ตอนที่ 197-2 เป็นตายร้ายดีก็ต้องอยู่ด้วยกัน

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ชิงหลวนและจูหลีมองหน้ากัน แล้วกระโดดไปขวางอยู่ที่ตรงหน้านาง แล้วคุกเข่าลง ทำมือคำนับพร้อมร้องขอว่า “นายหญิง โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบด้วย!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดฝีเท้า แล้วมองไปที่พวกนาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

 

 

ส่วนกัวเฟยและทุกคนยืนอยู่ตรงที่เดิม ไม่รู้ว่าจะห้ามนางอย่างไรดี เมื่อปีนั้นที่พวกเขาได้รับการฝึกฝน หน้าที่หลักของพวกเขาก็คือองครักษ์ลับพิทักษ์หวงฝู่อี้เซวียน ต่อมาหวงฝู่อี้เซวียนได้มอบตราหยกที่เอาไว้ออกคำสั่งองครักษ์ลับไว้กับเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้กลายเป็นเจ้านายของพวกเขาด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปแล้วจะเป็นอย่างไร

 

 

“พวกเจ้ารู้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนสำคัญกับข้าขนาดไหน ข้าไม่อยากพูดมากแล้ว ถอยไป!” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง

 

 

ชิงหลวนและจูหลีไม่ขยับ ชิงหลวนพูดว่า “หน้าที่ของบ่าวก็คือองครักษ์พิทักษ์รักษานายหญิงจากอันตราย ต่อให้ต้องตายก็จะไม่ยอมให้นายหญิงเข้าไปทำเรื่องเช่นนี้เป็นอันขาด”

 

 

ฝีไม้ลายมือของชิงหลวนและจูหลียอดเยี่ยม ถ้าหากว่าทั้งสองคนห้ามเอาไว้ ตัวนางเอาจะต้องเข้าไปไม่ได้แน่ๆ เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบมีดสั้นออกมา แล้วจี้ไปที่ลำคอของตน

 

 

“นายหญิง!”

 

 

“แม่นางเมิ่ง!”

 

 

เสียงเรียกร้องที่กำลังตกใจของทุกคนได้ดังขึ้น

 

 

ชิงหลวนและจูหลีมองไปที่นางด้วยสีหน้ารีบรน “นายหญิง ท่าน…”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขู่ว่า “มีสองทางเลือก หนึ่งคือข้าจะตัดคอของตัวเองเดี๋ยวนี้ ตายต่อหน้าพวกเจ้า ไปรออี้เซวียนที่ปรโลกก่อน กับอย่างที่สองคือพวกเจ้าถอยไป แล้วรอดูว่าข้ากับอี้เซวียนจะรอดหรือไม่รอดก็เท่านั้น”

 

 

ชิงหลวนจะขยับตัวออกไป มีดที่อยู่ในมือของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ขยับเข้าไปอีก บอกว่า “ชิงหลวน เจ้าน่าจะรู้ดีว่าข้าเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าข้าอยากจะตาย เจ้าห้ามข้าไม่ได้หรอก”

 

 

โดยรู้ทัน ชิงหลวนจึงหยุด และพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำอะไรไม่ได้และขอร้องว่า “นายหญิง!”

 

 

“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม พวกเจ้าต้องเลือก”

 

 

เมื่อพูดจบ แล้วตะโกนว่า “หนึ่ง…”

 

 

ชิงหลวนและจูหลีไม่ขยับ

 

 

“สอง…”

 

 

ทั้งสองคนตัวสั่น

 

 

“สาม” ได้ลั่นออกมาไม่ทันไร จูหลีก็ตอบกลับไปว่า “พวกเราจะให้นายหญิงเข้าไป!”

 

 

มีดสั้นที่อยูที่ลำคอไม่ได้ขยับ เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่ง “พวกเจ้าลุกขึ้น แล้วถอยออกไปสามจั้ง!”

 

 

“เจ้านาย!”

