บทที่ 739 ชื่อจินจื่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 739 ชื่อจินจื่อ

หลังจากออกไปและรอสักอยู่สัก ฉีเฟยอวิ๋นก็กำลังจะถามผู้คนในลานบ้านว่าตอนที่หนานกงเย่ไป เขาได้สั่งอะไรไว้หรือไม่ แต่พอหันกลับมาก็เห็นหนานกงเย่เดินออกมาจากด้านใน เขาสวมชุดสีน้ำเงิน ลักษณะท่าทางโดดเด่น และเดิมเข้ามาทางนาง ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปในทันทีและเงยหน้าขึ้นมองหนานกงเย่

หนานกงเย่จับมือของนาง ความเยือกเย็นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจ:“ทำไมไม่อยู่พักผ่อนในห้อง ออกมาแต่เช้าตรู่ทำไมกัน?”

“ออกมาเดินเล่น”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบไปมองเฟิงอู๋ชิง:“ไปกินข้าวกันเถอะ”

“ข้าไม่กินแล้ว เข้าไปคุยกันในห้อง ผู้สำเร็จราชการกินเถอะ”

หนานกงเย่จูงมือฉีเฟยอวิ๋นกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อกลับมาถึงห้องแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็นั่งลง หนานกงเย่ถอดเสื้อคลุมออกและหันหลังให้ฉีเฟยอวิ๋นดู เสื้อซับในสีขาวมีคราบเลือด ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง:“เกิดอะไรขึ้นเพคะ?”

หนานกงเย่ถอดเสื้อผ้าออก และมีคราบเลือดอยู่เต็มหลัง แต่คราบเลือดไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการคืบคลานและเจริญเติบโตภายในคราบเลือด

“นี่คือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นมองดูอย่างละเอียด และพบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต นางอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ

“ท่านเอ๋อง นี่คือแมลง?”

หนานกงเย่หันกลับไปมองฉีเฟยอวิ๋น:“เมื่อคืนข้าไปที่สุสานหลวงของพระราชวังปีกใต้ และเปิดทางเดินในหลุมฝังศพที่นั่น ตอนที่เข้าไปมีอะไรบางอย่างจ้องมองมาที่ข้า และเมื่อกลับมา ข้าก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติและกลายเป็นเช่นนี้”

หนานกงเย่เปิดแขนเสื้อ ฉีเฟยอวิ๋นไม่มองดีกว่า เห็นแล้วนางอกสั่นขวัญหาย!

“นี่คือ?”

“สิ่งนั้นตกลงมาตรงนี้ แล้วข้าก็ใช้มีดฟันมัน แต่มันก็แทรกซึมเข้าไปอย่างรวดเร็ว แมลงนั่นเริ่มแพร่กระจายจากตรงนี้”

“……”

ฉีเฟยอวิ๋นมองดูต้นแขนของหนานกงเย่อย่างละเอียด รังของแมลงมีไข่ทั้งเล็กและใหญ่

“ท่านอ๋องนั่งลงเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นนำขวดมาแล้วเปิด จากนั้นก็เริ่มปล่อยควันออกมา ควันเหล่านี้มีพิษและเป็นพิษร้ายแรง แมลงเริ่มเคลื่อนไหว แต่พวกมันเจาะเข้าไปในเนื้อของหนานกงเย่ หนานกงเย่ กัดฟันและสีหน้าของเขาก็ไม่น่ามอง

ฉีเฟยอวิ๋นรีบเอายาพิษออกมาในทันที แมลงตายไปสองสามตัว และส่วนที่เหลือก็เข้าไปในเนื้อของหนานกงเย่

ฉีเฟยอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าและยิ้ม:“ท่านอ๋อง นี่เป็นเพียงแมลงธรรมดา ไม่ใช่หนอนพิษกู่”

หนานกงเย่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“ข้ารู้ ตอนนี้พวกเขายังไม่มีเจ้านาย”

“หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับพวกเขาได้หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีการสืบพันธุ์ และมีพญาแมลงอยู่ด้วย”

ฉีเฟยอวิ๋นสังเกตอย่างละเอียดและหลับตาลง นางพยายามสื่อสารกับพญาแมลง มีเสียงดังอยู่ในหูของนาง และดูเหมือนจะเสียงดังมาก

ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้น:“ท่านอ๋อง หม่อมฉันได้ยินพวกมันพูดแล้วเพคะ

หนานกงเย่ประหลาดใจและเดินไปนั่งลง

ฉีเฟยอวิ๋นจับมือหนานกงเย่และนั่งลงข้าง ๆ นางหลับตาลงอีกครั้งและสื่อสารกับพญาแมลงต่อ

ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มและลืมตาขึ้น:“ท่านอ๋อง พวกมันยอมที่จะจากไป”

“งั้นหรือ?”

