ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
**บทที่****239:**เกาะแห่งวิญญาณ
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่มดเปลือยกาย ซ่งจงตอบกลับอย่างสบายใจ “เจ้าควรลืมเรื่องความรักที่มีต่อข้าไปซะ เพราะข้าไม่สามารถยอมรับคนเจ้าอย่างได้!”
“อืมมม…” แม่มดเปลือยกายปล่อยเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ ซ่งจงเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพูดกับนางเช่นนี้ได้ รับรองได้เลยว่าถ้าหากมีผู้อื่นทำเช่นนี้ พวกมันเหล่านั้นจะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นอย่างแน่นอน แต่สำหรับซ่งจงที่เพิ่งขับไล่ปีศาจทั้งสามแห่งทะเลตะวันออกและยังคงอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยม ท่าทีของแม่มดเปลือยกายนั้นไม่สามารถเรียกความสนใจจากเจ้าอ้วนได้แม้แต่น้อย อีกทั้งเขายังกล่าวต่อ “มา มาเถอะ ทุกคนเข้าไปด้านในเพื่อฉลองชัยชนะกันเถิด!”
“ตกลง!” ซูหยู่และซูหยุนตอบรับอย่างร่าเริง จากนั้นพวกนางรีบวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อเตรียมงานเลี้ยง
ทักษะการทำอาหารของทั้งคู่นั้นยอดเยี่ยมมาก อีกทั้งยังใช้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ทุกคนรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นไม้และเริ่มงานเลี้ยงทันทีพร้อมกับดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบ ๆ
หลังจากที่งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้น ซูหยู่และซูหยุนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ซ่ง ท่านแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว ท่านไม่ได้อยู่ในระดับจินตันด้วยซ้ำแต่กลับสร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าปีศาจแห่งทะเลตะวันออกได้ ซึ่งพวกเขานั้นอยู่ในระดับจินตันขั้นสมบูรณ์ด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าข้าไม่ได้เห็นมันด้วยตนเอง แน่นอนว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ยาก!”
“ข้าคิดเช่นนั้นเหมือนกัน!” แม่มดเปลือยกล่าวเสริม “ในตอนนี้เจ้ากำลังจะมีชื่อเสียงแล้วล่ะ ฉายาของเจ้าจะต้องเป็นปีศาจที่สี่อย่างแน่นอน!”
เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาแสดงความหดหู่ออกมาทันที “เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ทำไมข้าจะต้องกลายเป็นปีศาจที่สี่ด้วยล่ะ?”
“สวรรค์เถอะ!” ซูหยู่และซูหยุนอุทานออกมา พร้อมกล่าวต่อ “ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิสามารถทำให้เหล่าปีศาจทั้งสามหนีไปได้ นี่เป็นสิ่งที่บุคคลธรรมดาสามารถทำได้หรือไม่? ไม่ต้องพูดถึงการเรียกท่านว่าปีศาจที่สี่ แม้ว่าเราจะเรียกท่านว่าปีศาจที่หนึ่งก็ไม่สามารถมีผู้ใดคัดค้านได้!”
“เป็นเช่นนั้น ด้วยการต่อสู้ของหัวหน้าในวันนี้ ท่านควรเป็นปีศาจที่หนึ่ง!” ตาเฒ่าพิษกล่าวเสริม
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ!” ซ่งจงโบกมืออย่างหดหู่ “ข้ายอมตายมากกว่าที่จะกลายเป็นปีศาจ!”
“ฮ่าฮ่า!” เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที ซูหยู่และซูหยุนก็เช่นกัน “พี่ชายซ่ง มันคือสิ่งที่ถูกยอมรับจากทุกคนแล้ว ข้าเกรงว่าท่านจะไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับมัน!”
ซ่งจงรู้ดีว่าสิ่งที่สองคนนั้นกล่าวคือเรื่องจริง เพราะมันคือธรรมเนียมที่สืบทอดกันมายาวนานและเขาไม่สามารถคัดค้านมันได้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาอย่างเศร้า ๆ “เยี่ยมจริง ๆ แล้วข้าจะมีหน้าไปพบปะผู้อื่นได้อย่างไรกัน!” เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนั้น เขากุบขมับอย่างหดหู่ ทุกคนที่เห็นภาพเช่นนี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที มู่ซื่อหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่รู้จะทำอย่างไร จึงกอดแขนซ่งจงไว้พร้อมกล่าวว่า “สามี ชื่อเสียงมันไม่ใช่ทุกอย่างไม่ใช่หรือ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับเรื่องอนาคตล่ะ? ไม่ว่าท่านจะถูกเรียกว่าอะไร ข้าจะยืนอยู่เคียงข้างและสนับสนุนท่านเสมอ!”
“เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!” ซ่งจงรู้สึกอบอุ่นจากถ้อยคำของมู่ซื่อหรงอย่างช่วยไม่ได้
มู่ซื่อหรงหัวเราะออกมาพร้อมกับอยู่ในอ้อมกอดของซ่งจง ซึ่งเป็นภาพที่มองแล้วดูอบอุ่นอย่างยิ่ง
ในขณะที่ทุกคนมองเห็นสายตาอันอบอุ่นของพวกเขา ทั้งหมดรู้สึกอึดอัดใจอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อที่จะทำลายความอึดอัดนี้ แม่มดเปลือยกายไอออกมาสองครั้งพร้อมกล่าวว่า “นายท่านนั้นเป็นหัวหน้าเกาะแห่งนี้อยู่แล้ว ถึงเวลาแล้วล่ะที่ข้าจะต้องละทิ้งตำแหน่งหัวหน้าทีม! ข้าหวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ!”
ในขณะที่นางกล่าวออกมาเช่นนั้น แม่มดเปลือยกายมองไปที่ซ่งจง ทุกคนมองไปที่เขาเช่นกันราวกับกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ เพราะว่าไม่ง่ายเลยที่จะค้นหาสมาชิกที่แข็งแกร่ง การที่มีซ่งจงผู้แข็งแกร่งคนนี้เป็นหัวหน้าทีม แน่นอนว่าพวกเขาจะรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาไม่ปฏิเสธและตอบกลับ “เอาล่ะ เนื่องจากเจ้ายอมปล่อยวาง ข้าก็จะยอมรับมัน แม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก!”
ทุกคนแสดงใบหน้าที่มีความสุขออกมาทันที แต่แม่มดเปลือยกายนั้นรู้สึกผิดหวังในใจพร้อมกับคิดกับตนเอง ‘มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ยอมแพ้ในตำแหน่งหัวหน้าทีมด้วยความเต็มใจ เหตุผลเดียวที่ข้าทำสิ่งนี้ก็คือเจ้า แน่นอนว่าข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะสังหารข้า หึ’ แน่นอนว่าแม่มดเปลือยกายนั้นเก็บคำพูดเหล่านี้ไว้ในใจ การพูดออกไปนั้นเท่ากับการแสวงหาความตาย
หลังจากซ่งจงประกาศว่าจะรับตำแหน่งหัวหน้าทีม แม่มดเปลือยกายยืนขึ้นพร้อมกล่าวว่า “มา ฉลองให้กับการเริ่มต้นใหม่ของทีมเรา!”
ทุกคนยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อฉลองให้กับซ่งจง “เพื่อผู้นำคนใหม่ของเรา!”
“ฮ่าฮ่า ขอบคุณ ขอบคุณมาก!” ซ่งจงไม่กล้าเสียมารยาท เขาลุกขึ้นและดื่มกับพวกเขา
จากนั้นเมื่อทุกคนนั่งลง แม่มดเปลือยกายกล่าวต่อ “หัวหน้า ตอนนี้ท่านมีตำแหน่งหัวหน้าทะเลตะวันออกแล้ว มันจะเป็นการดีถ้าหากท่านจะรีบไปครอบครองเกาะวิญญาณให้เร็วที่สุด ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือเกาะวิญญาณนั้นเต็มไปด้วยสมบัติ ยิ่งท่านรวดเร็วมากเท่าไหร่ สมบัติก็จะเป็นของท่านมากเท่านั้น!”
“ถูกต้อง!” ตาเฒ่าพิษรีบกล่าวเสริมทันที “ข้าได้ยินมาว่าเกาะวิญญาณที่ปีศาจทั้งสามครอบครองอยู่สามารถสร้างหินจิตวิญญาณได้ถึงหนึ่งแสนก้อนต่อวัน! หัวหน้า มันจะเป็นการดีอย่างยิ่งถ้าหากท่านเริ่มวางแผน!”
