ตอนที่ 172 ส่งสถานรับเลี้ยงคนชรา

รักเล่ห์เร้นใจ

เซียวจิ่งสือมองดูเซียวเฉียงชี้หน้าด่าเขาอย่างเกรี้ยวกราด แค่นหัวเราะในใจ ขณะพูดว่า “คุณพ่อ พ่อพูดว่าอะไรนะ? พ่อสุขภาพไม่ค่อยดี จะโมโหมากไม่ได้นะครับ”

 

 

พูดจบ เขาก็หันไปบอกหมอกับพวกผู้ดูแลว่า “พวกคุณออกไปก่อนเถอะ”

 

 

หมอกับพวกผู้ดูแลไปแล้ว ในห้องเซียวเฉียงเหลือแค่เขากับเซียวจิ่งสือสองคนเท่านั้น

 

 

สถานพักฟื้นคนชราที่เซียวจิ่งสือจัดให้เซียวเฉียงนั้นเป็นสถานพักฟื้นที่ดีที่สุดของเมือง ห้องพักของเซียวเฉียงกว้างขวางสว่างไสว อบอุ่นสบาย และยังมีเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเรียงรายสารพัดชนิด แต่น่าเสียดายที่ของส่วนใหญ่เพิ่งถูกเซียวเฉียงกวาดลงพื้นไปตอนอาละวาดเมื่อครู่ ตอนนี้ห้องของเขาเละเทะไปหมด เต็มไปด้วย ‘เศษซาก’ ข้าวของเกลื่อนกลาดพื้น

 

 

เซียวจิ่งสือก้าวข้ามชิ้นส่วนกระจัดกระจายบนพื้นมาที่เบื้องหน้าเซียวเฉียง ตอบกลับคำพูดเมื่อครู่ของเขา “พ่อครับ สุขภาพพ่อไม่ค่อยจะดี ต่อไปพ่อพักผ่อนอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ ส่วนบ้านตระกูลเซียว ผมจะดูแลเองครับ”

 

 

เซียวเฉียงฟังคำของเซียวจิ่งสือแล้วน้ำโหพุ่งปรี้ด เซียวจิ่งสือยอมรับในสิ่งที่เขากล่าวหาเมื่อครู่นี้!

 

 

เขาพูดอย่างโมโห “แก! เซียวจิ่งสือไอ้ตัวดี ฉันยังไม่ตายนะ แกก็จะแย่งอำนาจจากฉันแล้วงั้นเหรอ?

 

 

ก…แกมันเนรคุณชัดๆ!”

 

 

เซียวจิ่งสือก้าวเข้าหาพ่อเขาอีกก้าว พูดว่า “พ่อครับ พ่อพูดเหลวไหลอะไรน่ะ พ่ออายุมากแล้ว ก็น่าจะได้พักผ่อนให้สบาย ไม่ควรจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อไม่ควรยุ่งด้วยเลย”

 

 

“ก…แกมันไอ้ลูกทรพี ฉันเป็นพ่อของแก แกทำอย่างนี้กับฉันได้อย่างไร?” เขาไม่ยอมให้เซียวจิ่งสือขังเขาไว้ในบ้านพักคนชราเด็ดขาด

 

 

เซียวจิ่งสือพูดว่า “ทำไมนะเหรอ เพราะหว่านหว่านเธอเป็นผู้หญิงที่ผมรัก ส่วนพ่อ กลับทำให้หลินหว่านต้องไปจากผมครั้งแล้วครั้งเล่า ผมไม่ยอมให้ใครทำอะไรเธอเด็ดขาด”

 

 

“พ่อ พ่อไม่ชอบหลินหว่านก็ไม่เป็นไร ผมคิดว่า ต่อไปพ่ออยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องพบเห็นเธออีก ไม่ดีเหรอครับ?”

 

 

“หลิน! หว่าน!” เซียวเฉียงกัดฟันพูดชื่อของหลินหว่านออกมา คิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือจะทำแบบนี้เพื่อหลินหว่าน

 

 

“หล่อนเป็นคนบอกแกงั้นล่ะสิ? หึหึ” เซียวเฉียงยิ้มเยาะพลางว่า “ฉันจะบอกแกนะ หลินหว่านก็แค่ใช้ประโยชน์แก ใช้ประโยชน์บ้านตระกูลเซียวเท่านั้น หล่อนไม่ได้ชอบแก แกอย่าให้เธอหลอกนะ ต้องมีสักวันที่แกจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอ!”

