ตอนที่ 169-1 หนังสือม่านพลังเสวียนจี

ลำนำสตรียอดเซียน

ตราบใดที่พวกเขาพบโครงกระดูก พวกเขาสามารถครอบครองความร่ำรวยที่ผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นสูงสุดสะสมมาตลอดชีวิตของเขา นั่นดูเหมือนเป็นข้อตกลงที่ดี แต่…

 

 

โม่เทียนเกอเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย “ศิษย์พี่ ภรรยาของท่านคือผู้ฝึกตนผู้ซึ่งอยู่มาเมื่อห้าพันปีก่อน ดังนั้นสถานที่ฝังศพของนางคงหาได้ยากนัก ยิ่งไปกว่านั้น นางคือผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ สถานที่ฝังศพของนางจะอันตรายเท่าไรกัน ในเมื่อภรรยาของท่านคือศิษย์ที่ยอดเยี่ยมของโรงเรียนเสวียนจี ข้าเกรงว่าทักษะเกี่ยวกับม่านพลังของนางก็คงจะไม่ต่างจากศิษย์พี่เท่าใดนัก จริงหรือไม่ พวกเราเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนระดับการสร้างฐานแห่งพลังงาน พวกเราจะยืนยันได้อย่างไรว่าจะสามารถนำกระดูกของนางกลับมาได้อย่างปลอดภัย”

 

 

“ถูกต้องแล้ว” นักพรตฟางเจิ้งพูดแทรกขึ้นมา “ก่อนที่พวกเราจะได้ครอบครองผลประโยชน์ใด พวกเราต้องอดทนต่ออันตรายทุกประเภท ข้อตกลงนี้ไม่ค่อยยุติธรรมนัก”

 

 

นักเดินทางจื่อเวยระเบิดหัวเราะออกมา “ดี! ดี! ถ้าเจ้าโง่เกินไป เจ้าก็ไม่ได้คู่ควรกับข้อตกลงนี้” เขาหยุดครู่หนึ่งหลังจากนั้นจึงพูดต่ออย่างไม่แยแส “ถ้าเจ้าต้องการผลประโยชน์ก่อนก็ได้ ข้าจะให้มันกับเจ้า! ไม่เพียงแต่ข้าจะให้ผลประโยชน์ต่างๆ แต่ข้าจะต่อข้อกำหนดเวลาไปเป็นสองร้อยปี เด็กน้อย ด้วยอายุปัจจุบันและระดับการฝึกตนของเจ้า ระยะเวลาสองร้อยปีคงเพียงพอสำหรับเจ้าที่จะพัฒนาเข้าสู่ดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังมิใช่หรือ อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ควรคิดว่าข้าจะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้เมื่อเจ้าเข้าสู่ดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังได้ เมื่อรอยประทับในห้วงทะเลแห่งความรู้ของเจ้ามีปฏิกิริยา มันจะส่งผลต่อทั้งชีวิตของเจ้า ชีวิตและความตายของเจ้าจะอยู่ในมือของข้านานตราบเท่าที่ข้าต้องการ และเจ้า… ศิษย์น้อง เจ้าไม่มีเวลาเหลืออยู่ในช่วงชีวิตมากนัก เจ้าคงไม่สามารถทำได้ในสองร้อยปีเป็นแน่…”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักพรตฟางเจิ้งก็เริ่มกังวลมากขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ด้วยความสัตย์จริงเป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะต้องรับคำสั่งไปเรื่อยๆ และเพราะเขาต้องการผลประโยชน์จากศิษย์พี่ผู้นี้ แต่เขาไม่ได้หมายความว่าข้อตกลงนี้ไม่คุ้มค่าพอ ช่วงชีวิตของเขายังคงมีเหลืออยู่ประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี มันดูเหมือนว่าเขาจะสามารถหากระดูกได้ในช่วงเวลานั้น เมื่อถึงจุดนั้น เขาก็จะได้ครอบครองทรัพย์สินทั้งชีวิตของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ และโอกาสของเขาในการที่จะก้าวเข้าสู่ดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล! มันไม่สำคัญต่อให้เขาจะต้องยอม สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เหมือนกับเด็กน้อยข้างๆ เขาคนนี้ ก่อนที่สองร้อยปีจะผ่านไป เขาก็คงจะตายไปแล้ว ซึ่งก็เท่ากับการที่ไม่ได้ทำอะไร เขากลัวว่าเพราะเขาไม่ได้มีเวลาของชีวิตเหลืออยู่อีกมากนัก ศิษย์พี่ผู้นี้จะยกเลิกข้อตกลงไป นั่นจะหมายความว่าเขาพลาดโอกาสดีๆ อย่างไร้เหตุผล!

