ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
บทที่****240: เผชิญหน้าอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าซ่งจงปล่อยจิตสังหารออกมา แม่มดเปลือยกายได้แต่หลั่งเหงื่อออกมาด้วยความหวาดกลัว พร้อมกล่าวอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่กล้า ไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้นแน่นอน!”
“มันจะดีมากถ้าเจ้าไม่คิดทำเช่นนั้น!” ซ่งจงตะคอกออกมา “เนื่องจากเป็นเช่นนี้ เราจะไปตั้งรกรากกันที่เกาะไผ่เขียว หลังจากที่เราได้ครอบครองมันแล้ว ข้าคือเจ้าของเกาะและแม่มดเปลือยกายจะเป็นรองหัวหน้า!”
“ว่าอะไร! ข้าสามารถเป็นได้จริงหรือ?” นางถามออกมาอย่างตื่นเต้น
ซ่งจงตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “แน่นอน ถ้าหากข้ากล่าวออกไปแล้ว แน่นอนว่าซ่งจงผู้นี้ไม่เคยกลับคำพูด!” เขายกแก้วไวน์ของตนเองพร้อมกล่าวว่า “มา! ดื่มอวยพรให้กับชัยชนะของพวกเรา!”
“โอ้!” ทุกคนตอบกลับอย่างร่าเริงพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้น
ผ่านไปไม่กี่วัน นาวายักษ์สีดำได้ออกมาโลดแล่นอีกครั้ง มันมาหยุดอยู่ที่เกาะไผ่เขียว ในภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยป่าทึบ บนยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ รอบเกาะนั้นเต็มไปด้วยต้นไผ่มากมายนับไม่ถ้วน
แม้ว่าเกาะนี้จะปลอดภัย ไม่พบเจอมนุษย์ที่นี่ อย่างไรก็ตามในขณะที่นาวายักษ์สีดำเข้าใกล้ยอดเขา ปรากฏลำแสงขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิปรากฏตัวขึ้นรอบเรือทันที
ชายผู้หนึ่งสวมชุดคลุมสีดำและชี้ไปที่เรือพร้อมตะโกนว่า “เจ้าเป็นผู้ใดกันจึงกล้าเข้ามาแสวงหาความตายในเกาะไผ่เขียว? อยากตายงั้นหรือ?”
เงารอบเรือค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเป็นร่างกายของมนุษย์ มีสตรีสี่คนและบุรุษสองคนยืนเคียงข้าง บุรุษชุดดำยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
“คำพูดที่กล้าหาญเช่นนี้ออกมาจากคนอย่างเจ้างั้นหรือ?” แน่นอนว่าบุคคลที่กล้าถามคำถามเช่นนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น เป็นซ่งจง!
บุรุษชุดดำเริ่มงุนงงที่ซ่งจงกล้าพูดเช่นนี้กับเขา จากนั้นเขาจึงเริ่มคิดว่าซ่งจงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ด้วยความที่เขาอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นสมบูรณ์แน่นอนว่าจะต้องอ่อนแอกว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันเช่นตนแน่นอน!
“เด็กน้อยเจ้าอย่าอวดดี!” บุรุษชุดดำตอบกลับ เขาโกรธจนตัวสั่นพร้อมกล่าวต่อ “ไขมันก้อนนี้มันมาจากแห่งหนใดกันจึงกล้าที่จะไม่เคารพข้าที่เป็นอาวุโส!”
ซ่งจงเมื่อได้ยินคำว่าไขมัน แน่นอนว่าเขาโกรธจัดทันทีพร้อมตอบกลับว่า “บุคคลที่มีความสามารถเทียบเท่ากับขยะเช่นนี้ เหตุใดจึงกล้าเรียกตนเองว่าอาวุโส? เหอะ ความสามารถเจ้าเล็กน้อยแต่กลับรู้วิธีที่จะแสดงให้ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เจ้ารู้ไหมว่าผลลัพธ์มันจะดูแย่แค่ไหนถ้าหากมาแสดงกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าข้า?!”
ชายชุดดำใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมอุทานออกมา “สิ่งเดียวที่ข้ารู้ในตอนนี้คือเจ้ากำลังจะตาย!”
