บันทึกมงกุฎขนนก (นิยายแปล)

บทที่ 10 แท้จริงแล้วหรือไม่

ขณะที่ฮวาหว่านรีบเร่งไปที่สำนักหนิงกวงหยวนนั้น ประจวบเหมาะที่ยังเหลืออีกสิบห้านาทีจึงจะถึงยามเที่ยง บาดแผลที่หัวเข่าไม่ลึกนัก เลือดก็หยุดไหลแล้ว แต่ว่าเสื้อผ้าเนื้อหยาบหลวมโคร่งบนร่างกายอ่อนแอราวไม้กระดานยังคงเปียกปอน
ตามที่เถ้าแก่สั่งไว้ ฮวาหว่านแจ้งวัตถุประสงค์ของการมาให้คนรับใช้ที่หน้าประตูทราบ หนึ่งในคนรับใช้กวาดตามอง แล้วจึงเข้าไปรายงานให้ทราบ

อย่างรวดเร็วก็มีสาวรับใช้ในชุดกระโปรงเสื้อนวมตัวสั้นสีฟ้าอมเขียวอีกาเดินออกมา

ฮวาหว่านเข้าใจผิดว่าออกมารับยาสมุนไพรหอม นางจึงก้าวออกไปเพื่อเตรียมที่จะกล่าวคำขออภัยเรื่องที่ห่อผ้าตกน้ำ

“เจ้าคือสาวน้อยคนที่เถ้าแก่อันเอ่ยปากว่าสามารถถักเครื่องประดับหญ้าได้คนนั้นหรือ?” สาวใช้รู้สึกประหลาดใจ พินิจพิเคราะห์แยกแยะรูปร่างลักษณะของฮวาหว่าน ลักษณะนี้ยังคงงดงาม

ฮวาหว่านพยักหน้า อยากจะเอ่ยปากพูดเรื่องยาสมุนไพรหอม ผลลัพธ์ก็คือโดนขัดจังหวะอีกครั้ง

“เจ้ารีบเดินตามข้าเข้าไปเถอะ หัวหน้าฝ่ายของพวกเรากำลังรอเจ้าอยู่” สาวรับใช้หมุนกายกลับเข้าประตูไป

“หือ? “ ฮวาหว่านมึนงง ที่หัวหน่ฝ่ายควรรอไม่ใช่เป็นสมุนไพรหอม เหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นนางกันเล่า

ฮวาหว่านลังเลไม่ก้าวออกไป นางเงยหน้าขึ้นมองป้ายประกาศเกียรติคุณของสำนักที่ส่องประกายสีทองวิบวับ อารมณ์ในใจกระเพื่อมราวกระแสคลื่น แต่ยังก้าวเท้าตามสาวรับใช้เข้าไป

เมื่อก้าวผ่านทางเดินไม้สีเขียวของลานบ้าน ฮวาหว่านก็เห็นสถานที่หนึ่งที่ใช้อิฐเขียวก่อขึ้นคล้ายโรงผลิตห้าห้องใหญ่ ที่ล้อมรอบแปลงปลูกดอกไม้ เมื่อข้ามสะพานสีขาว ในสุดสาวรับใช้ก็หยุดฝีเท้าที่ด้านหน้าของอาคารสองชั้นตรงหน้าลานบ้าน

ฮวาหว่านถามอย่างขลาดกลัว “ข้าขอบังอาจถาม ไม่ทราบนี่คือที่ไหนกันคะ”

“ที่นี้คือฝ่ายศิลปะของสำนักหนิงกวงหยวน หัวหน้าฝ่ายของพวกเราก็อยู่ในห้องด้านใน ตามข้ามา”

เมื่อมองไปตามเฉลียงบนพื้นกระดานมันวาวด้วยกระจกลายดอกบัว ฮวาหว่านขยับเท้า ใช้รองเท้าหญ้าเหยียบไปตามขั้นบันไดอย่างเชื่องช้า มาเป็นครั้งแรกก็เหยียบย่ำกระเบื้องปูพื้นลายดอกไม้เสียแล้ว

ขณะที่เดินผ่านเฉลียงมีโถงห้องฝีมือที่บานประตูไม่ได้ปิด ฮวาหว่านอดไม่ได้ที่จะหยุดมอง บนโต๊ะส่องประกายแวววับไปด้วยเส้นทองเส้นเงินที่ช่างทำให้ผู้คนละลานตา