 

 

เป็นเรื่องที่ไม่ชัดเจนว่านักเดินทางจื่อเวยใช้วิชาอ่านใจกับนักพรตฟางเจิ้งหรือไม่ แต่หลังจากที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดต่ออย่างเยือกเย็นว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เท่าที่ข้าทราบมา การมีคนหลายๆ คนคอยตามหาศพของจื่อหลานเป็นสิ่งที่ดีเสมอ ก่อนหน้านี้การที่จะครองชีวิตให้ได้อย่างน้อยอีกหนึ่งร้อยปี ข้าได้ตามหาส่วนผสมในการปรุงยาอายุวัฒนะไปทั่วขั้วแห่งท้องฟ้า และข้ายังคงมียาเหลืออีกหนึ่งเม็ดที่จะให้กับเจ้า!”

 

 

ยาอายุวัฒนะงั้นหรือ ยาอายุวัฒนะ! ยาอายุวัฒนะที่แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่ยังหาแทบไม่ได้!

 

 

หลังจากตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง นักพรตฟางเจิ้งรู้สึกดีใจอย่างล้นเหลือ เขาพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ข้า… ศิษย์พี่… ยาอายุวัฒนะ…” คำพูดของเขาไม่ต่อเนื่องกันอีกต่อไป

 

 

ท่าทางของเขาทำให้นักเดินทางจื่อเวยหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง หลังจากนั้นเขาจึงพูดกับโม่เทียนเกอ “สำหรับเจ้า… ข้าจะให้ทางเลือกเจ้าหลายทาง ยาอายุวัฒนะไม่ได้เป็นประโยชน์กับเจ้าเท่าไรนักแต่ข้าสามารถให้ยาไร้ธุลีกับเจ้าได้ ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้ว่าการกินยาไร้ธุลีจะช่วยเพิ่มโอกาสและขยายขอบเขตในการก่อแก่นขุมพลังของเจ้าได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้ารู้สึกว่าผู้อาวุโสในฝ่ายของเจ้าจะให้การสนับสนุนเจ้าเพียงพอและเจ้าจะไม่มีปัญหาในการก่อแก่นขุมพลังของเจ้า ข้าก็สามารถให้รางวัลเจ้าด้วยอาวุธเวทที่เยี่ยมยอดหรือคู่มือลับของอดีตโรงเรียนเสวียนจีที่เรียกว่าหนังสือม่านพลังเสวียนจีแก่เจ้าได้ แล้วเจ้าจะเลือกสิ่งใด”

 

 

ยาไร้ธุลี อาวุธเวทที่เยี่ยมยอด หรือหนังสือม่านพลังเสวียนจี! ไม่ว่าจะสิ่งใดก็แล้วแต่ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติที่หาได้ยากยิ่งนัก ระหว่างพวกมันทั้งหมด ถึงแม้ว่ายาไร้ธุลีจะไม่ได้มีค่าเท่ากับยาอายุวัฒนะ แต่พวกมันล้วนเป็นประโยชน์ที่สุดต่อผู้ฝึกตนระดับการสร้างฐานแห่งพลังงานผู้ซึ่งจะต้องเผชิญกับความยากในการก้าวเข้าสู่ดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังอย่างพวกเขา สำหรับอาวุธเวทที่ยอดเยี่ยม ในเมื่อผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่เรียกมันว่ายอดเยี่ยมแล้วมันก็คงจะต้องแตกต่างจากอาวุธเวททั่วๆ ไป มันน่าจะเป็นอาวุธเวทที่แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่ก็ยังต้องการ สุดท้ายคือหนังสือม่านพลังเสวียนจี กฎของม่านพลังนั้นทั้งกว้างขวางและล้ำลึก หนังสือม่านพลังที่ซับซ้อนนั้นประเมินค่าไม่ได้ แต่… ผู้ฝึกตนทั่วๆ ไปคงไม่มีแรงที่แม้แต่จะศึกษาและทำได้แค่เพียงแลกเปลี่ยนมันกับศิลาวิญญาณ ดังนั้นมันจึงเป็นของที่ไร้ประโยชน์ที่สุดจากทั้งสามอย่าง