“มากกว่าหนึ่งแสนในทุกวันงั้นหรือ?” ซ่งจงอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มันมีอยู่จริงงั้นหรือ?”
“แน่นอน เกาะแห่งวิญญาณนั้นเต็มไปด้วยสมบัติ อีกทั้งยังมีสมุนไพรวิญญาณมากมาย หรือแม้แต่สมบัติวิเศษก็เช่นกัน!” ตาเฒ่าพิษกล่าวเสริม
“โอ มีเกาะแห่งวิญญาณอยู่มากมายงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ ในทะเลตะวันออกแห่งนี้มีเพียงสิบเกาะเท่านั้น!” แม่มดเปลือยกายตอบกลับ
“โอ้!” ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที พร้อมกล่าวว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น นอกเหนือจากเกาะที่ปีศาจทั้งสามครอบครอง ข้ายังคงมีให้เลือกอยู่อีกสิบเกาะใช่หรือไม่?”
“ไม่จำเป็น!” แม่มดเปลือยกายตอบกลับ “หมู่เกาะวิญญาณนั้นไม่มีเจ้าของ มันเป็นการแบ่งปันกันในสำนักใหญ่!”
“พวกเขามีเครื่องหมายหัวหน้าทะเลตะวันออกงั้นหรือ? ข้ามีสิทธิ์เป็นเจ้าของเกาะ!” ซ่งจงอุทานออกมา
“หัวหน้าที่รัก ดูเหมือนว่าท่านจะลืมอะไรไปสักอย่าง ทะเลตะวันออกไม่ใช่สถานที่ที่ผู้คนจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ตราบใดที่ทุกคนกล่าวว่ามันเป็นของพวกเขา มันก็คือของของพวกเขา! แม้ว่าท่านจะมีเครื่องหมายหัวหน้าทะเลตะวันออก แต่มันหมายถึงเป็นเจ้าของเพียงแค่ในนามเท่านั้น! ถ้าหากท่านต้องการที่จะครอบครองเกาะแห่งวิญญาณ ท่านจะต้องแย่งชิงมา ถ้าหากท่านชนะ มันจะเป็นของท่าน ถ้าหากท่านแพ้ แม้แต่ชีวิตก็ไม่อาจรักษาไว้ได้!”
“บัดซบ ทะเลตะวันออกนี่ไร้กฎจริง ๆ! ถ้าเป็นเช่นที่เจ้าพูด เครื่องหมายหัวหน้าทะเลตะวันออกนี่ก็คงไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่? มันไม่คล้ายจะทำอะไรได้สักอย่าง!”
“แน่นอนว่าไม่! เครื่องหมายหัวหน้าทะเลตะวันออกนั้นมีประโยชน์อยู่ มันแสดงถึงความเป็นเจ้าของบนเกาะ” แม่มดเปลือยกายเริ่มอธิบาย “บนเกาะวิญญาณแห่งอื่น ทุกคนต่อสู้กันระหว่างสำนักเพื่อแย่งชิงเนื่องจากพวกเขาไม่มีเครื่องหมายเหล่านี้ แต่ในกรณีของท่านคือได้ด้วยความสามารถแล้ว เกาะที่ถูกครอบครองโดยสามปีศาจแห่งทะเลตะวันออก ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเข้าไปยุ่มย่าม พวกเขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่พวกเขามีสิทธิ์เป็นเจ้าของเกาะ ถ้าหากถูกรังแกขึ้นมา แน่นอนว่าเหล่าพันธมิตรทะเลตะวันออกอาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาด้วย ทั้งหมดที่บุกรุกจะถูกออกหมายจับ แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้นเพราะมันเกี่ยวกับเรื่องชื่อเสียงของตนเอง! ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้คนจำนวนมากจับตาดูการเป็นหัวหน้าทะเลตะวันออกของท่าน!”
“ฮี่ฮี่ น่าเสียดายที่พวกเขาทำได้เพียงต้องการมันเท่านั้น แต่ว่าไม่มีความสามารถที่จะปล้นไป!” ซ่งจงเยาะเย้ย “ลืมมันไป ลืมเรื่องพวกสารเลวเหล่านั้นเสีย เราควรหารือที่เราจะเข้ายึดเกาะแห่งวิญญาณกันดีกว่า พวกเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายปี พอจะมีอะไรแนะนำข้าบ้างหรือไม่?”