“ชิงเหอ หัวหน้าฝ่ายอยู่ด้านในของห้อง”

เสียงแหลมเล็กกล่าวสั้นๆ ทำให้ฮวาหว่านต้องถอนสายตากลับ

สาวใช้มองไปยังคนที่สวมเสื้อคลุมลายดอกโบตั๋นสีชมพูอมแดงกับกระโปรงหกกลีบ กับโฉมหน้านับได้ว่างดงามของหญิงวัยกลางคนที่มีสง่าราศี “ข้าน้อยได้พบอาจารย์อู๋ ท่านหัวหน้าอยู่ในห้องด้านใน แต่ว่าท่านหัวหน้ามีนัดแขกผู้หญิงไว้แล้ว เกรงว่าตอนนี้จะไม่ว่าง”

“แขกผู้หญิง?” หญิงวัยกลางคนที่คืออาจารย์อู๋ตะโกนเสียงแหลม แววตามองมาที่ฮวาหว่าน สายตานางไม่ปิดบังความประหลาดใจและความเหยียดหยามแม้แต่น้อย และราวกับเกรงว่าฮวาหว่านจะกระทบถูกตัวนาง จึงหลบเหลี่ยงอยู่ที่ด้านข้าง

ฮวาหว่านกลับไม่สนใจที่หญิงกลางคนนั้นแสดงอารมณ์เมินเฉย ตัวนางเองยังคงสงสัย เมื่อครู่ที่นางเดินผ่านห้องโถงฝีมือนั้น บรรดาช่างฝีมือผู้หญิงแยกแยะชัดเจนว่าสวมใส่กระโปรงนวมสีฟ้าคราม เหตุใดหญิงวัยกลางคนนางนี้จึงถูกเรียกว่าอาจารย์ แถมยังสามารถสวมใส่เสื้อผ้าที่งดงามอย่างนี้ได้

“ถูกแล้ว ท่านนี้คือแขกที่ท่านหัวหน้าเชิญมา ท่านหัวหน้ากำลังรออยู่ที่ด้านใน ขอท่านอาจารย์อู๋โปรดให้อภัยด้วย” ชิงเหอส่งสายตาไปยังฮวาหว่าน ฮวาหว่านรีบหลุบเปลือกตาลง ทำตามชิงเหอทันที

ท่านอู๋คิ้วกระตุก หัวเราะที่ด้านข้างก่อนกล่าว “เป็นไรได้ ข้ารออยู่ที่ด้านนอก อีกครู่เมื่อท่านหัวฟน้ามีเวลาแล้ว ข้าค่อยไปหาก็แล้วกัน”

ห้องของหัวหน้าหลัวอยู่ที่ชั้นสองของฝ่ายศิลปะ บนราวจับของบันไดไม้แกะสลักไว้ด้วยตัวอักษรมงคล ฮวาหว่านกระดิกนิ้วเขียนลายตัวอักษรนั้นบนหน้าท้องเบาๆ

อาจารย์อู๋ที่มีใบหน้าหยิ่งยโสนั้นเบะปาก กระซิบเสียงแหลมขึ้นอีก “หัวหน้าที่มาจากบ้านนอก เชิญแขกสาวซ่อมซออย่างนี้มา ช่างไม่เกรงกลัวเลยว่าจะทำให้ชื่อเสียงของสำนักหนิงกวงหยวนต้องแปดเปื้อน”

ชิงเหอเคาะประตูที่มีช่องหน้าต่างที่แกะสลักรูปต้นสน สาวใช้อีกคนในชุดฤดูใบไม้ร่วงเปิดประตูเชิญคนทั้งสองเข้าไปด้านใน

ชิงเหอพาฮวาหว่าน เปิดม่านผลึกหินเคลือบ ก่อนหมอบบนพื้นแสดงความเคารพหญิงวัยกลางคนอายุราวสามสิบ “ท่านหัวหน้า ข้าน้อยพาแม่นางฮวาหว่านมาแล้ว”

“ดีมาก เข้ามาให้ข้าดู “ น้ำเสียงไม่เข้มงวดนัก

ฮวาหว่านรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เดินตรงไปที่หัวหน้าหลัวสองก้าว เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ถือโอกาสพินิจพิเคราะห์หัวหน้าหลัว หากแต่ไม่กล้าขยับดวงตาคู่ดำราวเม็ดองุ่น