 

 

เซียวจิ่งสือสีหน้าเคร่งเครียดเย็นชาลง พูดโต้ว่า “พ่อครับ พ่อไม่รู้หรือไงว่ามีคำพูดหนึ่งที่ว่า ความลับไม่มีในโลก ทั้งหมดที่พ่อทำผมให้คนไปสืบมาหมดแล้ว แล้วก็ยังมีอีก หว่านหว่านเธอไม่ใช่คนแบบนั้น พ่อไม่เข้าใจเธอเลยสักนิด” เขาพูดต่อไปอีกว่า “สถานพักฟื้นนี่ผมอุตส่าห์ตั้งใจเลือกให้พ่อเลยนะ ต่อไปพ่อก็อยู่ที่นี่ให้สบายล่ะ ไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผมกับหว่านหว่านอีก”

 

 

เซียวจิ่งสือพูดจบก็มองเซียวเฉียงด้วยสายตาเย็นชา ขณะจะหันกายจากไปนั้น เซียวเฉียงกลับแค่นหัวเราะเสียงเย็นขึ้น พูดกับเซียวจิ่งสืออย่างดูแคลนและโกรธแค้นว่า “เซียวจิ่งสือ แกมันถือดีเกินไป แกลืมไปแล้วหรือไง คนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในบ้านตระกูลเซียวยังเป็นฉันอยู่ วั่นหย่ากรุ๊ปฉันก็เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น แกเข้าใจว่าขังฉันอยู่ที่นี่แล้วฉันจะทำอะไรแกไม่ได้งั้นเหรอ?”

 

 

“หึ! พ่อครับ ตามใจพ่อเลย” เซียวจิ่งสือยิ้มเย็น พูดขึ้น

 

 

พูดจบ เซียวจิ่งสือก็ออกจากห้องพักของเซียวเฉียง เขาออกมาด้านนอก มีเพียงหมอและผู้ดูแลคนหนึ่งรออยู่ด้านนอก เขาสั่งคำหนึ่งว่า “ดูแลคนข้างในให้ดีล่ะ” แล้วกลับออกไป

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวเฉียงจะอาละวาดจนเป็นเรื่องเข้าจนได้

 

 

ตอนเที่ยง เซียวจิ่งสือกับหลินหว่านทานข้าวเที่ยงด้วยกัน แม้จะรู้แล้วว่าหลินหว่านไปจากเขาเพราะถูกพ่อของเขาบีบบังคับ ไม่ได้สมัครใจ แต่เซียวจิ่งสือยังไม่อยากให้หลินหว่านห่างไกลจากสายตา ถึงอย่างไรแล้วระหว่างนี้หลินหว่านก็ไม่มีงาน เซียวจิ่งสือจึงให้เธอมาอยู่ที่บริษัทเป็นเพื่อนเขาทุกวันซะเลย

 

 

ตอนกำลังทานข้าว เสียงโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ่งสือดังขึ้น เป็นสายจากผู้ช่วย เซียวจิ่งสือรับสายต่อหน้าหลินหว่าน “มีอะไรเหรอ”

 

 

“ท่านประธานเซียว แย่แล้วครับ พวกคณะกรรมการบริษัทกำลังรวมตัวกันต่อต้าน ให้คุณปล่อยตัวท่านประธานใหญ่เซียวจากสถานพักฟื้นคนชรา ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะนำเรื่องที่คุณส่งตัวท่านประธานใหญ่เข้าสถานพักฟื้นคนชรา เพื่อแย่งอำนาจในบริษัทไปเปิดโปงให้พวกนักข่าวรู้”

 

 

“คุณว่าอย่างไรนะ?” เซียวจิ่งสือขมวดคิ้วแน่น

 

 

“ได้ยินว่า…ท่านประธานใหญ่โทรขอให้พวกเขาช่วยจากสถานพักฟื้น…”

 

 

“คุณไปขัดขวางพวกเขาก่อน เดี๋ยวผมจะรีบไปจัดการเอง!”

 

 

เซียวจิ่งสือวางสายแล้ว แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง หลินหว่านได้ยินเขาพูดโทรศัพท์ เห็นสีหน้าเขาไม่ดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “เซียวจิ่งสือ คุณเป็นอะไรไปคะ?”

