TB:บทที่ 207 โชค (1)

 

ตระกูลคงและตระกูลลั่วต่างก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนที่คงอี้เหยียนและลั่วฮุ่ยจะได้ลืมตาดูโลกนั้น ทั้งสองตระกูลมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทำให้ลูกหลานของทั้งสองตระกูลได้ติดต่อกันตั้งแต่เด็ก ในตอนนั้นคงอี้เหยียนและลั่วฮุ่ยอายุเท่ากัน นอกจากนี้ ลั่วฮุ่ยยังได้แสดงความสามารถที่สุดยอดให้เห็นตั้งแต่เด็ก ทำให้คงอี้เหยียนชื่นชอบที่จะเล่นกับลั่วฮุ่ยมาก

การโตตามอายุ ลั่วฮุ่ยก็ได้กลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หน้าตาดี ยิ่งไปกว่านั้นคือ ความแข็งแกร่งของเขายังอยู่ในอันดับต้นๆในรุ่นเดียวกันอีกด้วย ความรักระหว่างเพื่อนของคงอี้เหยียนที่มีต่อลั่วฮุ่ยได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักระหว่างชายหญิง ถึงความรักของลั่วฮุ่ยที่มีต่อคงอี้เหยียนจะเป็นแบบพี่ชายและน้องสาว แต่ลั่วฮุ่ยก็ต้องยอมหมั้นกับเธอ เพราะคำสั่งและการเตรียมการของคนในตระกูลเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้พบกับผู้เป็นที่รัก ลั่วฮุ่ยได้ถอนหมั้นที่ตระกูลได้เตรียมการเอาไว้ และรักษาความรู้สึกนี้เอาไว้ด้วยใจจริง

หลังจากนั้น โศกนาฏกรรมก็ได้เกิดขึ้น ทั้งสองตระกูลได้กลายมาเป็นศัตรูกัน ลั่วฮุยละทิ้งศิลปะการต่อสู้ของตัวเอง และหมินซีก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมานานกว่าสิบปี

ทั้งหมดนี้มาจากความรักของคงอี้เหยียนที่มีต่อลั่วฮุ่ย แม้ว่าเธอจะถูกลั่วฮุ่ยทำร้ายจิตใจมานานกว่าสิบปี แต่เธอก็ไม่สามารถตัดใจไปจากลั่วฮุ่ยได้เลยสักครั้ง

 

“ฉันหวังว่าฉันจะลืมเธอและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เธอรู้ไหมว่าฉันลืมเธอไม่ลง เพราะฉันเกลียดเธอมากยังไงล่ะ หมินซีจะต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยมานานกว่าสิบปีเพราะเธอ แต่เมื่อฉันพบเธออีกครั้ง ฉันกลับไม่ได้รู้สึกเกลียดเธออีกแล้ว ฉันแค่หวังว่าเธอจะไปพบเจอกับความสุขและลืมฉันได้สักวัน” ลั่วฮุ่ยมองดูคงอี้เหยียน ได้แต่หวังว่าสักวันเธอจะได้พบทางสว่าง

 

ตอนแรก ลั่วฮุ่ยคิดว่าถ้าเขาได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง เขาจะต้องโกรธเธอมากแน่ แต่เข้าจริงๆ เมื่อเขาได้เจอกับเธออีกครั้ง จู่ๆความเกลียดชังที่อยู่ในใจของลั่วฮุ่ยก็หายไปทันที เพราะเขารู้ดีว่าเธอเองก็เป็นทุกข์กับเรื่องนี้เช่นกัน

“เหอะ คนที่เป็นทุกข์อย่างฉันจะลืมนายได้เหรอ? นายสร้างบาดแผลให้ฉัน แต่กลับบอกว่าลืมๆมันไป แล้วมันเยียวยาอะไรฉันได้ไหม? ฉันขอบอกเลยนะว่าไม่มีทาง! ชื่อของนายได้ฝังลึกอยู่ในไขกระดูกของฉันไปเรียบร้อยแล้ว ในชีวิตนี้ ฉันไม่มีทางลืมนายเด็ดขาด!” คงอี้เหยียนกล่าวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเธอก็หันไปมองเฉินหลงแล้วพูดต่อว่า “แต่ว่าครั้งนี้ ฉันไม่ได้มาหานาย ฉันมาหาเขาต่างหากล่ะ!”

 

ในตอนแรก ยังไม่ถึงฉากที่เฉินหลงจะได้ออกโรง จึงดูการแสดงอยู่เงียบๆ ใครจะไปรู้ว่าแค่การแสดงเพิ่งจะเริ่ม ก็มีชื่อเขาเข้าไปเกี่ยวแล้ว

“ผมเหรอครับ?” เฉินหลงหันไปมองคงอี้เหยียนด้วยความประหลาดใจด้วยท่าทางสับสน

“ใช่แล้ว ฉันมาหานาย ฉันว่าคำพูดของฉันก็ไม่ได้เบาเหมือนเสียงกระซิบเลยนะ นายไม่ได้ยินไม่ชัดได้ยังไง? อะไรกัน อายุแค่นี้ก็หูตึงแล้วเหรอ” คงอี้หยานว่า

ทันใดนั้นสีหน้าของเฉินหลงเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชาทันที “ผม เฉินหลงรู้ว่าการพูดดีกับคนอื่นเป็นยังไง คนตระกูลคงอย่างคุณนี่สนใจเรื่องคนอื่นจังเลยนะครับ มันไม่เป็นการยุ่งเรื่องของคนอื่นไปหน่อยเหรอครับ”

คนอย่างคงอี้เหยียนมีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เกิด เธอกล้ามาข่มขู่พวกเขาขนาดนี้แล้ว หลังจากนี้เฉินหลงก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเธออีก

 

“ต๊าย อย่าคิดว่าการที่นายหลบอยู่หลังหัวหน้าตระกูลชั้นสูงอย่างพวกเรา แล้วพวกเขาจะปกป้องนายได้นะ ถ้าเราต้องการตัวนายจริงๆ นายคิดว่าคนที่คอยสนับสนุนนายจะสามารถปกป้องนายได้อย่างนั้นเหรอ?” คงอี้เหยียนพูดดูถูกเฉินหลง

ถึงแม้ว่าตอนนี้เฉินหลงจะมีบริษัทเว่ยหลงเทคโนโลยี แต่ก็ยังมีพวกเงามืดของประเทศคอยอยู่เบื้องหลังอยู่ดี ถ้าจะให้เทียบกับตระกูลชั้นสูง พวกรายละเอียดยิบย่อยยังห่างไกลกันมาก ด้วยเหตุนี้ เธอจึงต้องการตัวเฉิหลง

“ผมคิดว่าคุณคิดผิดนะครับ คนอย่างเฉินหลงยังต้องให้คนอื่นมาปกป้องอีกเหรอครับ?” จากนั้น ร่างกายของเฉินหลงก็ได้ปล่อยลมปราณที่แท้จริงในรูปแบบกระแสพลังออกมา

 

เมื่อรู้สึกถึงพลังจากร่างของเฉินหลง ทันใดนั้นคงอี้เหยียนก็รู้สึกผวาขึ้นมา ทำให้สีหน้าของเธอได้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“พลังของนาย… ”

จนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จากเดิมที่เฉินหลงอยู่ในระดับกำเนิด และในตอนนี้เขาก็ได้อยู่ในระดับที่สามารถเปลี่ยนลมปราณให้กลายเป็นพลังได้เรียบร้อยแล้ว แต่ความเร็วในการพัฒนาความสามารถของเขานั้นเร็วเกินว่าที่จะทำใจเชื่อได้

“ตอนนี้ คุณยังคิดว่าผมต้องการให้คนอื่นมาปกป้องอีกไหมครับ?” กล่าวจบ เฉินหลงก็ได้รวบรวมพลังอีกครั้ง

 

“ดูเหมือนว่านายจะเป็นอัจฉริยะตัวจริงสินะ แต่ถึงจะเป็นอัจฉริยะยังไงก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาอยู่ดี ถ้าจู่ๆอัจฉริยะอย่างนายตายไป มันคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเลย” ด้วยความตกใจ คงอี้เหยียนจึงปรับอารมณ์ให้กลับมาสงบอีกครั้ง

“ตาย?! ตั้งแต่ผมยังไม่มาถึงระดับนี้ ผมยังกล้าสู้กับตระกูลซ่งเลย แล้วตอนนี้ผมก็ไม่ได้อ่อนแอแบบนั้นแล้ว คุณคิดว่าคนอย่างผมจะกลัวคุณเหรอครับ?” บนใบหน้าของเฉินหลงผุดรอยยิ้มขึ้น”นอกจากนี้ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาขู่ซะด้วยสิ ปกติถ้ามีคนมาพูดขู่ผมแบบนี้ ผมจะฆ่าคนๆนั้นให้ตายไปในทันทีเลยล่ะครับ”

หลังจากนั้น เฉินหลงก็จ้องหน้าคงอี้เหยียน เพื่อส่งสัญญาณให้เธอได้รู้ว่าเขากำลังหมายถึงเธออยู่

ในเมื่อคงอี้เหยียนกล้าข่มขู่เขาแบบนี้ เฉินหลงก็มีสิทธิ์ที่จะข่มขู่เธอกลับ

 

คำพูดของเฉินหลงทำให้ใบหน้าของคงอี้เหยียนเปลี่ยนสีอีกครั้ง ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ระดับกำเนิด เธอก็มีค่ามากสำหรับตระกูลคง ตอนนี้เธอถูกเฉินหลงคุกคาม เธออยากจะต่อยเขาสักหมัดจริงๆ แต่พอได้ลองคิดว่าความสามารถของอีกฝ่ายอยู่ในขอบเขตที่สามารถเปลี่ยนลมปราณให้กลายเป็นพลังได้ ลำพังแค่เธอคนเดียวไม่มีทางสู้เขาได้ เธอไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องข่มคำพูดพวกนั้นเอาไว้และอดทนเท่านั้น

“เยี่ยม นายจำคำพูดของตัวเองเอาไว้ให้ดีล่ะ” ทันทีที่คงอี้เหยียนพูดจบ เธอก็เดินจากไป

เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว ในตอนที่คงอี้เหยียนได้พบกับเฉินหลง เธอได้เดินจากไปด้วยความหวาดกลัว

 

“น้องชาย ฉันต้องขอโทษนายด้วย เพราะเรื่องของฉันทำให้นายถูกเธอเกลียดไปด้วย” หลังจากที่คงอี้เหยียนเดินออกไปแล้ว ลั่วฮุ่ยจึงหันหน้าไปพูดกับเฉินหลง

เพราะเรื่องของเขา คนตระกูลคงถึงได้ทำให้เฉินหลงอารมณ์เสียแบบนี้ ภายในใจของลั่วฮุ่ยรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายจริงๆ

เฉินหลงส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ มันก็เป็นแค่เรื่องของเวลาที่จะได้เจอกับตระกูลคงที่สูงส่ง แค่ตอนนี้มันเกิดขึ้นเร็วนิดหน่อย”

เฉินหลงได้ให้สัญญากับเต๋ากวนหานว่าจะล้างแค้นให้เขา ดังนั้นไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องสู้กับตระกูลนี้ ในฐานะหนึ่งในตระกูลชั้นสูง ตระกูลคงไม่มีทางได้เห็นพลังแบบนี้กับตา เมื่อเวลานั้นมาถึง ยังไงเขาก็ไม่สามารหลักเลี่ยงการต่อสู้ได้ แต่แค่ตอนนี้มันเกิดขึ้นก่อนเวลาอันควรก็เท่านั้น

 

ลั่วฮุ่ยมองดูเฉินหลงโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรอีก เขาเป็นคนที่อยู่ในระดับพลังลมปราณ ถ้าจะให้พูดว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยาน เห็นทีคงจะไม่ได้ แต่…เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลชั้นสูง เขาและอีกฝ่ายเป็นแค่พี่น้องกัน แม้ว่าตระกูลของเขาจะขัดแย้งกับเธอและอยู่ในฐานะที่อ่อนแอกว่า แต่เขาก็สามารถทำให้ตระกูลของเขาหลุดพ้นจากวงล้อแห่งความถูกผิดได้โดยความสัมพันธ์ของเขาเอง

ในสมองของลั่วฮุ่ย มีความคิดที่ว่าเฉินหลงมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถเอาชนะตระกูลชั้นสูงได้

 

หลังจากที่คงอี้เหยียนได้จากไปแล้ว เฉินหลงก็ได้เพลิดเพลินกับการล่องเรือที่สวยงามต่อ ตกดึก เฉินหลงได้มายังคาสิโนพร้อมชิปมูลค่าสี่ล้านหยวนอีกครั้ง

ในวันนี้ โชคของเฉินหลงไม่ดีเท่ากับเมื่อวาน และไม่นาน เฉินหลงก็ได้เสียเงินหนึ่งล้านหยวนไป

“ดูเหมือนว่าจะมีโชคของจริงอยู่ในโลกสินะ” เมื่อเขาได้สูญเสียเงินหนึ่งล้านไป เฉินหลงใช้ความคิดอย่างใจเย็น

ในเวลาเดียวกัน เขาขอวางมือจากการพนันสักครู่ และเดินไปยังบาร์ในคาสิโน สั่งไวน์หนึ่งแก้ว แล้วค่อยๆจิบไวน์เข้าไปหนึ่งอึก

 

จากนั้นเขาก็ได้เข้าสู่ระบบ

ในตอนที่นึกถึงโชค ไหนลองมาดูกันซิว่า ในระบบจะมีสิ่งที่เกี่ยวกับโชคขายบ้างไหม

ในตอนที่เขาเข้าไปในระบบ เขาก็ค้นหาไอเท็มที่เกี่ยวกับโชค

 

‘ลัคกี้สปริง’ ที่ทำให้โชคพุ่งเป็นเวลา 24 ชั่วโมง สามารถให้ผู้ใช้ได้โชคดีได้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ใช้คะแนนแลกเปลี่ยน 500 คะแนน

 

‘ยาเปลี่ยนชะตากรรม’ สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของผู้ใช้ได้หลังจากใช้งาน ใช้คะแนนแลกเปลี่ยน 50,000 คะแนน

 

‘เทคนิคเปลี่ยนชะตากรรม’ หลังจากศึกษาแล้ว คุณสามารถใช้ 24 เทคนิคในตำราเพื่อเปลี่ยนชะตากรรมของผู้อื่นได้ ใช้คะแนนแลกเปลี่ยน 100,000 คะแนน