“ข้าคิดว่าเกาะแห่งวิญญาณบริสุทธิ์ก็ไม่เลวนะ ที่นั่นมีน้ำพุวิญญาณ หากผู้ใดที่เป็นผู้ฝึกตนธาตุน้ำได้อาศัยอยู่ที่นั่น เขาจะรู้สึกราวกับว่าอยู่ในโถงวารีเทวะ ซึ่งผลลัพธ์ของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในความพยายามเท่าเดิม อีกทั้งยังเหมาะแก่การปรับแต่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หรือเวทมนต์ธาตุน้ำ!” ตาเฒ่าพิษยิ้มออกมา “และที่สำคัญเหล่าผู้ที่ปกป้องเกาะแห่งนั้นมีความอ่อนแอที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของท่าน แน่นอนว่าจะสามารถครอบครองมันได้อย่างง่ายดาย!”
“โอ้!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาเขาเป็นประกายพร้อมถามว่า “ในตอนนี้ใครเป็นผู้รับผิดชอบเกาะแห่งนั้น?”
“หอเฉวียนจี้ที่อยู่ในทะเลตะวันออก ผู้หญิงเหล่านั้นอ่อนแอที่สุด!” ตาเฒ่าพิษตอบกลับอย่างไม่ลังเล
“บัดซบ!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตะโกนออกมา “นี่มันความคิดโง่ ๆ แบบไหนกันที่เจ้าหยิบยื่นให้ข้า? อย่าบอกนะว่าต้องการให้ข้ารังแกหญิงสาวเหล่านั้น?”
“ว่าอะไร?” ตาเฒ่าพิษตกใจไปชั่วครู่ เขาไม่เคยคิดว่าซ่งจงจะมีศักดิ์ศรีมากขนาดนั้น เขาเผยยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับอย่างรวดเร็ว “อย่าเพิ่งโกรธข้าเลยท่านหัวหน้า มันเป็นความผิดของข้าเอง เราไม่ควรต่อสู้กับสตรี!”
“เป็นเช่นนั้นก็ดี! แล้วเรามีเกาะวิญญาณอื่นอีกไหม?”
“แน่นอน!” ตาเฒ่าพิษตอบกลับ “เนื่องจากท่านไม่มีความเต็มใจที่จะต่อสู้กับสตรี ท่านต้องการเกาะแห่งวิญญาณประเภทไหนกันล่ะ? ข้าจะได้วางแผนถูก!”
“แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นที่ที่มีประโยชน์มากที่สุด!” ซ่งจงตอบกลับอย่างรวดเร็ว “สถานที่ที่มีประโยชน์คือสิ่งที่ข้าต้องการ เรื่องความแข็งแกร่งของผู้คุมเกาะนั้นลืมไปได้เลย ข้าจะระเบิดพวกมันด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้า ถ้าพวกมันไม่ยอมหนีไปแน่นอนว่าจุดจบก็คือกลายเป็นเถ้าถ่าน!”
“ยอดเยี่ยม สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของท่านหัวหน้านั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว!” ตาเฒ่าพิษเยินยอ “ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกอย่างก็ง่ายดาย หมู่เกาะที่ถือได้ว่าเป็นขุมสมบัติที่แท้จริงก็คือเกาะแห่งกำมะถัน มันกว้างห้าพันลี้อีกทั้งยังเต็มไปด้วยหินจิตวิญญาณและซากอสูรกายมากมาย ยังไม่รวมถึงสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน หรือแม้แต่เหล่าสิ่งที่จำเป็นต่อผู้ฝึกตนระดับจินตัน เพียงแค่อุปกรณ์นี้เพียงชิ้นเดียว สามารถสร้างความร่ำรวยได้อย่างไม่รู้จบ! แต่ว่า…”
“แต่อะไร?” ซ่งจงถามต่อ “เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มีผู้ฝึกตนระดับจินตันนับสิบคนปกป้องมันอยู่ ถ้าหากเราต้องการจะต่อสู้ แน่นอนว่าจะต้องมีผู้ฝึกตนระดับจินตันยี่สิบถึงสามสิบคนที่จะเข้าร่วมการต่อสู้นี้!” ตาเฒ่าพิษกล่าวออกมาอย่างสุภาพ “หัวหน้าบนเกาะนั้นมีผู้ฝึกตนระดับจินตันมากมาย อีกทั้งบางคนยังอยู่ในระดับจินตันขั้นสมบูรณ์ ท่านแน่ใจหรือว่าสามารถจัดการได้?”