 

 

ชิงหลวนและจูหลีลุกขึ้น แล้วถอยไปสามเมตร

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ แล้วเดินถอยหลังเข้าไปที่สถานกักตัว ถึงจะเอามีดสั้นออก

 

 

ชิงหลวนและจูหลีก็พุ่งตัวเข้าไป อยากที่จะตามเข้าไปด้วย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเหมือนว่าจะเดาออกว่าพวกนางจะทำอะไร มีดสั้นที่อยู่ทั้งสองมือก็ได้ยื่นออกมา แล้วชี้ไปที่ทั้งสองคนที่กำลังจะเข้ามา

 

 

ทั้งสองคนตกใจเป็นอย่างมาก จึงถอยกลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว

 

 

มีดสั้นตกลงบนพื้น มีแสงสะท้อนจากมีดส่องขึ้นมา

 

 

“ใต้เท้าจาง ดูพวกเขาไว้ให้ดี ถ้าหากว่ามีใครกล้าบุกเข้ามา ทำโทษได้ตามกฎหมาย” เมิ่งเชี่ยนโยวอาศัยโอกาสนี้ออกคำสั่ง

 

 

“นายหญิง!” ทั้งสองคนร้องเรียก

 

 

“รับทราบ แม่นางเมิ่ง” จางเจ๋อหวยตอบรับ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเล และตามหลังมาด้วยเสียงของเฮ่อเหลี่ยนที่กำลังโกรธอยู่ว่า “ข้าหลวงจาง เจ้ากล้าดีอย่างไรปล่อยนางเข้าไป เจ้าอยากตายรึไง”

 

 

จางเจ๋อหวยไม่ได้พูดอะไร

 

 

กัวเฟยก็ยังกุมตัวเขาไว้อยู่

 

 

ในเขตโรคระบาด มีแต่เสียงไอเต็มไปหมด คนส่วนมากหน้าแดง และมีการอาเจียน บางคนที่มีอาการหนักถึงขั้นอาเจียนออกมาเป็นฟองสีขาว หายใจโรยริน และมีทหารใส่เสื้อผ้าหนาๆ เดินแบกศพออกไปไม่หยุด

 

 

เมื่อเห็นว่านางที่ไม่ได้เป็นอะไรเดินเข้ามา เหล่าทหารและคนที่มีอาการไม่ได้หนักจึงมองนางด้วยสายตาประหลาดใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้สนใจ ทางหนึ่งก็เดินเข้าไปข้างใน ส่วนอีกทางหนึ่งก็เรียกชื่อของหวงฝู่อี้เซวียนเบาๆ “อี้เซวียน! อี้เซวียน!”

 

 

หาไปหนึ่งรอบ ก็หาหวงฝู่อี้เซวียนไม่เจอ ใจของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ดีเป็นอย่างมาก ร่างกายเย็นวาบๆ แล้วบอกให้นายทหารที่กำลังแบกศพหยุด แล้วถามอย่างรีบร้อนว่า “ซื่อจื่อจวนอ๋องฉีอยู่ที่ใด”

 

 

นายทหารเหมือนจะกลัวว่านางจะแพร่เชื้อให้ จึงรีบถอยหลังไปหลายก้าว แล้วมองพินิจไปที่นาง ไม่ได้พูดอะไร แล้วใช้มือชี้ไปที่เก็บศพ

 

 

ขาของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้อ่อนลงทันที อีกนิดเดียวก็จะล้มลงนั่งลงกับพื้น แต่คำพูดต่อไปของนายทหารทำให้นางดีใจในชั่วพริบตา “ซื่อจื่อมีตำแหน่งสูงส่ง จะมาอยู่กับประชาชนคนธรรมดาอย่างนี้ได้อย่างไร ใต้เท้าของพวกเราได้ทำการสร้างห้องเล็กๆ เอาไว้ให้แล้วทางนั้น”

 

 

“ขอบคุณๆ” เมิ่งเชี่ยนโยวเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ไม่ได้มีทีท่านิ่งเฉยอีกต่อไป แล้วพูดขอบคุณนายทหารไม่หยุด ยิ่งไปกว่านั้นคือโค้งคำนับให้เขาอีกด้วย แล้วจึงเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องเล็กๆ ที่นายทหารคนนั้นบอกมา

 

 

นายทหารมองนางด้วยสายตาที่มองคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น แล้วส่ายหน้า

 

 

ในห้องเล็กๆ มีเสียงคนไอ เมื่อเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปด้านใน แล้วจึงตะโกนออกมาด้วยความดีใจว่า “อี้เซวียน!”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหลับตาอยู่ สีหน้าแดงกร่ำนอนอยู่บนเตียง ข้างๆ มีองครักษ์หลวงนอนอยู่ที่พื้น

 

 