ชายชุดดำเปิดฉากการโจมตีโดยสร้างดาวตกขึ้นมาพร้อมระบุเป้าหมายเป็นซ่งจง เขาเห็นฝ่ามือสีแดงกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ด้วยระยะเพียงไม่กี่ร้อยฟุต เกิดเป็นลูกบอลขนาดเล็กพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา พุ่งมาที่หน้าผากของซ่งจงอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นซ่งจงเผยยิ้มออกมา เมื่อลูกบอลสีแดงกำลังจะสัมผัสกับหน้าผากของเขา ทันใดนั้นลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียวปรากฏออกมาเพื่อปกป้องเขาทันที เช่นนี้เขาจึงหลีกเลี่ยงการโจมตีของชายชุดดำได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าสถานการณ์ปกติไม่มีทางที่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิจะต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ อย่างไรก็ตามกฎเหล่านั้นไม่อาจใช้กับซ่งจงได้อีกต่อไป เขาสามารถป้องกันการโจมตีจากผู้ฝึกตนระดับจินตันได้อย่างง่ายดาย ความประหลาดเช่นนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างจ้องมองด้วยความตกใจ
แต่เขาไม่ได้มีโอกาสตอบโต้เพราะซ่งจงนั้นรวดเร็วราวกับสายฟ้า ซ่งจงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาพร้อมกับลงมือทุบตีอย่างรุนแรง
เมื่อผู้ฝึกตนระดับจินตันเห็นเช่นนั้น เขาไม่กล้าที่จะประมาทพร้อมกับยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิงลูกบอลสีแดงออกมาอีกครั้งเพื่อป้องกันการโจมตีจากซ่งจง อย่างไรตามเขายังไม่เข้าใจความแข็งแกร่งที่ซ่งจงมี ร่างกายของซ่งจงนั้นแข็งแกร่งเท่ากับอสูรกายขั้นห้า ซึ่งสามารถเอาชนะราชาฉลามดำที่อยู่ในขั้นห้าระดับสมบูรณ์จนตายตกไปได้
ในขณะที่โล่สีแดงของผู้ฝึกตนระดับจินตันยังคงเปราะบาง แล้วจะสามารถป้องกันการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร? แม้แต่ราชาฉลามดำยังต้องยอมสยบให้กับซ่งจง แน่นอนว่าเขาคงไม่สามารถหลบหนีการโจมตีในครั้งนี้ได้
ภายใต้สายตาที่เป็นพยานของทุกคน ฝ่ามือของซ่งจงทำลายโล่สีแดงนั้นอย่างรวดเร็ว แรงส่งที่เหลือไปถึงใบหน้าของผู้ฝึกตนระดับจินตันอย่างโหดร้าย เกิดเสียงเพี๊ยะดังสนั่นพร้อมกับส่งผู้ฝึกตนระดับจินตันขึ้นฟ้าไป ภาพสุดท้ายคือเขาร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างน่าสมเพช ไม่เพียงแต่ร่างกายที่เต็มไปด้วยโคลน ใบหน้าของเขาบวมอย่างหนักและเลือดที่ไหลออกมาจากริมฝีปาก เขาอ้าปากและคายฟันออกมาสามถึงสี่ซี่ก่อนที่จะเริ่มพูดอะไรสักอย่าง
แต่ในขณะนั้น ซ่งจงตะโกนออกมาเสียงดัง “เด็กน้อย ข้าจะบอกอะไรให้ นี่คือผลลัพธ์ที่น่าสมเพชเมื่อแสดงตนว่ายิ่งใหญ่เกินตัว เช่นเดียวกับเจ้าที่แสดงตนเกินไปจึงทำให้กลายเป็นคนโง่งมเช่นนี้!”
เมื่อผู้ฝึกตนชุดดำได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดภายในหัวใจทันที เมื่อรวมกับการบาดเจ็บจากการตบของซ่งจงเมื่อครู่นี้ จึงทำให้เขาคายเลือดออกมาก้อนใหญ่
ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่รอบข้างเขาล้วนแต่ตกตะลึงในทันที พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันที่แข็งแกร่งผู้นี้จะถูกทารุนโดยไขมันเดินได้เช่นนี้ และนั่นยังไม่น่าแปลกใจเท่าที่เขาถูกผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิตบตีจนอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช
แน่นอนว่าความผิดปกติเช่นนี้ทำให้เกาะไผ่เขียวปั่นป่วนทันที ปรากฏลำแสงขึ้นมารวดเร็วและเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตันสองคนได้เดินทางมาถึง อาวุโสสวมชุดคลุมสีแดงเดินก้าวมาด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “ข้าขอถามว่าเจ้าคือซ่งจงผู้มีชื่อเสียงใช่หรือไม่?”