 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับโม่เทียนเกอ

 

 

“ศิษย์พี่ ศิษย์น้องต้องการหนังสือม่านพลังเสวียนจี”

 

 

“โอ้” เสียงของนักเดินทางจื่อเวยดูประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่านางจะเลือกสิ่งนั้น

 

 

โม่เทียนเกอพูด “สำหรับศิษย์น้องถึงแม้ว่ายาไร้ธุลีและอาวุธเวทจะเป็นของที่หาค่าเทียบไม่ได้ แต่มันก็ไม่ใช่ของที่ศิษย์น้องไม่สามารถหามาครอบครองได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับหนังสือม่านพลังเสวียนจีเล่มนี้ถือว่าเป็นของที่หาได้ยากยิ่งนัก”

 

 

“… ไม่เลว เจ้าคือศิษย์ของโรงเรียนเสวียนชิง แต่ระดับการฝึกตนของเจ้าได้ก้าวเข้ามาสู่ถึงจุดนี้แล้วในขณะที่อายุยังน้อยนัก แสดงว่าเจ้าจะต้องเป็นศิษย์ระดับหัวกะทิทีเดียว คาดว่าเจ้าคงไม่มีปัญหาในการที่จะครอบครองยาวิเศษและอาวุธเวท อย่างไรก็ตาม เจ้ายังต้องคิดดูให้ดีอีกครั้ง ยาวิเศษและอาวุธเวทของข้าไม่ใช่สิ่งของธรรมดาทั่วไป มันเป็นของที่ล้ำลึกและหาได้ยากยิ่งนักแม้กระทั่งสำหรับผู้ฝึกตนระดับการก่อเกิดแก่นขุมพลังก็ตาม!”

 

 

จากวิธีที่เขาพูด เห็นได้ชัดว่านักเดินทางจื่อเวยปฏิบัติต่ออาจารย์ของนางเหมือนกับเป็นผู้ฝึกตนระดับการก่อเกิดแก่นขุมพลังทั่วไปเท่านั้นเอง!

 

 

โม่เทียนเกอรู้ว่าผู้ฝึกตนสายกระบี่ที่เยี่ยมยอดไร้เทียมทานอย่างนักเดินทางจื่อเวยนั้นจะต้องมีทรัพย์สมบัติที่ดีมากมายยิ่งกว่าอาจารย์ของนาง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาสำหรับนางในการก่อแก่นขุ่มพลัง ประมุขเต๋าจิงเหอจะต้องให้ยาไร้ธุลีกับนางอย่างแน่นอน สำหรับอาวุธเวทชั้นเยี่ยมที่ว่านั้นอาจจะไม่มีความจำเป็นต่อประมุขเต๋าจิงเหอเลยด้วยซ้ำ ในทางกลับกันหนังสือม่านพลังเสวียนจีเล่มนั้น… ในเมื่อมันคือคู่มือลับของโรงเรียนเสวียนจี มันจะต้องพิเศษอย่างแน่นอน ถ้านางเลือกที่จะมองข้ามมันไปในตอนนี้ นางอาจจะต้องลำบากในการที่จะหามาครอบครองได้ในอนาคต

 

 

อีกอย่างโม่เทียนเกอมีอีกหนึ่งเหตุผลในการเลือก เสี่ยวจื่อหลานเป็นท่านผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดของโรงเรียนเสวียนจี หลุมศพของนางจะต้องครอบคลุมไปด้วยกลไกป้องกันมากมายถูกต้องไหม ด้วยหนังสือม่านพลังเสวียนจีเล่มนี้ นางอาจจะเผชิญหน้ากับอันตรายต่างๆ ได้น้อยลง

 

 

“ศิษย์น้องคิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว” โม่เทียนเกอหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “แต่ศิษย์พี่ สหายนักพรตฟางเจิ้งเองนั้นไม่ได้มีช่วงเวลาของชีวิตหลงเหลืออีกมากนัก แต่ท่านกลับให้ยาอายุวัฒนะแก่เขา นอกจากเขาจะก้าวเข้าสู่ดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลัง เขาก็จะไม่ล้มเหลวถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถหากระดูกได้ในอีกสองร้อยปีข้างหน้า สำหรับข้าในทางกลับกัน ข้ายังคงมีชีวิตอยู่ไปอีกหลายร้อยปีถึงแม้ข้าจะไม่อาจผ่านเข้าสู่ดินแดนได้ มันจะเป็นเรื่องที่ดีหากข้าสามารถหาศพภรรยาของท่านพบ แต่ถ้าข้าไม่สามารถหาได้ นี่จะไม่ถือว่าข้าเสียเปรียบอย่างนั้นหรือ ข้อตกลงนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับข้านัก!”

