ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

แก้ไขชื่อ*****

ฮัวเฉียนหวู่ คือคนที่ให้วิชากับมู่ซื่อหรง

ฮัวจิงฉือ คือคนที่อยู่ในทะเลตะวันออก

บทที่****241: ความลับเขย่าสวรรค์

เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินว่าซ่งจงพูดอะไรออกมา เขาระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ไขมันบัดซบ เจ้ายังไม่อาจรักษาแม้ชีวิตของตัวเองได้ แต่แล้วเจ้าคิดที่จะปกป้องพวกนางงั้นหรือ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“ฮ่าฮ่า!” แม่มดเปลือยกายที่อยู่ด้านข้างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน

แต่ซ่งจงยังคงสงบ “ตาเฒ่าเฟิง ในขณะที่เจ้ากำลังแสดงท่าทีว่ามั่นใจมากแต่ความจริงแล้วเจ้านั้นยังกังวลว่าจะสังหารข้าได้หรือไม่ ถูกไหม?”

“ใครพูดกัน?” เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวโต้ทันที “ไขมันน้อย ให้ข้าพูดกับเจ้าตรง ๆ ตอนนี้เถอะว่าเจ้าไม่มีหนทางที่จะหลบหนีได้แล้ว!”

“ฮ่าฮ่า จริงหรือ? ตาเฒ่าเฟิง ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้าจะต้องตายในวันนี้แล้ว เจ้ากล้าที่จะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการตายของครอบครัวข้าได้หรือไม่?”

“หืม?” เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจไปชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า “เจ้ารู้อะไร?”

“สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความตายของครอบครัวข้า และข้าตรวจสอบมันโดยละเอียด ความจริงแล้วนับตั้งแต่ที่เจ้าแอบซุ่มโจมตีในครั้งที่ข้าไปที่จุดเกิดเหตุ ข้าก็สงสัยเรื่องนี้มาตลอด เฒ่าเฟิง เจ้ากล้าที่จะบอกข้าหรือไม่ว่ามีใครบางคนบอกตำแหน่งครอบครัวข้าให้เจ้ารู้ เพื่อที่จะซุ่มโจมตีได้สำเร็จ?”

“ฮี่ฮี่!” เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มออกมา “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย?”

“ยังไงข้าก็ไม่สามารถหนีไปได้ มันไม่สำคัญหรอกถ้าหากเจ้าจะพูดมันออกมา จริงหรือไม่ใช่?” เจ้าอ้วนกล่าว “หรือว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะสามารถหลบหนีไปได้ถึงไม่กล้าที่จะพูดมันออกมา? เจ้ากลัวว่าจะทรยศต่อสายลับที่อยู่ในสำนักเสวียนเทียนงั้นหรือ?”

“เหอะ ชายชราผู้นี้ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าเจ้าจะหลบหนี ข้าเพียงแค่ต้องการให้เจ้าตายตกไปพร้อมกับความเสียใจเท่านั้น ข้าต้องการให้เจ้าตายโดยที่ไม่รู้ว่าใครที่สั่งฆ่าครอบครัวของตัวเอง!”

“ฮ่า!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะทันที “ตาเฒ่าเฟิง เจ้าคิดผิดแล้ว ถ้าหากว่าเจ้าเกลียดข้าจริง ๆ เจ้าควรที่จะพูดกับจริงกับข้า เจ้าควรให้ข้าได้รู้ว่าใครที่สังหารครอบครัวข้า ทำให้ข้าพบว่ามันสามารถเดินร่อนไปมาได้อย่างอิสระโดยที่ข้าไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว นี่คือความเจ็บปวดที่สุด ถ้าหากข้าไม่รู้อะไร ข้าก็คงไม่ต้องคิดอะไรอีก เข้าใจหรือไม่?”

“หืม?” เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาตะลึงไปชั่วขณะ เขาก้มหน้าลงเพื่อไตร่ตรองอยู่สักพักจากนั้นจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า เห็นได้ชัดว่าเจ้ากำลังพยายามหลอกล่อให้ข้าพูด อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าจะหนีรอดไปได้?”

“ฮ่าฮ่า ที่แท้เจ้าก็กลัวว่าข้าจะหนีไปจริงสินะ?” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมกับระเบิดหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “การเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน แม้ว่าข้าจะเป็นผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิและมียันต์เคลื่อนที่ แต่ข้าก็คงไม่มีโอกาสที่จะใช้งานมันอย่างแน่นอน แล้วเจ้าเกรงกลัวอะไรกันล่ะ?”

“ฮ่าฮ่า เจ้ากล่าวถูก!” ตาเฒ่าเฟิงพยักหน้า พร้อมกล่าวต่อ “แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการระวังตัว ข้าคิดว่าควรจะจับเจ้าไว้ก่อนและหาสถานที่ที่ไม่มีใครค้นพบเรา เช่นนี้เป็นอย่างไร?”

ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาเริ่มกังวลและตะโกนออกมา “รอก่อน! ข้ามีบางอย่างจะพูด!”

“ว่าอะไร? เจ้าต้องการจะพูดอะไร?” ตาเฒ่าเฟิงยิ้ม “งั้นจงใช้เวลาของเจ้าเสียให้คุ้ม ข้าไม่รีบ!”

เห็นได้ชัดว่าตาเฒ่าเฟิงมาที่นี่เพื่อที่จะมาเล่นกับซ่งจงอย่างเต็มที่

แม้ว่าซ่งจงจะรู้เช่นนั้นแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เขามีแต่ความโกรธที่กักเก็บไว้ในหัวใจเท่านั้น “ถ้าหากเจ้าบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว ข้าจะบอกบางสิ่งที่เจ้าควรได้รับรู้เป็นการตอบแทน!”
“ว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาหรี่ลง จากนั้นเขาถามออกมาด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นเพียงมือใหม่ระดับปฐมภูมิ จะมีข่าวอะไรที่เจ้ารู้และมันสำคัญกับข้า?”

“ฮี่ฮี่ ข้าอาจจะไม่มีความรู้มากดังเช่นเจ้า แต่มีบางสิ่งที่ข้ารู้มาและเป็นข้าเท่านั้นที่รู้ อย่างเช่นใครกันที่สังหารนายน้อยยู่เฟิงในการแข่งขันล่าผลไม้วิญญาณ!” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

“ว่าอะไรนะ?” เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น ท่าทีของเขาเปลี่ยนทันทีพร้อมรีบถามต่อ “เจ้ารู้งั้นหรือ?”

“แน่นอน อีกทั้งข้ายังรู้ว่าใครครอบครองภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า!” ซ่งจงยิ้มตอบ “อย่างนี้เป็นเช่นไร ข่าวนี้น่าสนใจมากพอหรือไม่?”

“พอสมควร!” ดวงตาของตาเฒ่าเฟิงเบิกกว้างจนแถบจะถลนออกมา จากนั้นเขากล่าวต่ออย่างโกรธแค้น “เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ข้าไม่มีใบหน้าที่จะไปพบศิษย์พี่ของข้า ถ้าหากเจ้าสามารถบอกข้าได้ ในช่วงที่ข้าผ่อนคลาย ข้าจะให้เจ้าทรมานน้อยลงสักหน่อย!”

“นั่นไม่สำคัญ ข้าต้องการแลกเปลี่ยนเพื่อรับรู้ข่าวเกี่ยวกับครอบครัวของข้า!” ซ่งจงตอบกลับอย่างหนักแน่น “ตาเฒ่าเฟิง ข้าขอเตือนว่าอย่าฝันว่าจะได้จับตัวข้าในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้ารู้ดีว่าข้าฝึกฝนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่เหล่าปีศาจแห่งทะเลทั้งสามยังไม่อาจต้านทานข้าได้ ถ้าหากเจ้าคิดจะต่อสู้ ข้าคงจะต้องระเบิดร่างกายของตนเองแล้วให้เศษชิ้นเนื้อบอกเล่าข่าวให้เจ้าฟังแทน!”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบออกมาลอยกลางอากาศทันที

ตาเฒ่าเฟิงนั้นมีความคิดที่จะพาซ่งจงไปสอบปากคำด้วยตนเอง แต่ในขณะที่เขาได้ยินซ่งจงกล่าวเช่นนั้นพร้อมด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบตัว ในตอนนี้เขาต้องระวังมากขึ้น เขาไม่รู้ว่าร่างกายของซ่งจงนั้นสามารถต้านทานสายฟ้าได้มากเท่าไหร่ สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สามารถทำลายผู้ฝึกตนจินตันได้ถ้าหากไม่ป้องกันอะไรเลย เมื่อเห็นว่าซ่งจงนั้นเล่นกับสายฟ้าในมืออย่างสบายโดยไร้เครื่องมือป้องกัน แน่นอนว่าเขาสามารถถูกระเบิดให้กลายเป็นชิ้นเนื้อได้ตลอดเวลา