หลังจากได้ยินว่ามีผู้ฝึกตนระดับจินตันจำนวนมาก ซ่งจงนั้นควรจะถอยกลับ แต่เขากลับกล่าวออกมาว่า “กลุ่มใดกันที่เป็นเจ้าของเกาะนั้น?”
“โอ้ เกาะนี้นั้นมีมีห้าคนที่มีพลังแตกต่างกันออกไปปกครองอยู่ แต่มีสี่คนที่อ่อนแอ จึงทำให้ไม่สามารถเข้าทีมกับพลังที่แข็งแกร่งได้” ตาเฒ่าพิษอธิบาย
“สำนักไหนกัน?” ซ่งจงถามกลับ
“สำนักเสวียนเทียน!” ตาเฒ่าพิษตอบกลับ
“บัดซบ!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตบโต๊ะด้วยความโกรธพร้อมกับคำรามออกมา “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ข้ามาจากสำนักเสวียนเทียนและเจ้ากำลังบอกให้ข้าปล้นสมบัติของสำนักตนเอง? เมื่อข้ากลับไป ข้าจะไม่ถูกจ้าวสำนักถลกหนังเล่นงั้นหรือ? เจ้ามีเจตนาอะไรกันแน่!?”
“เอ่อ!” ตาเฒ่าพิษรู้ได้ทันทีว่าเขาได้ทำผิดพลาดอีกครั้ง เขาลืมสนิทว่าซ่งจงมาจากที่แห่งใด จากนั้นจึงรีบอธิบายทันที “ท่านหัวหน้า ฟังข้าอธิบายก่อน! ข้าลืมไปเสียสนิท! ถ้าไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่คิดเช่นนี้!”
“ไป ไปไหนก็ไป!” ซ่งจงโบกมืออย่างหงุดหงิด “เป็นการที่ดีสุดถ้าเจ้าจะย้ายก้นของเจ้าออกไปให้ไกลข้าและให้คนอื่นอธิบายแทน!”
เมื่อเห็นว่าซ่งจงโกรธอย่างสมบูรณ์แล้ว ตาเฒ่าพิษรู้สึกผิดหวังในทันที เขาไม่กล้ากล่าวอะไรอีกต่อไปพร้อมกับดื่มคนเดียวเงียบ ๆ ในขณะนั้นแม่มดเปลือยกายเผยยิ้มและกล่าวออกมา “ท่านหัวหน้า ข้ามีสถานที่ที่ดีเยี่ยมไม่แพ้กับเกาะแห่งกำมะถัน อีกทั้งยังไม่ได้ครอบครองโดยสำนักเสวียนเทียน นอกจากนั้นการป้องกันนั้นอ่อนแออย่างมาก!”
“ว่าอะไร?” เมื่อซ่งจงได้ยิน เขาตื่นเต้นทันที “มันคือที่ใด?”
“มันถูกเรียกว่าเกาะแห่งไผ่เขียว ซึ่งเป็นป่าไผ่กว่ากว่าห้าร้อยลี้ จึงเป็นที่มาของชื่อนั้น!” แม่มดเปลือยกายยิ้มออกมา “ไม้ไผ่เขียวเป็นสมบัติที่สามารถนำมาปรับแต่งอุปกรณ์วิเศษได้ถ้าหากมีอายุร้อยปี ถ้าหากมีอายุพันปีจะสามารถปรับแต่งสมบัติวิเศษขั้นห้าได้ และถ้าหากมีอายุหมื่นปีจะสามารถปรับแต่งสมบัติวิเศษขั้นเก้าได้ นับได้ว่ามันเป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่แท้จริง!”