ซ่งจงหันไปมองเขาพร้อมกับเห็นว่าเขาคือผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นสมบูรณ์ อายุราวเจ็ดถึงแปดสิบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยและอยู่ในชุดคลุมสีเลือด ทำให้ดูน่าขยะแขยงอย่างมาก
ด้วยการมองรวดเดียว ซ่งจงรู้สึกหมองหม่นอย่างมาก จากนั้นเขาตอบอย่างตัดรำคาญ “ใช่ ข้าเอง!”
เมื่อซ่งจงกล่าวออกไปเช่นนั้น ทุกคนตกใจทันที เมื่อไม่นานมานี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังอย่างมาก ทั้งหมดไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
เมื่ออาวุโสชุดแดงได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วพร้อมกับเผยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “โอ เป็นน้องชายซ่งนั่นเอง เจ้าเดินทางมาไกลนัก ข้าต้องการรู้ว่าเจ้าต้องการอะไร?”
“แน่นอน!” ซ่งจงไม่กล่าวอะไรพร้อมกับหยิบเครื่องหมายหัวหน้าทะเลตะวันออกแสดงให้เขาดู “ข้าชอบเกาะไผ่เขียวของเจ้า ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะต้องออกไปทันที!”
ในขณะที่ผู้ฝึกตนรอบข้างได้ยินคำพูดที่ไม่สุภาพของซ่งจง ทั้งหมดโกรธจัดทันที อาวุโสชุดแดงเช่นกัน เขาคำรามทันที “ซ่งจง อย่าหยิ่งผยองให้มากนัก! เจ้าต้องรู้ว่าสำนักพันปีศาจไม่ใช่สิ่งที่จะมายั่วยุกันง่าย ๆ!”
“ฮ่าฮ่า!” ซ่งจงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “มันยากตรงไหนที่จะยั่วยุพวกเจ้า อย่าคิดว่าพวกเจ้ามีพวกพ้องอยู่ด้วยแล้วข้าจะทำอะไรไม่ได้ ถ้าหากต้องการให้ข้าทำให้เจ้ากรีดร้อง แน่นอนว่าสามารถทำได้ ถ้าหากพวกเจ้ายังคงมีสมองหลงเหลืออยู่บ้าง ก็ควรออกไปจากที่นี่ซะ ไม่เช่นนั้น….”
“ไม่เช่นนั้นอะไร?” อาวุโสชุดแดงถามออกมาด้วยความโกรธ
ซ่งจงยืดอกพร้อมกับกล่าวอย่างอหังการ “เหอะ ถ้าไม่เช่นนั้น ข้าจะสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่! นอกจากนี้ข้ายังได้รับขนานนามว่าได้กำจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปจากโลกใบนี้!”
ในขณะนั้น ซ่งจงนั้นยืนเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญในขณะที่เขาอยู่ในระดับปฐมภูมิ เขาสามารถบังคับให้อินทรีย์สายฟ้าหนีไปได้ เขาสังหารราชาฉลามดำและขับไล่สามปีศาจแห่งทะเลตะวันออก ออร่าความแข็งแกร่งเปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเขาอย่างไม่รู้ตัว
ในขณะที่ผู้คนที่ยืนอยู่รอบ ๆ นั้นเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิและผู้ฝึกตนระดับจินตัน ทั้งหมดไม่กล้าที่จะเทียบรัศมีกับซ่งจง ทั้งหมดทำได้แค่ยืนเงียบและเฝ้าดูห่าง ๆ
แต่ในขณะที่ซ่งจงกำลังกดดันฝูงชนอยู่นั้น เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมาจากที่ไกล ๆ
“หึหึหึ!”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่น่ากลัวนี้ ป่าไผ่เขียวนั้นโบกสะบัดทันทีพร้อมด้วยลูกทีมของซ่งจงเริ่มยืนไม่ได้และตกจากเรือในที่สุด
แม้แต่ซ่งจงก็ยังหวั่นไหวถึงจุดที่เขามึนงงและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
โชคดีที่เสียงหัวเราะนี้เกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ เท่านั้น จากนั้นปรากฏรูปร่างสีดำคล้ายกับปีศาจด้านหลังของซ่งจง
จากนั้นเกิดเสียงชั่วร้ายดังขึ้น “นี่มันเจ้าไขมันบัดซบนี่ ซ่งจงจากสำนักเสวียนเทียนงั้นหรือ? ข้าคิดถึงเจ้าจนจะตายอยู่แล้ว!”