ในขณะที่กำลังมึนงงอยู่นั้น ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของตน หวงฝู่อี้เซวียนจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดลืมตาขึ้นมา ได้เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ยิ้มด้วยความเวทนา พร้อมกับบ่นเบาๆ ว่า “ข้ากำลังจะตายแล้วจริงๆ หรือ ถึงได้เห็นโยวเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าของข้า”

 

 

เมื่อพูดจบ ก็หลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคุกเข่าลงไป แล้วใช้มือลูบไปที่ใบหน้าของเขา ให้เขารู้สึกถึงอุ่นไอของตนเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนอบอุ่นว่า “อี้เซวียน ข้าเอง ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในทันทีทันใด และไม่เชื่อในความจริงว่าที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นคือเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มให้กับเขา

 

 

รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ภาพในจินตนาการ เมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ดีใจอะไร แต่กลับด่าทอนางกลับไปด้วยเสียงที่โกรธเกรี้ยวว่า “ใครให้เจ้ามา ออกไปเดี๋ยวนี้!”

 

 

เมื่อว่าจบ ก็ราวกับว่าใช้แรงทั้งหมดไปแล้ว แล้วลงนอนไปบนผ้าห่มพร้อมกับอ้าปากหอบเอาๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วจับมือของเขา นัยน์ตามีน้ำตาไหลออกมาพร้อมกับบอกว่า “เมื่อครู่ข้าหาเจ้าอยู่ตั้งนาน แต่ไม่เจอ ข้านึกว่าเจ้าตายไปเสียแล้ว ข้ากะว่าหลังจากที่ข้าฆ่าเฮ่อเหลี่ยนได้แล้ว ก็ตามเจ้าไปทันที โชคดี โชคดี ที่เจ้าไม่ตาย”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็น้ำตาไหลเช่นเดียวกัน ออกแรงเป็นอย่างมากเพื่อยื่นมือไปลูบหัวของนาง แต่ว่าด้วยความที่ได้รับเชื้อมาแล้วหลายวัน ร่างกายของเขาได้ถึงขีดสุดแล้ว อ่อนแอเหลือเกิน ไม่มีแรงแม้แต่น้อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ได้ถึงความคิดของเขา จึงเอามือของเขาวางไว้บนหัวของตน

 

 

น้ำตาของหวงฝู่อี้เซวียนก็ไหลออกมาเป็นทาง พูดเบาๆ ว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้าไม่ควรมาที่นี่ ถ้าหากว่าเจ้าเป็นอะไรไป ท่านพ่อกับท่านแม่จะต้องเสียใจเป็นอย่างมาก” เมื่อพูดจบ ก็ได้โทษตัวเองว่า “เป็นความผิดของข้า ข้าควรขอกระดาษปากกากับใต้เท้าจาง เพื่อเขียนจดหมายหาเจ้า ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าจะได้ไม่ต้องมาที่นี่”

 

 

เมื่อพูดจบ น้ำตาก็ไหลหนักเข้าไปอีก แล้วพูดต่ออีกว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้าฟังข้าให้ดี อาศัยโอกาสนี้ที่เจ้ายังไม่ได้ติดเชื้อ ออกไปให้เร็วที่สุด ที่เอวของข้ามีอาญาสิทธิ์ของฮ่องเต้อยู่ เจ้าเอาไป จะได้ไม่มีใครขวางเจ้าได้ ไป รีบไป ไม่ต้องสนใจข้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มออกมา อาการเหมือนกับว่าการตัดสินใจครั้งใหญ่ของนางนั้นถูกต้องแล้ว “ออกไปไม่ได้แล้ว เมื่อครู่ที่เดินเข้ามาหาเจ้า ข้าได้เดินไปมาอยู่ในสถานกักตัวไปแล้วรอบหนึ่ง บางทีอาจจะติดโรคแล้วก็ได้ ถ้าออกไปตอนนี้ก็จะเป็นภัยต่อทุกคนเสียเปล่า ดังนั้น ข้าก็ได้แต่อยู่ที่นี่ข้างๆ เจ้า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหมดหวัง และพูดด้วยน้ำเสียงบ่นแกมเป็นห่วงเป็นใยว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอาหน้าไปแนบไว้กับมือของเขา แล้วลูบเบาๆ น้ำตาก็ไหลลงมาเช่นเดียวกัน “อี้เซวียน เจ้าลืมแล้วหรือ ข้าเคยสัญญาเอาไว้ว่า ชีวิตนี้เราจะไม่แยกจากกัน จะอยู่หรือตายก็ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าหากว่าเจ้าไปแล้ว แล้วข้าจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร”