หลังชมลานเลี้ยงแมลงเสร็จ โรแลนด์ก็มายังห้องทดลองแมลงยาง

ห้องนี้มีขนาดเพียง 30 กว่าตารางเมตรกลายเป็นเหมือนห้องทดลองของพวกแม่มด ตรงข้างกำแพงมีถังที่บรรจุน้ำยางตั้งเรียงเป็นแถว ของเหลวเหมือนเจลลี่สีขาวกระจัดกระจายอยู่เต็มห้อง ในหม้อใหญ่ใบหนึ่งมีเศษยางไหม้ที่กำลังส่งกลิ่นเหม็นออกมา ไม่มีใครรู้ว่าเขาโยนอะไรลงไปในนั้นบ้าง

ส่วนช้อนยาวที่ใช้ในการทดลอง ถังไม้กับแท่งไม้ที่เอาไว้คนก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนห้องทดลองของแม่มดเข้าไปใหญ่ จะขาดก็แต่คางคกกับค้างคาวเท่านั้น

“ฝ่าบาท” เคโม ชูอิลพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ “สิ่งที่พระองค์ทรงต้องการ กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมหาเจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

แต่โรแลนด์กลับสังเกตเห็นใบหน้าที่ขาวซีดของเขากับนิ้วมือที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ “เจ้าได้รับบาดเจ็บเหรอ?”

“เรื่องเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีอะไรร้ายแรง” เขาโบกมือ จากนั้นก็เอาถ้วยที่มีของเหลวสีแดงอ่อนส่งมาให้โรแลนด์ “ฝ่าบาท เชิญทอดพระเนตรดูนี่พ่ะย่ะค่ะ”

เคโมคว่ำแก้ว แต่ของเหลวกลับไม่หกกระจายออกมา มันค่อยๆ ไหลลงมาตามแก้ว ก่อนที่จะโป่งเป็นฟองอากาศเหมือนฟองสบู่อยู่ตรงปากแก้ว

โรแลนด์ตาเป็นประกาย เขายื่นมือจะไปจับของเหลวที่เป็นเหมือนเจลลี่ แต่หัวหน้านักเล่นแร่แปรธาตุกลับห้ามเขาไว้

“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” เขาเก็บเอาแก้วกลับไป “เจ้าสิ่งนี้มันมีฤทธิ์กัดกร่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าจำได้ว่าของเหลวจากแมลงยางมันไม่มีพิษไม่ใช่เหรอ” โรแลนด์เลิกคิ้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เอามันมาทำบรรจุภัณฑ์ใส่ของกินกับหลอดดูดแน่

“แต่ถ้ามันผสมเข้ากับเลือด คุณสมบัติของมันจะเปลี่ยนไปพ่ะย่ะค่ะ”

“เลือด?” โรแลนด์งุนงง เขามองดูนิ้วเคโม “หรือว่าแผลบนมือของเจ้าก็เพื่อการทดลอง..”

“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ อันนี้มันเป็นอุบัติเหตุพ่ะย่ะค่ะ” เคโมลูบเคราตัวเองพร้อมพูดยิ้มๆ ออกมา “ต่อให้กระหม่อมจะบ้าแค่ไหน แต่กระหม่อมก็ไม่มีทางเอาตัวเองไปทดลองหรอกพ่ะย่ะค่ะ เส้นทางแห่งเคมีนั้นยังอีกยาวไกล กระหม่อมอยากจะเดินไปให้ไกลกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ”

หลังฟังอีกฝ่ายอธิบาย ในที่สุดโรแลนด์ก็เข้าใจกระบวนการการค้นพบยางแบบใหม่

ของเหลวจากตัวแมลงยางจะแข็งตัวเมื่อผสมเข้ากับของเหลวที่ออกมาจากต่อมในร่างกายของแมลง แถมเมื่อผสมในสัดส่วนที่แตกต่างกัน มันก็จะทำให้เกิดยางชีวภาพที่มีความแข็งแตกต่างกัน แต่เมื่อแข็งตัวแล้ว มันก็จะไม่สามารถกลายสภาพกลับเป็นของเหลวได้

ตอนแรกเคโมใช้ประสบการณ์จากการทดลองทางเคมีของตัวเองด้วยการใส่ธาตุหรือน้ำกรดต่างๆ ลงไปในน้ำยาง สุดท้ายมันก็ไม่เกิดผลใดๆ

หลังจากนั้นเขาก็ลองเอาพวกเกลืออนินทรีย์ที่มีความซับซ้อนหรือพวกสารประกอบอินทรีย์ใส่ลงไป ถึงแม้ในระหว่างการทดลองจะมีการค้นพบยางลักษณะพิเศษที่น่าสนใจหลายแบบ แต่มันก็ยังไม่ใช่ยางในแบบที่โรแลนด์ต้องการ

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

ในตอนที่เขากำลังตัดเส้นยางที่ไม่ใช้แล้ว เขาไม่ระวังจนโดนมีดบาดเข้าที่นิ้ว เลือดของเขาไหลออกมาจากนิ้วแล้วหยดลงไปในน้ำยางตัวอย่างที่กำลังรอการแข็งตัวอยู่ ภายในแก้วนั้นมีควันสีขาวพุ่งออกมาจำนวนมากทันที แล้วก็ทำให้เห็ดเบิร์ดคิสที่อยู่ในน้ำยางละลายกลายเป็นน้ำสีเหลือง

สุดท้ายของเหลวที่อยู่ในแก้วก็กลายเป็นเจลที่เหมือนจะแข็งตัวแต่ก็ไม่แข็ง

“จุดเด่นที่สุดของมันก็คือมันสามารถรักษาคุณลักษณะของวัตถุที่ใส่ลงไปผสมได้พ่ะย่ะค่ะ” เคโมเอาเจลลี่ที่แข็งตัวโยนเข้าในไปในเตาไฟ มันมีแสงสว่างวาบออกมาทันที เปลวไฟพุ่งสูงขึ้นไปหลายฟุต ไม่เหมือนกับชิ้นยางก่อนหน้านี้ที่จะค่อยๆ กลายเป็นสีดำจนสุดท้ายกลายเป็นขี้เถ้า “หม่อมฉันใส่น้ำมันเข้าไปในนั้นหนึ่งช้อนโต๊ะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเอาน้ำมันไปเผาโดดๆ บางทีอาจจะไม่ได้ผลเช่นนี้ เรียกได้ว่ามันดีกว่าสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการอีกพ่ะย่ะค่ะ!”

ถึงแม้เสียงของหัวหน้านักเล่นแร่แปรธาตุจะฟังดูเหนื่อยล้า แต่ในน้ำเสียงของเขากลับแฝงเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น ในดวงตาของเคโมที่กำลังมองดูแสงไฟเหมือนมีเปลวไฟกำลังลุกโชนอยู่ เห็นได้ชัดว่าในหัวเขากำลังคิดภาพเวลาที่เอาเจลลี่พวกนี้ไปใช้งานในปริมาณมาก

ระเบิดนาปาล์มคือสิ่งที่โรแลนด์พยายามจะสร้าง

เดิมมันคือการเอาน้ำมันเบนซินไปผสมกับสารที่ทำให้แข็งตัว เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลวที่มีจุดวาบต่ำ อีกทั้งยังติดไฟง่ายและระเบิดง่ายแล้ว มันไม่เพียงแต่จะมีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่า แต่มันยังมีอานุภาพที่รุนแรงกว่าด้วย ระเบิดนาปาล์มสามารถสร้างความเสียหายได้เป็นวงกว้างในพริบตา ทันทีที่ตัวติดไฟก็ยากที่จะดับได้ ขณะเดียวกันเปลวไฟอันร้อนแรงยังทำให้ออกซิเจนเกิดการเผาไหม้ไปอย่างรวดเร็ว และทำให้คนขาดอากาศหายใจจนตาย

ในตอนที่เห็นของเหลวจากแมลงยางมีคุณสมบัติที่สามารถแข็งตัวได้ เขาก็คิดถึงเรื่องที่จะเอามันไปใช้ทำระเบิดนาปาล์มทันที

เพราะว่าหมอกแดงนั้นกลัวไฟ

ในยุคสมัยทาคิลา สิ่งที่ทำให้สมาพันธ์ปวดหัวมากที่สุดก็คือหอสังเกตการณ์ที่สร้างเสร็จเรียบร้อย หมอกแดงที่ขยายอาณาเขตออกมาทำให้กองทัพผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์บุกเข้าไปได้ลำบาก พวกเธอได้แต่ต้องใช้แม่มดที่มีความสามารถในการสกัดหรือกำจัดหมอกแดงค่อยๆ พาทุกคนเดินเข้าไป ภารกิจทำลายหอเก็บหมอกแดงจะตกเป็นหน้านี้ของกองทัพมนุษย์ธรรมดา ในสงครามที่ผ่านๆ มา กองทัพผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์มักจะต้องเสียหายอย่างหนักจากการที่ไม่มีความคล่องตัว ส่วนคนธรรมดานั้นยิ่งเสียหายหนักมากกว่า

แล้วก็เป็นเพราะต้องใช้กำลังคนอย่างมากในการทำลายหอเก็บหมอกแดง ทำให้กำลังของสมาพันธ์ต้องอ่อนแอลงในทุกครั้งที่ปีศาจสร้างหอสังเกตการณ์ขึ้นมา กระทั่งสมาพันธ์ไม่อาจต้านทานได้แล้ว สุดท้ายถึงถูกพวกปีศาจโถมโจมตีเข้ามาจากทุกด้าน

ถ้ามีความสามารถในการจุดไฟได้ตามใจชอบ ความน่ากลัวของหอสังเกตการณ์ก็จะลดลงอย่างมาก หมอกแดงที่ต้องใช้ในการดำรงชีวิตก็จะกลายเป็นเชือกที่รัดคอพวกมันเอง

น่าจะเป็นเพราะรู้สึกฝังใจอย่างมากกับการพ่ายแพ้ในสงคราม พวกพาซาร์ถึงได้ให้ความสำคัญกับแมลงยางขนาดนี้ โดยเฉพาะอาลิเธียที่ต้องแรกยังบ่นเรื่องที่จะเอาแมลงแปลกๆ มาเลี้ยงในเมืองชายแดนที่สาม แต่หลังจากที่เขาอธิบายแนวคิดเรื่องระเบิดนาปาล์มให้ฟัง ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม้แต่น้ำเสียงที่พูดถึงแมลงก็เปลี่ยนไปด้วย

ตอนนี้โรแลนด์ไม่จำเป็นต้องฝืนไปสู้กับปีศาจในระยะใกล้ ก่อนที่พวกปีศาจจะถูกกำจัดไปหมดสิ้น เขาไม่มีวันปล่อยให้กองทัพที่หนึ่งออกไปจากขอบเขตความคุ้มครองของปืนใหญ่แม้แต่ก้าวเดียว ด้วยเหตุนี้ระเบิดนาปาล์มจึงเหมือนเป็นวิธีสนับสนุนการโจมตีอย่างหนึ่ง ถึงแม้ไม่มีมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการรบโดยรวม แต่ถ้ามีก็จะช่วยให้กองทัพประหยัดกระสุน แล้วก็ลดภาระในการผลิตให้กับกองอุตสาหกรรมเคมีได้

สิ่งที่เคโมค้นพบนั้นย่อมเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาก็คือ…

“แต่เลือดมันไม่ใช่วัตถุดิบที่จะหาได้ง่ายๆ”

“วางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เคโมตอบ “มันไม่จำเป็นต้องใช้เลือดมนุษย์เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ…เลือดของสัตว์อื่นๆ อย่างวัวหรือแกะก็ทำให้คุณสมบัติของมันเปลี่ยนไปได้เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ ในจุดนี้กระหม่อมได้ทำการทดสอบดูแล้ว เพียงแต่สิ่งสำคัญก็คือมันต้องเป็นเลือดสดๆ ที่เพิ่งออกมาจากตัวสัตว์พ่ะย่ะค่ะ”

นี่ทำให้โรแลนด์รู้สึกเบาใจได้ไม่น้อย แต่จากนั้นปัญหาที่สองก็ตามมา “ทำไมถึงต้องเป็นเลือด?”