“โอ้! มันมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้จริงหรือ?” ซ่งจงถามอย่างตื่นเต้น
“แน่นอนว่าไผ่เขียวนั้นยอดเยี่ยม แต่เหล่าไผ่เขียวที่มีอายุพันปีขึ้นไปถูกนำมาปรับแต่งจนหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงไผ่ที่มีอายุร้อยกว่าปีเท่านั้น!” ซูหยู่และซูหยุนกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “แม้ว่าไผ่เขียวจะยอดเยี่ยม แต่มันกลายเป็นสมบัติที่ไร้ค่าไปเสียแล้ว ไม่สามารถเทียบกับเกาะแห่งกำมันถันได้แม้แต่น้อย!”
“อะไรกัน?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างขุ่นเคืองทันที “ยัยสารเลว เจ้ากล้าหลอกลวงข้างั้นหรือ?”
“ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น!” เมื่อเห็นว่าซ่งจงเริ่มอารมณ์ไม่ดี นางรีบตอบกลับอย่างช่วยเร็ว “อย่าเข้าใจข้าผิด ข้ากล่าวความจริง! ซูหยู่และซูหยุนนั้นไม่รู้อะไรมากกว่า!”
“เจ้าหมายความว่าอะไร?”
“ข้าหมายถึงอะไรน่ะหรือ ที่เกาะแห่งไผ่เขียวนั้นมีประโยชน์ก็เพราะว่ามันมีเถาวัลย์มังกรปฐพี!”
หลังจากซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาถามต่อ “เถาวัลย์ที่ได้รับการขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกน่ะเหรอ?”
“ถูกต้อง มีการกล่าวว่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินมักจะชอบใช้เถาวัลย์มังกรปฐพีซึ่งมีอายุนับพันปีในการปรับแต่งเกราะของตนเอง!” แม่มดเปลือยกายกล่าวเสริม
“ข้ารู้ว่าของสิ่งนี้มีค่าเหนือกว่าไผ่เขียว!” ซ่งจงกล่าวต่อ “อย่าบอกนะว่าเกาะแห่งไผ่เขียวนั้นมีอุปกรณ์นี้?”
“แน่นอน!” แม่มดเปลือยกายรีบตอบกลับ “มันถูกฝังอยู่ใต้ดินราวสองถึงสามพันฟุตและไม่สามารถพบเจอได้ง่าย เหตุผลที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เป็นเพราะเจ้าของเกาะไม่เคยบอกผู้ใด เขาได้พบกับมันเพียงครั้งเดียวโดยบังเอิญและเก็บซ่อนข่าวนี้ไว้อย่างเงียบเชียบ!”
หลังจากที่ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างสับสน “ถ้าหากถูกเก็บเป็นความลับ แล้วทำไมเจ้าจึงรู้?”
“เพราะว่าข้ามาจากสำนักพันปีศาจ!” แม่มดเปลือยกายตอบกลับอย่างกระดากใจ
“แล้วมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร?” ซ่งจงถามอีกครั้ง
เมื่อซูหยู่และซูหยุนได้ยินเช่นนั้น ทั้งคู่รีบอธิบายทันที “พี่ชายซ่ง นั่นเป็นเพราะป่าไผ่เขียวเป็นสมบัติของสำนักพันปีศาจ!”
“โอ้! ไม่แปลกใจที่เจ้าจะรู้เรื่องนี้ สำนักของเจ้าเป็นผู้ปกป้องเกาะนั่นเอง!”
แต่ซ่งจงยังคงสับสน “แต่แปลก เนื่องจากมันเป็นความลับของสำนักพันปีศาจ แล้วทำไมเจ้าจึงบอกข้า?”
แม่มดเปลือยกายบิดร่างกายไปมาราวกับต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง ซ่งจงรีบโบกมืออย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวว่า “อย่าคิดว่าเจ้าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดกับข้าแล้วข้าจะเชื่อว่าเจ้าภักดี ข้าไม่ได้โง่และไม่เชื่อผู้ใดง่าย ๆ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้าฉลาดมากกว่าคนโง่นิดหน่อย เจ้าก็ควรบอกความจริงกับข้ามา ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า!”
แม่มดเปลือยกายตกใจไปชั่วขณะพร้อมหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม “ตกลง ข้าพูดแล้ว ข้าไม่สามารถซ่อนอะไรท่านได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะกล่าวความจริง!”