หนานกงเย่ประหลาดใจมาก ฉีเฟยอวิ๋นไม่เพียงแต่จะสื่อสารกับสัตว์ได้ แต่ยังสื่อสารกับแมลงได้ด้วย

และที่ปีกใต้ก็มีแมลงมากที่สุด

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเดินไปหยิบมีดมากรีดฝ่ามือของนาง สีหน้าของหนานกงเย่ทรุดลง:“อวิ๋นอวิ๋น”

“ท่านอ๋อง สบายพระทัยได้เพคะ หม่อมฉันต้องการให้พญาแมลงจำเจ้านายได้”

หนานกงเย่รู้สึกลำบากใจ แต่ก็สงบลง

ฉีเฟยอวิ๋นวางฝ่ามือลงบนโต๊ะ ดูเหมือนหลังของหนานกงเย่จะฉีกขาดและรู้สึกเจ็บ ในเวลานี้ร่างกายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า และรู้สึกเจ็บที่หลัง ร่างกายของเขาแข็งแรงและผ่อนคลาย

ฉีเฟยอวิ๋นยังคงสงบและยิ้ม

ในเวลานี้นางจะสับสนวุ่นวายไม่ได้ แม้ว่าจะรู้สึกสงสาร แต่นางก็ยังต้องยิ้ม

หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋นที่ยิ้ม และค่อย ๆ กลั้นหายใจ

ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างแหวกออกมาจากหลังของเขา และสิ่งนั้นก็ออกมาจากหลังของเขา จนมาถึงไหล่ของเขา ฉีเฟยอวิ๋นก็เห็นว่าสิ่งนั้นเปื้อนเลือดและวาดวงกลมบนไหล่ของหนานกงเย่ ดูเหมือนว่ามันไม่เต็มใจที่จะจากไป และรู้สึกกระหายเมื่อได้กลิ่นเลือด

ในที่สุดมันก็กางปีกและบินไปที่ฝ่ามือของฉีเฟยอวิ๋น ราวกับแมลงปีกแข็ง เมื่อหนานกงเย่กำลังจะลุกขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นก็บอกใบ้เขาด้วยตาว่าอย่าทำเช่นนั้น

หนานกงเย่จึงนั่งนิ่ง ๆ

มันมีขนาดเล็กเท่านิ้วหัวแม่มือ สีเลือดปกคลุมจนของไม่เห็นสีตัวของมัน แต่ตอนที่มันบิน ฉีเฟยอวิ๋นเห็นอย่างชัดเจนว่ามันเป็นสีทอง

เจ้าตัวเล็กนั่นบินมาบนฝ่ามือของฉีเฟยอวิ๋นและเจาะเข้าไป

ทันทีที่นางเดินเข้ามาก็มีบางอย่างเริ่มคืบคลานออกมาจากหลังหนานกงเย่ หนานกงเย่ต้องการจะลุกขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัวและเขาก็นั่งลง

“หากจะให้ตัวเหล่านี้เข้าไปอยู่ในร่างกายของอวิ๋นอวิ๋น ข้ายอมให้พวกมันกินข้าเสียดีมากกว่า” หนานกงเย่กล่าวอย่างโกรธเคือง

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปบนฝ่ามือ เมื่อเจ้าตัวเล็กกินอิ่มแล้วก็ออกมา จากนั้นก็นอนลงบนโต๊ะ ฉีเฟยอวิ๋นปิดบาดแผลบนฝ่ามือไว้ แล้วลุกขึ้นไปดูหนานกงเย่

สีหน้าของหนานกงเย่มืดมน เขาจ้องมองไปที่ตัวกลม ๆ ที่อยู่รอบโต๊ะ มันหนาแน่นและดำสนิทเหมือนถั่วดำ แม้ว่าจะมีเลือดอยู่บนตัวของมัน แต่ก็ยังดูออกว่ามันเป็นสีดำ

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปข้าง ๆ หนานกงเย่ และมองไปหลังของเขา จากนั้นก็นำผงยามาเทลงไป และให้เขานอนลง

หนานกงเย่นอนลงไป ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“พระองค์อดทนหน่อยนะเพคะ ผงยาเหล่านี้อาจกัดกร่อนเนื้อของพระองค์ แต่ไม่นานก็จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ท่านอ๋องทรงมีความโชคดีในความโชคร้าย”

“หื้ม?”