หางตาหางคิ้วของหัวหน้าหลัวเชิดขึ้น ริมฝีปากปิดสนิท มองดูแล้วไม่น่ากลัวก็จริงแต่ก็ยังเป็นใบหน้าที่เรียบเฉยอยู่ดี วันนี้นางสวมเสื้อจีนผ่าหน้าตัวหลวมปักด้วยลายดอกบัวสีเหลืองควันบุหรี่ บนมวยผมติดไว้ด้วยกิ๊บปักผมเคลือบดิ้นทองที่กำลังกวัดแกว่งไปมา สะท้อนแสงอาทิตย์บนผ้าม่านที่กำลังปลิวพลิ้วไปตามสายลม

“ท่านหัวหน้า เถ้าแก่อันให้ข้าน้อยมาส่งสมุนไพรหอม ข้าน้อยเดินมาได้ครึ่งทางกลับประมาทเลินเล่อทำให้ห่อผ้าตกลงไปในน้ำ สมุนไพรหอมนั้นถูกบรรจุไว้ในตลับจึงไม่ได้รับความเสียหายอันใด หากแต่เครื่องประดับหญ้าสามอันนั้นเปียกน้ำจนหมดแล้ว “ ฮวาหว่านเมื่อพบหัวหน้าหลัวก็พูดด้วยน้ำเสียงครึ่งเสียง ในห้องนั้นเงียบเกินไปส่งผลให้นางยิ่งตื่นเต้น เลยอ้าปากเปิดเผยเรื่องเสียก่อน

“ตกลงไปในน้ำ? นำปิ่นปักผมหญ้าถักมาให้ข้าดู” ความจริงหัวหน้าหลัวพินิจพิจารณาฮวาหว่านตั้งนานแล้ว นางรู้ว่าฮวาหว่านคือสาวน้อยจากหมู่บ้านนอกเมืองที่นางกำลังตามหาอยู่ กับการแต่งตัวของฮวาหว่านนางจึงไม่ได้กังวลสนใจนัก เพียงแต่สงสัยว่าวันนี้อากาศอบอ้าวดวงอาทิตย์ร้อนแรง เหตุใดบนเสื้อผ้าที่ฮวาหว่านสวมใส่จึงมีรอยเปื้อนน้ำเป็นดวง
ชิงเหอรับห่อผ้าจากฮวาหว่าน มอบส่งให้หัวหน้าหลัว

ยาสมุนไพรหอมไม่เสียหาย เครื่องประดับหญ้าแม้จะเปียกน้ำ แต่รูปร่างลักษณะไม่เปลี่ยนแปลง คือฝีมืออันเลอเลิศ

รูปทรงของเครื่องประดับหญ้าสร้างความพอใจให้กับหัวหน้าหลัวเป็นอย่างมาก แต่เสียดายว่าเมื่อเป็นต้นหญ้าย่อมถูกถักได้ง่ายดาย หากเป็นทองคำคงไม่แน่ว่าจะถักได้อย่างนี้ แน่นอนว่ายังคงเป็นเพราะว่าฝีมือทางเทคนิคของนางเองคงยังไม่ดีพอ บนโลกนี้คนมีฝีมือมีจำนวนไม่น้อย คิดแล้วก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

หัวหน้าหลัวสั่งการให้ชิงเหอนำยาสมุนไพรหอมไปเก็บให้เรียบร้อย เครื่องประดับหญ้าทั้งสามอันนั้นกลับวางเรียงบนโต๊ะ

“เถ้าแก่คนนั้นช่างมีความสามารถในการใช้คนจริงๆ เจ้าเด็กน้อย กิ๊บประดับหญ้าเหล่านี้เป็นฝีมือที่เจ้าทำ?”

ฮวาหว่านพยักหน้า กล่าวเสียงเบา “กิ๊บหญ้าเปียกหมดแล้ว หากว่าท่านหัวหน้าไม่รังเกียจ เปลี่ยนวันข้าจะทำชิ้นใหม่มาชดใช้ให้กับท่าน”

“เฮอ เฮอ ไม่ต้องชดใช้ เจ้าเด็กน้อย เจ้าสามารถออกแบบได้หรือไม่” หัวหน้าหลัวกล่าวถามอย่างไม่อ้อมค้อม