แม่มดเปลือยกายจัดทรงผมของนางก่อนที่จะเริ่มสาปแช่ง “แม้ว่าข้าจะมาจากสำนักพันปีศาจ แต่ข้าเกลียดกฏที่บังคับให้ข้าฝึกฝนการเผาไหม้ปรารถนาศักดิ์สิทธิ์! ข้าคนนี้จะต้องอดทนกับความต้องการของตัวเองทุกวันและไม่สามารถปลดปล่อยได้ เรื่องเช่นนี้เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย!”
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางมองไปที่ซ่งจงอย่างขมขื่น
อย่างไรก็ตาม เขาโบกมืออย่างไม่แปลกใจนัก “ข้ารู้เรื่องกฎของสำนักพันปีศาจ เจ้าจะต้องเลือกวิชาที่เจ้าต้องการฝึก กล่าวก็คือเจ้าเป็นคนเลือกมันด้วยตนเองและทำได้เพียงโทษตัวเองเท่านั้น! ถ้าหากว่ามีใครบังคับเจ้า มันก็คงไม่ใช่เรื่องร้ายแรง นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะหักหลังสำนักของตนเอง! บอกความจริงกับข้ามาจะดีกว่า!”
หลังจากที่แม่มดเปลือยกายได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ก็ได้ ถ้าจะกล่าวความจริง ข้าต้องต่อสู้ให้กับสำนักปีศาจด้วยชีวิตของข้าเอง แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะบอกอะไรเมื่อข้าถามถึงเถาวัลย์มังกรปฐพี!”
“เหอะ!” แม่มดเปลือยกายสาปแช่งออกมา “ไม่ใช่เพราะว่าข้าไม่มีคุณสมบัติ แต่เป็นเพราะข้าไม่สามารถรับใช้พวกเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการมอบเถาวัลย์ให้กับหญิงสาวที่อ่อนเยาว์และรับใช้พวกเขาได้เต็มที่ยิ่งกว่าข้า! ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่ต้องกังวลอะไรและยินยอมมอบทุกสิ่งให้กับหัวหน้าที่รักของข้าเสียดีกว่า!
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางมองไปที่ซ่งจงอย่างอ้อนวอน “ท่านหัวหน้า ท่านตกลงไหม?”
ซ่งจงขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม “ไม่ว่ายังไง ข้าก็ยังสงสัยในคำพูดของเจ้าอยู่ดี แน่นอนว่าข้ายังไม่เชื่อ!”
“หัวหน้า!” เมื่อแม่มดเปลือยกายได้ยินเช่นนั้น นางรีบกล่าวต่อทันที “ข้าเป็นของท่านแล้ว ทำไมข้าจะต้องโกหกด้วย? อย่าบอกนะว่าข้าผู้นี้ไม่เกรงกลัวต่อสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของท่าน?”
“อืม ก็ถูกของเจ้า!” ซ่งจงพยักหน้า
“แท้จริงข้าไม่ได้ต้องการอะไรมาก!” แม่มดเปลือยกายกล่าว “ข้าเพียงต้องการให้ท่านมอบสิ่งประดิษฐ์ที่มาจากเถาวัลย์มังกรปฐพีให้กับข้าบ้าง แม้ว่ามันจะมีอายุเพียงร้อยปีก็ตาม!”
“เหอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนั้น!” ซ่งจงกล่าวอย่างภูมิใจ “ข้ามีรางวัลให้เจ้าอย่างแน่นอน ถ้าหากข่าวที่เจ้ากล่าวมาเป็นเรื่องจริง ข้าจะไม่ผลักดันเจ้าออกจากเถาวัลย์มังกรปฐพี แน่นอนว่ามันจะต้องมีอายุพันปีและมากกว่าหนึ่งชิ้น!”
“สวรรค์ ข้าขอขอบคุณท่านหัวหน้ามาก!” แม่มดเปลือยกายตอบกลับอย่างร่าเริง
“อย่าเพิ่งรีบที่จะขอบคุณข้า!” ซ่งจงตอบกลับ “ข้าจะตกลงกับเจ้าก่อน ถ้าหากที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง แน่นอนว่าจะมีรางวัล แต่ถ้าเจ้ากล้าที่จะโกหกข้า เหอะ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกนี้!”