หนานกงเย่เหลือบมองสิ่งที่อยู่บนโต๊ะตรงข้าม นี่ถือเป็นความโชคดีในความโชคร้ายหรือ?

“ท่านอ๋อง นี่คือแมลงโบราณที่เรียกว่าชื่อจินจื่อ ในบรรดาพวกมันมีเพียงพญาแมลงเท่านั้นที่เป็นสีทอง ส่วนตัวอื่น ๆ จะเป็นสีดำ ในหนึ่งร้อยปีพวกมันจะให้กำเนิดพญาแมลงเพียงหนึ่งตัว และพญาแมลงตัวเก่าก็จะจะตาย

แต่พวกมันมีลักษณะเฉพาะคือต้องกินหนอนพิษกู่ โดยเฉพาะหนอนพิษกู่ที่กัดกินร่างกายคน

เพียงแต่ก่อนที่พวกมันจะกินหนอนพิษกู่ พวกมันจะต้องกินเลือดคนเสียก่อน จึงจะสามารถวิวัฒนาการและจำเจ้านายได้ ท่านอ๋องมีกล้ามเนื้อและกระดูกที่ดีเยี่ยม เลือดจึงเป็นยาบำรุงชั้นเลิศ ดังนั้นชื่อจินจื่อจึงชอบมาก เมื่อท่านอ๋องปรากฏตัวที่ปีกใต้ ชื่อจินจื่อก็จะรู้ และมันจะฟื้นคืนสติ

ก่อนที่จะพบเจ้านาย ชื่อจินจื่อสามารถหลับใหลได้เป็นร้อยปี

สุสานที่ท่านอ๋องไป ไม่ใช่ถิ่นกำเนิดของชื่อจินจื่อ แต่มันตามไปที่นั่น

สาเหตุที่ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ เพราะท่านอ๋องเป็นคนป่าเถื่อน พวกมันถึงได้เข้าไปในร่างของท่านอ๋องเช่นนี้”

“แล้วทำไมตอนนี้มันถึงตามอวิ๋นอวิ๋นล่ะ?” หนานกงเย่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

“หม่อมฉันก็ไม่แน่ใจเพคะ อาจจะเป็นเพราะหม่อมฉันสามารถสื่อสารกับมันได้” ฉีเฟยอวิ๋นพันแผลให้หนานกงเย่ และไปดูชื่อจินจื่อ:“จะว่าไปแล้วก็เป็นความโชคดีในความโชคร้าย มีชื่อจินจื่อแล้วก็ไม่ต้องไปหาวิธีกำจัดหนอนพิษกู่ เพราะชื่อจินจื่อสามารถกำจัดได้”

ฉีเฟยอวิ๋นไปตักน้ำในอ่าง และนำชื่อจินจื่อลงไปล้างในน้ำ จากนั้นก็อาบน้ำให้มัน

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วก็ปล่อยให้มันผึ่งให้แห้งอยู่บนโต๊ะ เมื่อฉีเฟยอวิ๋นวางอ่างลง แมลงตัวอื่น ๆ ก็ลงในน้ำเหมือนถั่วดำ พวกมันอาบน้ำแล้วออกมาผึ่งให้แห้งอยู่บนพื้น

ชื่อจินจื่อเปล่งประกายยิ่งกว่าทองคำ ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงที่ข้าง ๆ และเย็บถุงผ้าเล็ก ๆ ที่สวยงาม หนานกงเย่ออกไปข้างนอกทั้งคืนและรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่นานเขาก็หลับไป

ถุงผ้าเล็ก ๆ ถูกเย็บไว้ที่หน้าอกของฉีเฟยอวิ๋น และชื่อจินจื่อก็บินเข้าไป

“เจ้าอยู่ข้างกายข้าไปก่อน หากกลับไปแล้ว เจ้าชอบเจ้าห้า ค่อยไปหาเขา”

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปหาหนานกงเย่ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้สาหัส จึงเผลอหลับไป