“อันนี้…” เคโมพูดไม่ออกทันที

‘หม่อมฉันคิดว่าบางทีอาจจะเกี่ยวกับตัวของแมลงก็ได้เพคะ’ พาซาร์ตอบ ‘ถึงแม้พวกมันจะไม่มีการควบคุมของสัตว์ประหลาดหลายตาตัวนั้นแล้ว แต่สัญชาตญาณของมันยังคงมีอยู่ นั่นก็คือการไล่จับและเก็บเหยื่อเอาไว้ บางทีเลือดสดๆ อาจจะเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งในการไล่จับเหยื่อก็ได้เพคะ’

สมมติฐานนี้ดูสมเหตุสมผลทีเดียว เขาคิดในใจ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่สัตว์ประหลาดหลายตาต้องการนั้นไม่ใช่อาหาร อย่างนั้นจะเก็บเหยื่อเอาไว้ในสภาพเดิมหรือเปลี่ยนให้มันเป็นเหมือนเจลลี่ก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรสำหรับพวกมัน

“อย่างนั้นก็เริ่มการทดสอบอาวุธให้เร็วที่สุดแล้วกัน” โรแลนด์สั่งกำชับ “ในเมื่อมีวัตถุดิบอย่างที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปน่าจะใช้เวลาไม่เยอะ หลังจากนี้เจ้าให้นักเล่นแร่แปรธาตุจากเมืองหลวงเก่ามาเป็นคนรับผิดชอบต่อก็ได้ เพราะเจ้าก็เป็นคนบอกเองว่าเส้นทางแห่งเคมีนั้นยังอีกยาวไกล เจ้าต้องพักผ่อนก่อนถึงจะถูก”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เคโมเอามือขึ้นมาทาบที่หน้าอก

‘หม่อมฉันมีความคิดหนึ่งเพคะ’ จู่ๆ พาซาร์พลันพูดขึ้นมา

“อะไรเหรอ?” โรแลนด์มองไปทางเธอ

“บางทีเราน่าจะพาแขกพิเศษคนหนึ่งไปดูการทดสอบอาวุธด้วยเพคะ’ เธอค่อยๆ โบกหนวดหลัก

โรแลนด์เข้าใจทันทีว่าแขกพิเศษที่พาซาร์พูดถึงนั้นคือใคร “เจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?”

ในเมื่อไม่สามารถล้วงความลับมาได้มากนักในตอนที่ทำการสะท้อนวิญญาณ โรแลนด์ก็ไม่ได้หวังจะได้ข้อมูลอะไรมาจากปีศาจอีก ตอนนี้มันตกอยู่ในมือแม่มดทาคิลา ถ้าไม่ฆ่าตัวตายก็คงถูกทรมานจนตาย เขานึกว่าอีกฝ่ายกลายเป็นผีไปตั้งนานแล้ว

“มันไม่เลือกกินเพคะ ขอเพียงเอาอาหารให้มัน มันก็จะกินจนหมด ไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว” พาซาร์อธิบาย

นี่แสดงให้เห็นว่ามันไม่มีความคิดอยากจะตายแม้แต่น้อย

ไม่ยอมแพ้แล้วก็ไม่ยอมสารภาพ

มันกำลังรอวินาทีที่มนุษย์ดับสูญ แล้วตัวมันเองได้รับอิสระอีกครั้ง

ต่อให้ความหวังจะริบหรี่ แต่มันก็ยังรอ

เพราะรู้สึกว่าการตายด้วยน้ำมือของแมลงมันน่าขายหน้าเหรอ?

“เข้าใจแล้ว” โรแลนด์ยิ้มมุมปาก “อย่างนั้นก็พามันไปด้วย”

………………………………………………………………………..