 

 

โม่เทียนเกอโกรธเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก นางมีอนาคตที่สดใสรออยู่ภายหน้า ทว่าใครบางคนจำกัดสองร้อยปีของนางเอาไว้อย่างไร้เหตุผล และหากนางทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ นางก็จะต้องเสียชีวิต แล้วนางจะรู้สึกดีไปกับเรื่องต่างๆ ทั้งหมดนี้ได้อย่างไร อีกอย่าง นางเริ่มต้นฝึกตนเพราะนางต้องการอิสระ แต่ตอนนี้นางกลับถูกควบคุมโดยใครคนอื่น นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรดีใจแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อวิธีการทำสิ่งต่างๆ ของนักเดินทางจื่อเวยนั้นจะไม่ปกติแต่เขาก็ดูมีความสามารถในการต่อรองเช่นกัน โม่เทียนเกอจึงยินดีที่จะระงับความโกรธลง

 

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง นักเดินทางจื่อเวยหัวเราะพร้อมพูด “เด็กน้อย เจ้าไม่ยินดีที่จะอดทนต่อการสูญเสียแม้แต่น้อย! ตกลง แล้วถ้าข้าให้หินสุริยันในของรางวัลที่จะให้เจ้าด้วยล่ะ มันมีทั้งยาวิเศษและสมบัติอีกมากมายบนโต๊ะนี้ เจ้าทั้งสองคนสามารถแบ่งกันเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการนำกระดูกของจื่อหลานกลับมาได้ภายในสองร้อยปี ข้าจะนำรอยประทับภายในทะเลแห่งความรู้ของเจ้าออกให้ เพราะฉะนั้นก่อนที่เจ้าจะจากไป เจ้าจะต้องจำเอาไว้ว่าเจ้าจะต้องกลับมาเพื่อตรวจสอบ ใครคนใดคนหนึ่งอาจจะประสบความสำเร็จไปแล้วก็เป็นได้ ฮ่าๆๆ …”

 

 

บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเขาอยู่คนเดียวมานานเป็นเวลาหลายพันปี แต่นักเดินทางจื่อเวยผู้นี้มีนิสัยที่มีความสุขจากการทรมานผู้อื่นเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงล้อเลียนพวกนางอย่างจงใจ

 

 

โม่เทียนเกอสูดหายใจลึก บังคับตัวเองให้อยู่ในความสงบ นางจะต้องไม่โกรธเขาในตอนนี้

 

 

“ตกลง ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ ศิษย์น้องจะตอบรับมัน แต่สองร้อยปี… ศิษย์น้องสงสัยเล็กน้อย ในเมื่อกำแพงอาคมในการรักษาจิตสัมผัสของศิษย์พี่ได้ถูกเปิดออกแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจิตสัมผัสของศิษย์พี่จะสามารถคงอยู่ได้ถึงสองร้อยปีเชียวหรือ”

 

 

นักเดินทางจื่อเวยส่งเสียง “ฮึ่ม” อย่างทะนงตัว “เด็กน้อย เจ้าอาจจะมาจากกลุ่มการฝึกตนที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่เคารพนับถือเป็นแน่ แต่ประสบการณ์และความรู้ของเจ้านั้นยังคงแค่ผิวเผินเท่านั้น! ข้าเป็นคนคิดวิธีในการรักษาไว้ซึ่งจิตสัมผัสของข้าเอง ไม่ต้องพูดถึงสองร้อยปีหรอก แต่ข้าพนันได้เลยว่าจิตสัมผัสของข้านั้นจะยังคงอยู่แม้กระทั่งตอนที่เจ้าทั้งสองคนตายจากไป”

 

 