ผู้อื่นอาจจะเพียงแค่รู้สึกโชคร้ายเมื่อได้ยิน แต่ซ่งจงนั้นกลัวจนแทบจะตายตกไปทันที เขาตัวสั่นอย่างไม่อาจอดกลั้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น จากนั้นเขาสูดหายใจลึกเพื่อรวบรวมความกล้าที่จะหันหลังกลับไปดู
แน่นอนว่าชายชุดดำผู้นี้เป็นคนที่ซ่งจงกำลังนึกถึง เขาคือตาเฒ่าเฟิงแห่งสำนักพันปีศาจ!
ในขณะที่ซ่งจงเห็นเขา ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวทันที เขารู้ดีว่าความเกลียดชังที่ตาเฒ่าเฟิงมีต่อตนเองนั้นจะไม่มีวันถูกลบออกไปเด็ดขาด
จากการต่อสู้ครั้งล่าผลไม้วิญญาณ ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินถูกตัดนิ้วจากความร่วมมือของผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนนั่นก็คือซ่งจงและหานปิง มันทำให้เขาแทบไม่มีใบหน้าไปพบผู้คนได้ อย่างไรก็ตามในครั้งนั้นซ่งจงได้ซุ่มโจมตีโดยใช้สมบัติวิญญาณขั้นเก้าช่วยเหลือ แต่ถึงอย่างไรมันก็น่าอับอายอยู่ดี
แต่เหตุการณ์ในก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถอธิบายได้อย่างเต็มปาก เพราะเหตุการณ์ในหุบเขาครั้งนั้นซ่งจงได้ใช้ยันต์เคลื่อนย้ายเพื่อส่งเขาไปที่หอคอยลอยฟ้าของสำนักเสวียนเทียน จากนั้นเขาก็ถูกฆ่าตายไปครึ่งชีวิตโดยผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสามคนและจากนั้นก็รอดมาได้!
มันเป็นสิ่งที่น่าอับอายเกินไป ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินถูกหลอกโดยผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ เมื่อใดที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป แน่นอนว่าตาเฒ่าเฟิงจะต้องกลายเป็นตัวตลกของผู้คนทั่วทั้งภูเขา และคงจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง
เช่นนี้ เขาจึงสาบานว่าจะสังหารซ่งจงให้ได้หลังจากที่ถูกปล่อยตัวออกจากสำนักเสวียนเทียน
อย่างไรก็ตามซ่งจงนั้นไม่โง่ นับตั้งแต่นั้นเขาไม่ได้ออกจากสำนักเสวียนเทียนเลย เพื่อไม่ให้ตาเฒ่าเฟิงมีโอกาสที่จะสังหารเขา แต่หลังจากหลายปีผ่านไป ซ่งจงออกเดินทางมาอยู่ในทะเลตะวันออกเพียงไม่กี่เดือน ตาเฒ่าเฟิงกลับไล่ตามเขามายังสถานที่แห่งนี้
ในตอนนี้ตาเฒ่าเฟิงมองเจ้าอ้วนและกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “เด็กน้อย เจ้ามีความสุขไหมที่ได้พบข้าอีกครั้ง?”
“ความสุขอะไร?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวอย่างขื่นขม “การปรากฏตัวของเจ้าทำให้ข้านึกถึงความโชคร้ายเป็นเหตุการณ์ที่เหล่ามนุษย์มักพูดถึง!”
“ว่าอะไร?” เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างสนใจ “เหตุการณ์อะไรงั้นหรือ?”
“นักบวชน้อยเคาะประตูบ้านของหญิงม่ายกลางดึก แต่แทนที่หญิงม้ายจะเปิดประตู แต่กลับเป็นคนหัวล้านแทน!” ซ่งจงกล่าวออกมาในขณะที่อยากจะร้องไห้ด้วยเช่นกัน
เขาพยายามคิดว่าเกาะไผ่เขียวนั้นไม่มีสิ่งสำคัญใด เขาจะสามารถทำลายประตูของเกาะไผ่เขียวอย่างง่ายดายราวกับประตูบ้านของหญิงม้าย แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าคนที่จะเปิดประตูให้เขาคือนักบวช ในตอนจบเขากลายเป็นเหยื่อไปเสียแล้ว!