ตาเฒ่าเฟิงในตอนนี้เกรงกลัวว่าซ่งจงจะฆ่าตัวตาย ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่สามารถตามหาภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าได้อีกต่อไป เขากล่าวออกมาอย่างหมดหนทาง “ยอดเยี่ยม ซ่งจง เจ้ายอดเยี่ยมมาก! ข้าจะพูดก็ได้ แต่เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะไม่เสียใจเมื่อได้ยินมัน? อีกทั้งเจ้ายังสามารถโกงข้าได้เสมอ”

“ข้า ซ่งจงไม่เคยผิดคำพูด!” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา “อย่านำข้าไปรวมกลุ่มกับผู้ฝึกตนปีศาจ”

ตาเฒ่าเฟิงถูกสะกิดถึงความหลังทำให้เขาโกรธจัดทันที แต่เพื่อภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บกดความโกรธนี้ไว้ จากนั้นเขากล่าวว่า “ยอดเยี่ยมมาก เด็กน้อย เจ้าเก่งมาก! ข้าจะบอกข่าวเกี่ยวกับครอบครัวของเจ้าก่อน! แต่ถ้าหากเจ้าไม่บอกเกี่ยวกับภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า รับรองว่าชีวิตที่เหลือของเจ้าจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”

“ฮี่ฮี่ เนื่องจากเจ้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าจะชนะ แล้วจะเกรงกลัวอะไรอีกล่ะ? รีบกล่าวมา ข้ารอฟังอยู่!” ซ่งจงกล่าวอย่างเยือกเย็น

“เยี่ยม!” ตาเฒ่าเฟิงกัดฟันพูดอย่างเจ็บใจพร้อมกับคิดกับตนเองว่า ‘ซ่งจงนั้นเป็นเพียงเนื้อที่อยู่บนเขียง ไม่สำคัญว่าข้าจะบอกอะไรกับเขา ถ้าหากว่าเขาสามารถบอกที่อยู่ของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าได้ ความเสี่ยงนี้มันคุ้มค่า!’

เมื่อคิดเช่นนี้ ตาเฒ่าเฟิงโบกแขนของเขาพร้อมออกคำสั่งอย่างเย็นชา “พวกเจ้าจงแยกย้ายกันออกไปให้ห่างจากพื้นที่แห่งนี้เป็นระยะห้าพันลี้ ถ้าหากว่าผู้ใดกล้าที่จะเข้ามาใกล้ ข้าจะฆ่าทั้งหมด!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าตาเฒ่าเฟิงกำลังจะบอกซ่งจงเกี่ยวกับความลับของสำนัก ดังนั้นทุกคนไม่ชักช้าแต่ก็ไม่ลืมที่จะทำความเคารพ เวลาถัดมามีเพียงตาเฒ่าเฟิง ซ่งจง ซูหยู่และซูหยุนเท่านั้น

ในสายตาของตาเฒ่าเฟิง ซูหยู่และซูหยุนนั้นได้ตายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกนาง ในขณะที่ทุกคนออกไปแล้ว เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ซ่งจง เจ้าบอกว่าได้ตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทรยศครอบครัวเจ้า?”

“เหอะ เจ้ากำลังทดสอบข้า?” ซ่งจงเย้ยหยัน “จะมีใครอื่นเว้นเสียแต่ฮัวเฉียนหวู่?”

“หือ?” เมื่อตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ยอดเยี่ยมเด็กน้อย เจ้าเป็นคนมีความสามารถจริง ๆ ถ้าหากว่าเจ้ารู้อยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องมาถามข้าอีก?”

“ข้าเพียงแค่เดาว่าคือนาง แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลย!” ซ่งจงตอบกลับอย่างหงุดหงิด “ถ้าหากเป็นเช่นนี้นางก็คือคนทรยศงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง!” ตาเฒ่าเฟิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “นางเป็นคนบอกข้าเอง จากนั้นข้าจึงส่งศิษย์ระดับจินตันออกไปสังหารพวกเขา!”

“บัดซบ!” ซ่งจงไม่สามารถระงับความโกรธได้ ภายในหัวใจของเขามีแต่การสาปแช่ง “แต่ฮัวเฉียนหวู่นั้นมาจากสำนักเสวียนเทียนและเจ้ามาจากสำนักพันปีศาจ ระยะห่างของพวกเจ้าห่างกันอย่างมาก เหตุใดจึงรู้จักกัน?”

“ฮี่ฮี่ เรื่องมันยาว!” ตาเฒ่าเฟิงกล่าวพร้อมกับเล่นเคราตนเอง

“ข้ามีเวลา!” ซ่งจงกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าหากเจ้าไม่บอกรายละเอียดทั้งหมด เจ้าก็คงทำได้แค่ฝันว่าได้รู้ตำแหน่งของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า! เมื่อเทียบกับสมบัติวิญญาณขั้นเก้าแล้วมันคงมีค่ามากกว่าคนที่กำลังจะตาย ถูกไหม?”

“ฮี่ฮี่ ในเมื่อว่าเจ้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย จึงขอให้ข้าใจกว้างและบอกทุกอย่างสินะ!” ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะออกมา “ถ้าหากเจ้าอยากรู้ว่าข้ารู้จักกับฮัวเฉียนหวู่ได้อย่างไร เจ้าจะต้องรู้ต้นกำเนิดของนางเสียก่อน!”

“ต้นกำเนิด?” ซ่งจงตกใจชั่วขณะพร้อมถามกลับทันที “นางไม่ใช่น้องสาวของนักบวชฮัวอวิ๋นงั้นหรือ?”

“ผิดแล้ว นั่นมันเรื่องโกหกทั้งเพ!” ตาเฒ่าเฟิงยิ้มออกมา “ในความจริงแล้ว ฮัวเฉียนหวู่เป็นหลานสาวของนักบวชฮัวอวิ๋น นางควรจะเรียกฮัวอวิ๋นว่าลุง!”

“ลุง?” ซ่งจงตกอีกครั้ง “กล่าวก็คือฮัวเฉียนหวู่เป็นลูกสาวของน้องสาวเขา?”

“ไม่ใช่ นางเป็นลูกสาวของพี่สาวฮัวอวิ๋น!” ตาเฒ่าเฟิงยิ้ม

“ใครกันคือพี่สาวของนักบวชฮัวอวิ๋น?” ซ่งจงถาม

“ฮี่ฮี่ นี่เป็นความลับที่ไม่สามารถถือว่าเป็นความลับ ในยุคของข้ามีหลายคนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทว่าในหมู่คนรุ่นใหม่มีไม่มากนักที่รู้!” ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะออกมา “พี่สาวของนักบวชฮัวอวิ๋นนั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ถ้าหากข้ากล่าวว่าเทพธิดาชิงหยุน ข้าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดในภูเขาไม่รู้จักนางหรอก จริงไหม?”

“เทพธิดาชิงหยุน?” ซ่งจงคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเขาตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “บัดซบ เทพธิดาชิงหยุนนั้นเทียบเท่ากับเทพธิดาเหมยฮวา หนึ่งในเทพธิดาทั้งสามของภูเขา นางไม่ใช่ผู้นำของหอเฉวียนจี้งั้นหรือ? นางเป็นอาจารย์ของหานปิงเอ๋อไม่ใช่หรือไร?”

“ฮี่ฮี่ ใช่แล้ว นางนั่นแหละ!” ตาเฒ่าเฟิงยิ้ม “ทำไม เจ้าแปลกใจงั้นหรือ?”

“ไม่แปลกเลยที่นักบวชฮัวอวิ๋นนั้นสนิทสนมกับหอเฉวียนจี้!” ในขณะที่ซ่งจงเริ่มรู้ตัวเขาพยายามคิดต่อ แต่อย่างไรก็ตามเขาถามออกไปอย่างสับสน “ข้าว่ามันไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นพี่น้องกัน เหตุใดนางจึงต้องไปอยู่ที่หอเฉวียนจี้แทนที่จะอยู่ในสำนักเสวียนเทียน?”

“ฮี่ฮี่ นั่นคือสิ่งที่เจ้าไม่รู้!” ตาเฒ่าเฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “หอเฉวียนจี้นั้นเป็นสำนักย่อยของสำนักเฉวียนจี้ และสำนักใหญ่นั้นมีกฎอยู่ว่าผู้ฝึกตนของสำนักสามารถแต่งงานและมีลูกได้ แต่ผู้ชายจะต้องถูกส่งออกไปและผู้หญิงจะต้องเข้าร่วมกับหอเฉวียนจี้ นักบวชฮัวอวิ๋นนั้นอยู่สำนักเสวียนเทียน ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องจึงมีคนหนึ่งอยู่ที่สำนักเสวียนเทียน! และอีกคนหนึ่งไปอยู่ในหอเฉวียนจี้”

“สวรรค์ ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนาน!” ซ่งจงตะโกนออกมา จากนั้นเขาถามด้วยความงุนงง “แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ ฮัวเฉียนหวู่เป็นสตรี นางควรจะอยู่ในหอเฉวียนจี้ แต่เหตุใดจึงได้อยู่ที่สำนักเสวียนเทียน?”