“…” นักเดินทางจื่อเวยผู้นี้ไม่สามารถประเมินได้จากสัญชาตญาณ เขาเป็นผู้ฝึกตนสายกระบี่แต่เขามีความเชี่ยวชาญทางด้านม่านพลังและกลไก เขายังสามารถปรุงยาอายุวัฒนะและคิดคาถาต่างๆ หลายประเภท และเขาอาจจะสามารถชำระล้างเครื่องมือเล่นๆ ได้ เขาอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนที่เก่งหลายอย่าง เพราะสิ่งนี้ การที่สามารถสร้างวิชาจิตสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ

 

 

“หากเป็นเช่นนั้น แล้วเจ้าล่ะ” เมื่อเห็นว่าโม่เทียนเกอไม่ได้พูดอะไรอีก นักเดินทางจื่อเวยจึงหันไปถามที่นักพรตฟางเจิ้ง

 

 

พร้อมกับการโค้งคำนับ นักพรตฟางเจิ้งตอบ “หากเป็นเช่นนั้น ศิษย์น้องก็ขอตอบรับภารกิจขอรับ”

 

 

“ตกลง!” หลังจากที่นักเดินทางจื่อเวยพูดจบ โม่เทียนเกอรู้สึกว่าพลังงานทางจิตวิญญาณที่ถูกสกัดไว้ของตัวเองได้ถูกปลดปล่อย ทันใดนั้น นางก็สามารถกลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองและขยับได้อีกครั้ง

 

 

นางถอนใจอย่างโล่งอก ระหว่างที่ขยับร่างกายของนาง นางก็ค้นพบว่าพลังงานทางจิตวิญญาณของนางสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ มือของนางไม่ได้รู้สึกหนักห้าพันจินอีกแล้วตอนที่นางยกขึ้นมา

 

 

“ถ้าพวกเจ้ายังคงมีคำถามอีกก็จงถามมา เมื่อเจ้าออกไปจากถ้ำเซียนนี้ ระยะเวลาสองร้อยปีของเจ้าจะเริ่มนับถอยหลังทันที เมื่อครบกำหนดสองร้อยปี ไม่ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม เจ้าจะต้องกลับมาและพบข้า! ถ้าข้าอารมณ์ดี บางทีข้าอาจจะให้เวลาเจ้าเพิ่มขึ้น ถ้าข้ากำลังอารมณ์เสีย ฮึ่ม!”

 

 

สองร้อยปี… นอกจากนักพรตฟางเจิ้ง โม่เทียนเกอรู้สึกว่าภายในระยะเวลานั้นนางคงจะต้องพบข่าวบางอย่างเกี่ยวกับจื่อหลานแน่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางมีคำถามอยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่ตอนที่นางก้าวเข้ามาสู่หุบเขานี้ สมองของนางก็ล้วนเต็มไปด้วยคำถาม มันเหมือนกับว่านางคอยก้าวเข้าสู่สถานการณ์อันตรายเรื่อยๆ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถหาคำตอบได้ ตอนนี้ที่นักเดินทางจื่อเวยพูดมา นางจึงรีบถาม “ศิษย์น้องมีคำถามมากมายนัก ศิษย์พี่ยินดีที่จะอธิบายหรือไม่”

 

 

นักเดินทางจื่อเวยพูด “บอกคำถามของเจ้ามาก่อน”

 

 

โม่เทียนเกอคิดครู่หนึ่งและพูดออกไปอย่างช้าๆ ว่า “คำถามแรกของข้าเกี่ยวกับลมพายุและอากาศพิษที่เราเจอตอนลงมายังหุบเขานี้ สิ่งเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับม่านพลังที่ศิษย์พี่วางไว้หรือไม่ ถ้าใช่ แล้วทำไมข้าถึงสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดายตอนที่ข้ามาถึงที่หุบเขา คำถามต่อไปของข้าเกี่ยวกับรูปปั้นหินและแท่นบูชาตรงทางเข้าของถ้ำเซียนศิษย์พี่ พวกมันเกี่ยวข้องกับอะไร และ…”

 

 

“เจ้านี่ช่างเป็นศิษย์น้องที่จู้จี้เสียจริง!” นักเดินทางจื่อเวยตัดบทนางอย่างไร้ความอดทน “ข้าจะอธิบายเจ้าตั้งแต่ต้น พอใจไหม!”