ฮวาหว่านส่ายศีรษะ นางทราบดีว่าเครื่องประดับหญ้าที่ท่านหัวหน้าหลัวกล่าวนั้นเป็นเครื่องประดับที่คนสูงศักดิ์ใช้ประดับบนมวยผมและพกติดตามร่างกาย แต่เครื่องประดับหญ้าของนางใช้เพียงต้นหญ้าข้างทางประดิษฐ์ขึ้นมาเท่านั้น

“สักนิดก็ไม่ได้เลยหรือ? การทำลายเส้น การเคลือบ การฝังและเลี่ยม การใช้สิ่วแกะสลัก การทำลายดอกไม้ฉลุ วิธีชั้นสูงเหล่านี้เจ้าเคยได้ยินมาบ้างหรือไม่”

ฮวาหว่านยังคงส่ายศีรษะอย่างสัตย์ซื่อ หัวหน้าหลัวทำคิ้วย่น ความจริงที่เด็กน้อยนางนี้ถักหญ้าประดับได้ในนั้นก็แสดงให้เห็นรางๆ แล้วว่ามีฝีมือ ก็แค่เด็กน้อยยังไม่เข้าใจตนเองเท่านั้น

ฮวาหว่านเข้าใจผิดว่าหัวหน้าหลัวโกรธที่นางไม่เข้าใจอะไรเลย คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าหลัวจะกล่าวอย่างผ่อนคลาย “พวกนี้เมื่อยังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องรีบร้อน หากตั้งใจเล่าเรียนก็น่าจะพอทำได้ จุดสำคัญก็คือการมีพรสวรรค์และมีฝีมืออันปราดเปรื่อง เจ้าเด็กน้อย เจ้ายินดีจะมาทำงานที่โรงฝีมือของสำนักหนิงกวงหยวนแห่งนี้หรือไม่”

ฮวาหว่านตะลึงงัน ตั้งแต่เด็กนางเองเคยแต่ได้ยินหกสำนักของเจ้าสำนักเส้า นางยังทราบว่าอีกว่าการได้เป็นช่างฝีมือของหนึ่งในหกสำนัก นั้น ไม่มีการแบ่งแยกชายหรือหญิง ทั้งหมดล้วนฐานะเท่ากัน ก่อนหน้านี้นางคิดว่าตนเองช่างห่างไกลจากหกสำนักมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ท่านพ่อและท่านแม่ได้จากไปแล้ว ก็เหมือนกับไม่มีเรื่องดีงามในสรรพสิ่งต่างๆ ให้นางได้ความคาดหวัง

ฮวาหว่านบีบมือ ยังคงไม่เชื่อถือนัก นางมาที่สำนักหนิงกวงหยวนสามารถที่จะทำอะไรได้ คงไม่สามารถเอาแต่ถักเครื่องประดับหญ้าได้หรอก ฮวาหว่านกังวลว่าหัวหน้าหลัวคงแกล้งหยอกล้อนางเล่น “ข้าน้อย ข้าน้อยอยากมา หากแต่ว่าข้าน้อยมีคุณสมบัติจริงๆที่จะเข้าสำนักหนิงกวงหยวนทำเรื่องอะไร?”

“อืม ตอนนี้เจ้าล้วนไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยจริงๆ เจ้าควรจะต้องไปศึกษาที่ชั้นเรียนศิลปะของกรมช่างศิลป์ของราชสำนักสักระยะ หากว่าเจ้าเรียนได้สำเร็จ ข้าจะพิจารณาว่าหลังจากที่เข้าผ่านการศึกษาแล้วข้าจะพูดกับท่านเจ้าสำนักเส้า รับเจ้าเข้ามาในฝ่ายศิลปะ……”

ฮวาหว่านมือหนึ่งป้ายตา ด้านหนึ่งตั้งใจฟังและจดจำเรื่องราวที่หัวหน้าหลัวกำลังถ่ายทอด

เรื่องราวถ่ายทอดจบแล้ว หัวหน้าหลัวจึงสั่งการให้ชิงเหอพาฮวาหว่านออกไป นางโค้งคำนับราวคันธนู เพื่อแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อหัวหน้าหลัว

ขณะที่ฮวาหว่านกำลังลงบันได ก็ได้พบกับอาจารย์อู๋ผู้สวมกระโปรงแบบโบราณสีชมพูอมแดงอีกครั้ง เพราะเหตุว่าต้องรอเป็นเวลานานอาจารย์อู๋จึงแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน นางถลึงตามองฮวาหว่านแล้วจึงขึ้นตึกไปหาหัวหน้าหลัว