“ฮี่ฮี่ นั่นเป็นเพราะเทพธิดาชิงหยุนไม่ได้แต่งงานและฮัวเฉียนหวู่เป็นลูกนอกสมรส ดังนั้นนางจึงไม่สามารถอยู่ในหอเฉวียนจี้ได้ นางจึงต้องทำตัวเป็นลูกสาวของฮัวอวิ๋นและอาศัยอยู่ในสำนักเสวียนเทียน!” ตาเฒ่าเฟิงยิ้ม “เจ้าเข้าใจหรือยังว่าทำไมข้าจึงทำแบบนี้?”

“ข้าเข้าใจ!” ซ่งจงพยักหน้า “แต่เจ้ายังไม่ได้บอกว่ารู้จักกับฮัวเฉียนหวู่ได้อย่างไร!”

“ฮ่าฮ่า เรื่องนั้น!” ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะ “แน่นอนว่าข้ารู้จักนางผ่านทางมารดาของนาง!”

“เทพธิดาชิงหยุน? ในฐานะผู้นำของหอเฉวียนจี้ นางรู้จักผู้ฝึกตนปีศาจเช่นเจ้างั้นหรือ?” ซ่งจงอดไม่ได้ที่จะงุนงง “พวกเจ้าสองคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนกัน?”

“ฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าอะไรล่ะ? หญิงสาวที่สิ้นหวังและผู้ชายที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการฝึกฝนแบบคู่ เจ้าคิดว่าเรามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน?” ตาเฒ่าเฟิงกล่าวออกมาอย่างร่าเริง

ซ่งจงนั้นไม่ได้โง่เขลาและเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น แต่เขาไม่อาจเชื่อได้ว่ามันคือเรื่องจริง “มันไม่ถูกต้องไม่ใช่หรือ? อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าลืมว่าตนเองเป็นใคร?”

“โอ เราเป็นคู่กัน!” ตาเฒ่าเฟิงกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ “แม้ว่าเทพธิดาชิงหยุนจะเป็นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินที่แข็งแกร่ง แต่ทว่านางก็ยังอยู่ใต้เป้ากางเกงของข้าอยู่ดี!”

“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่งจงสติแตกทันที “เจ้ากำลังหลอกข้าใช่หรือไม่?”

“เจ้าเด็กโง่ ทำไมข้าจะต้องมานั่งโกหกคนที่กำลังจะตาย? มันคือเรื่องจริง!” ตาเฒ่าเฟิงยักไหล่อย่างไม่แยแส

“แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?” ซ่งจงถามอย่างช่วยไม่ได้

“อืม ข้าควรจะอธิบายอย่างไรดี?” ตาเฒ่าเฟิงทำท่าหมดหนทาง “ความจริงแล้วเทพธิดาชิงหยุนนั้นกล่าวได้ว่าเป็นหญิงสาวที่น่าสงสาร หลังจากที่นางมีลูกนอกสมรส นางก็ถูกทอดทิ้งโดยชายใจร้าย ในช่วงเวลาหลังจากนั้นนางได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับความขัดแย้งภายในหอเฉวียนจี้ นางไม่มีทางเลือกจึงต้องเดินทางมาหาข้าและร่วมฝึกฝนแบบคู่! เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องตนเอง!”

“ว่าอะไร?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจ “เทพธิดาชิงหยุนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองด้วยฝึกฝนแบบคู่กับเจ้า? เจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นหรือ? ปีศาจอย่างพวกเจ้านั้นสามารถทำสิ่งดี ๆ ให้กับโลกนี้ได้ด้วยงั้นหรือ ถ้าหากนางไปพบเจ้า แน่นอนว่านางจะถูกดูดจนแห้งตาย เป็นไปได้อย่างไรที่ความแข็งแกร่งของนางจะเพิ่ม?”

“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา ความรู้ของเจ้านั้นมีจำกัด!” ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะ “หอเฉวียนจี้นั้นมีแต่สตรี แต่แน่นอนว่าพวกเขาเป็นผู้ฝึกตนชอบธรรม เมื่อการฝึกฝนชอบธรรมและปีศาจมาพบกัน มันจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับ แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินเท่านั้นที่จะเข้าใจ เจ้าจะไม่มีวันเข้าใจมันแม้ว่าข้าจะพยายามอธิบายสักเท่าไหร่ก็ตาม!”