 

 

เซียวจิ่งสือส่ายศีรษะ สีหน้าอ่อนโยนนุ่มนวลลง พูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก พวกเราทานข้าวกันก่อนเถอะ”

 

 

หลังมื้อเที่ยง เซียวจิ่งสือมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เหล่ากรรมการบริษัทอายุกว่าครึ่งร้อยพากันมารวมตัวกันที่นี่

 

 

คนพวกนี้ล้วนแต่เคยร่วมกันก่อตั้งวั่นหย่ากรุ๊ปมากับพ่อของเขา พวกเขามีอำนาจบารมีอย่างมากในบริษัท เซียวจิ่งสือจึงต้องอ่อนข้อให้พวกเขาอยู่หลายส่วน “คุณลุงทั้งหลาย พวกคุณมานี่ มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”

 

 

“จิ่งสือ ได้ยินว่าเธอกักตัวพ่อของเธอไว้ที่สถานพักฟื้นคนชรา นี่มันเรื่องอะไรกัน? เธอคงจะไม่ทำเรื่องอะไรที่เป็นการเนรคุณหรอกนะ!”

 

 

“นั่นนะสิ จิ่งสือ ต่อให้เธอคิดจะได้ตำแหน่งโดยเร็ว ก็ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก จะช้าจะเร็วเธอก็ต้องได้รับสืบทอดกิจการของบ้านตระกูลเซียวอยู่แล้ว แต่พ่อเธออย่างไรเขาก็เป็นพ่อ ตอนนี้เธอทำแบบนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะนะ”

 

 

“ใช่เลย จิ่งสือ รีบปล่อยตัวพ่อเธอออกมาเร็วเข้า เชิญเขามาที่บริษัทนะ ไม่อย่างนั้น เพื่อคุณเซียวแล้ว พวกเราจำต้องบอกเรื่องนี้กับพวกนักข่าว” กรรมการหลายคนพากันเอ่ยปากให้เซียวจิ่งสือปล่อยตัวเซียวเฉียงจากสถานพักฟื้นคนชรา

 

 

เซียวจิ่งสือได้ฟังแล้ว ยิ้มเยาะอยู่ในใจ กรรมการหลายท่านนี้รีบร้อนจะให้เขาปล่อยตัวพ่อ ก็เพราะตอนที่พ่อเขาบริหารงานบริษัท มักจะเห็นแก่น้ำใจไมตรีเก่าก่อน ให้สิทธิพิเศษพวกเขามากมาย ทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์มากมาย ตอนนี้ เกรงว่าพวกเขาไม่ได้เป็นห่วงพ่อเขาหรอก แต่เป็นห่วงผลประโยชน์ตัวเองต่างหาก!

 

 

เซียวจิ่งสือแสร้งทำท่าว่าเสียใจ ถอนใจยาวพูดว่า “คุณลุงทั้งหลายครับ พวกคุณเข้าใจผมผิดไปแล้ว อันที่จริง ผมให้พ่อเข้าไปอยู่สถานพักฟื้นคนชราก็เพื่อตัวพ่อเอง และเพื่อบริษัทเราด้วย”

 

 

“อ้อ งั้นเหรอ? มันเรื่องอะไรกันแน่?” กรรมการบริษัทหลายคนได้ฟัง ก็พากันถามอย่างไม่เข้าใจ

 

 

“พวกคุณลุงคงยังไม่รู้ว่า คุณพ่ออายุมากแล้ว สุขภาพร่างกายย่อมจะไม่แข็งแรงนัก แต่ท่านทำงานอย่างหนักมาตลอดเพื่อบริษัท และไม่ได้บอกกับทุกคนเรื่องสุขภาพของท่าน” เซียวจิ่งสือหยุดเว้นวรรค พอเห็นว่าสีหน้าของพวกเขาไม่มีความสงสัยก็พูดต่อไปว่า “แต่พอดีว่า เมื่อวานจู่ๆ อาการป่วยของท่านกำเริบขึ้น จนช็อกหมดสติไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ตอนนี้สมองของท่านบางทีเลอะเลือน บางทีก็รู้เรื่อง เพื่อสุขภาพของพ่อ ผมจึงต้องส่งท่านไปสถานพักฟื้นคนชราครับ”