล่นมั่วซั่วให้เสียหาย
“กวนอินปี้ เจ้านึกว่าก่อนพวกเราแต่งงานข้าไม่เคยแอบดูเจ้าหรือ” หลี่ซื่อหมินยิ้มพิลึกพูดกับจ่างซุน
จั่งซุนอ้าปากกว้าง มองดูหลี่ซื่อหมินว่า “ท่านเห็นข้าก่อนหรือ”
“แน่นอน ตอนที่เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ” หลี่ซื่อหมินแหงนหัวเราะลั่น