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินซ่งจงเล่าเช่นนั้น เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
หลังจากที่รอให้ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะจนเสร็จสิ้น ซ่งจงถามออกไปทันที “อาวุโสเฟิง ข้าเพิ่งมาที่ทะเลตะวันออกเพียงสองเดือนเท่านั้น! ท่านรู้เรื่องของข้าได้อย่างไรกัน?”
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณหญิงงามที่ยืนอยู่ข้างหลังเจ้า!” อาวุโสเฟิงตอบกลับอย่างสดใส
ซ่งจงตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเขาหันกลับหลังไปและเห็นว่าแม่มดเปลือยกายละทิ้งนาวายักษ์สีดำไปแล้วพร้อมกับยืนอยู่ด้านหน้าตาเฒ่าเฟิง นางทำความเคารพเขาและกล่าวทักทาย “แสดงความเขาเคารพต่ออาวุโสลุง!”
“ลุกขึ้นได้ ทำได้ดีมากเด็กน้อย!” ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะออกมา “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าบอกข้า แน่นอนว่าข้าคงไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่!”
เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง เขาถูกหักหลังโดยแม่มดเปลือยกายและการเดินทางมาที่นี่นั้นเป็นกับดัก!
หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว เขาโกรธจัดจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำทันที เขามองไปที่แม่มดเปลือยกายพร้อมกับเย้ยหยันออกมาอย่างรังเกียจ “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริง ๆ ในที่สุดข้าก็ถูกเจ้าหลอกจนได้!”
“ฮ่าฮ่า ใครขอให้เจ้าโง่ถึงเพียงนี้กันล่ะ?” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาอย่างร่าเริง “แม้แต่คนโง่ยังรู้ว่าไม่มีผู้ใดสามารถทรยศสำนักของตนเองได้อย่างง่ายดาย มันเป็นสิ่งที่พวกเราไล่ล่ากันมาเนิ่นนานทั้งสำนักชอบธรรมและสำนักปีศาจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ตาเฒ่าเฟิงและผู้คนที่มาจากสำนักพันปีศาจเมื่อได้ยินเช่นนั้นต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น
หลังจากที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะอย่างโกรธแค้น “ฮ่า! แม่มดเปลือยกาย เจ้าเยี่ยมมาก แต่เจ้าไม่ควรที่จะมีความสุขมากนัก ข้าจะจดจำเจ้าไว้ ถ้าหากในวันนี้ข้าไม่ตาย แน่นอนว่าข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้!”
แม้ว่านางจะมีตาเฒ่าเฟิงสนับสนุน แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวกับคำสาปแช่งของซ่งจง
เมื่อตาเฒ่าเฟิงเห็นเช่นนั้น เขายักไหล่พร้อมกล่าวว่า “แล้วต้องกลัวอะไรกับแค่คำพูดของซ่งจง เจ้าคิดงั้นหรือว่ามันจะมีหนทางให้หนีได้?”
“ฮ่าฮ่า แน่นอนว่าไม่ถ้าหากท่านอยู่ตรงนี้ เขาไม่สามารถไปไหนได้ แม้ว่าจะมีปีกก็ตาม!” แม่มดเปลือยกลายกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน!” ตาเฒ่าเฟิงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ราวกับว่านางนึกอะไรขึ้นได้พร้อมกับหันไปหาทุกคนที่กำลังตกใจ “พวกเจ้าทั้งหมด ถ้าหากยังมีสมองอยู่ มาเถิด ข้าจะให้เจ้าอยู่กับข้าเพราะเราคือทีมเดียวกัน แต่ถ้าหากเจ้าไม่รู้จักวิธีเอาตัวรอด ก็จงตายไปพร้อมกับซ่งจงซะ!”
ตาเฒ่าพิษเป็นคนแรกที่วิ่งออกไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “ท่านพี่ใหญ่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านจะพลิกสถานการณ์กับเด็กเหลือขออย่างเช่นซ่งจงได้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่พ้นเงื้อมมือของท่านเลย!”
“ฮ่าฮ่า!” เมื่อนางได้ยินตาเฒ่าพิษประจบ นางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
ราวกับว่าเขากำลังสนุกที่ได้เห็นซ่งจงถูกหักหลัง จากนั้นตาเฒ่าเฟิงจึงกล่าวต่อ “พวกเจ้ายังไม่เข้ามากันอีกงั้นหรือ? อย่าบอกนะว่าพวกเจ้ามีแผนจะตายตกไปพร้อมกับซ่งจงในวันนี้? ข้าจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งว่าเขาจะไม่ตายอย่างง่ายดาย อย่างน้อยที่สุดเขาจะไม่ตายในอีกร้อยปีข้างหน้าอย่างแน่นอน ข้าได้จัดเตรียมอุปกรณ์หลายรูปแบบไว้ทรมานเขา ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาตายอย่างง่ายดาย! พวกเจ้าสนใจที่จะไปร่วมสนุกกับเขาไหมล่ะ?”
ในขณะที่ทุกคนได้ยินตาเฒ่าเฟิงกล่าวเช่นนั้น ทั้งสี่คนตะลึงทันที ความพังพินาศในครั้งนี้คือสิ่งที่มู่ซื่อหรงกล่าวกับซ่งจง “สามี คู่รักเช่นเราคล้ายกับนกที่อยู่ในรังด้วยกัน แต่เมื่อพบเจออันตราย ในสุดท้ายแล้วจะต้องบินไปด้วยปีกของตนเอง ได้โปรดอย่ากล่าวโทษข้า!”
เมื่อนางกล่าวจบ นางพุ่งออกไปทันที ทิ้งซ่งจงให้ยืนหมดอาลัยอยู่ตรงนั้น
เมื่อตาเฒ่าเฟิงเห็นว่าซ่งจงนั้นผิดหวังแค่ไหน เขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก
คนต่อไปที่จะจากไปคือหิน เขาโค้งคำนับให้ซ่งจงพร้อมกับเดินออกไปจากนาวายักษ์สีดำ จากนั้นปรากฏตัวเงียบ ๆ ข้างแม่มดเปลือยกาย
ซ่งจงนั้นรู้ว่าเขาเป็นคนดี แต่ในเวลานี้เขาก็ไม่ต้องการให้หินมาตายไปพร้อมกับเขาเช่นกัน เขาทำได้เพียงหัวเราะอย่างขื่นขมและก้มหน้าก้มตายอมรับ
แต่ในขณะนั้นซูหยู่และซูหยุนที่ยืนอยู่ด้านหลังกล่าวออกมา “พี่ชายซ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราพี่น้องเป็นของท่าน!”
เนื่องจากการเผชิญหน้าในครั้งนี้ ศัตรูแข็งแกร่งเกินกว่าจะรับมือได้ไหว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหญิงสาวทั้งสอง หัวใจของเขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้ น้ำตาของซ่งจงไหลอาบแก้มทั้งสองอย่างไม่สามารถอดกลั้น
เมื่อซูหยู่และซูหยุนได้เห็นเช่นนั้น ทั้งคู่เข้าไปกอดเขาทันทีราวกับรับรู้ความเจ็บปวดนั้น ทั้งหมดเช็ดน้ำตาพร้อมกับสะอื้น “พี่ชายซ่งอย่าร้องไห้ พวกเราพี่น้องเต็มใจ!”
“ข้ารู้!” ซ่งจงฝืนยิ้มออกมา “ที่จริงแล้วข้าไม่ได้ร้องไห้ แต่ข้าเพิ่งสัมผัสได้เท่านั้น!”
หลังจากนั้น ซ่งจงยืดตัวขึ้นพร้อมกับปล่อยลมหายใจออกมายาว ๆ พร้อมกับพูดออกมาอย่างแน่วแน่ “สำหรับข้าแล้ว การมีสหายเช่นนี้ มันทำให้ชีวิตของข้านั้นมีคุณค่า! อย่างไรก็ตามข้านั้นไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ก็ไม่สามารถที่จะสังหารข้าได้โดยง่าย! แม้ว่าข้าจะต้องตายในวันนี้ แต่ข้าจะไม่ยอมตายถ้าหากไม่แน่ใจว่าเจ้าทั้งสองคนปลอดภัย!”