TB:บทที่ 206 คาสิโน (4)
“พวกเขาล้วนเป็นถึงนักพนันมืออาชีพเลยนะ ตราบใดที่พวกเขายังหาประโยชน์จากมันได้ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องกลับมาอยู่แล้ว” เฉินหลงตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
นักพนันมืออาชีพแตกต่างจากคนทั่วไป พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นพนัน ตราบใดที่พวกเขามีเงินเดิมพัน ถึงพวกเขาจะสูญเสียเงินไป พวกเขาก็จะคิดว่าหาวิธีนำเงินของตัวเองกลับมาให้จงได้ นี่แหละที่เขาเรียกว่านักพนันมืออาชีพ
“หยานจิงหนานโยว! นายรู้ตัวรึป่าวว่าทำอะไรลงไป? ทำไมต้องนายต้องใช้วิธีสกปกอย่างนั้นด้วย? นายไม่เห็นสายตาของฉันที่บอกนายว่าอย่าใช้วิธีสกปกรึไง? ตอนนี้ นายเห็นผลที่ตามมารึยัง เราแพ้หมดรูป!” ภายในห้องน้ำ ผานจื่อกำลังพูดกับหยานจิงหนานโยวด้วยความขุ่นเคือง
ฝ่ายหยานจิงหนานโยวเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ เขาจึงตอบอีกฝ่ายไปว่า “เหอะ! นายไม่ต้องมาต่อว่าฉันเลยนะ ถ้าเมื่อกี้นายยอมร่วมมือกับฉัน คนที่จะเสียเงินทั้งหมดคงเป็นหมอนั่นไปแล้ว!”
จนถึงตอนนี้ หยานจิงหนานโยวก็ยังคิดว่าเฉินหลงเป็นแค่คนธรรมดา ดูเหมือนว่าเขาจะติดใจเงินล้านถึงขั้นอาการหนักเลยทีเดียว
“เฮ้อ! นายนี่มันยังไงนะ นายยังคิดว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่โชคดีอยู่อีกเหรอ? ทำไมนายถึงยังคิดว่าเขาชนะทุกตาเพียงเพราะว่าเขาโชคดีไปได้นะ? ตื่น! ตื่นได้แล้ว! เลิกคิดถึงเงินล้านได้แล้ว เงินล้านแบบนั้นไม่ได้หามาได้ง่ายๆซักหน่อย บางทีสิ่งที่นายทำ อาจทำให้พวกเราจบเห่ได้เลยนะ!” เมื่อเห็นว่าหยานจิงหนานโยวยังคงฝันอยู่ ผานจื่อจึงจับไปที่ไหลของหยานจิงหนานโยวแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ หมายให้หยานจิงหนานโยวตื่นจากความฝันลมๆแล้งๆนี่เสียที
แน่นอนว่าการเขย่าเพื่อนเรียกสติของผานจื่อใช้ได้ผล หลังจากนึกถึงเรื่องที่เฉินหลงเคยว่าเอาไว้และเหตุการที่เขาแพ้หลายตาติดก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
“ผานจื่อ! แล้วอย่างนี้พวกเราควรจะทำยังไงดีละ? เงินล้านที่พวกเราเสียไป แล้วไหนจะเงินหกแสนที่ยืมมาจากเจ้าหนี้ที่คิดดอกเบี้ยสูงพวกนั้นอีก ขืนพวกเราไม่มีเงินไปจ่ายคืน มีหวังเกาลี่หยงมาจัดการฉันแน่เลย ! ! พวกเราจะทำยังไงกันดีละทีนี้!?” หยานจิงหนานโยวนึกถึงผลเสียที่กำลังจะตามมา หันไปถามผานจื่อแบบติดๆขัดๆ
“อย่าเสียงดังสิ ใจเย็นๆ ขอฉันคิดดูก่อน” แววตาของผานจื่อไม่มีวี่แววของคำว่าอ่อนโยนหลงเหลืออยู่เลย ทำให้ผานจื่อเข้าใจดีว่าในใจของอีฝ่ายรู้สึกหงุดหงิดมากขนาดไหน
ผานจื่อนึกถึงประโยคที่เฉินหลงเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้อย่างรอบคอบ
ใช้เวลาไม่นาน ผานจื่อก็ได้ข้อมูลต่างๆที่พอจะใช้ประโยชน์ได้ อย่างแรกคือเฉินหลงรวยมาก เขาไม่ได้สนใจเรื่องเงินเลยแม้แต่น้อย อย่างที่สองคือเขาอยากเสียเงินจริงๆ อย่างที่สามคือเขาไม่ได้ใช้วิธีสกปก เขาเล่นพนันด้วยความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง จนทำให้เขาได้เป็นฝ่ายชนะในที่สุด
เมื่อคิดได้ดังนั้น ผานจื่อพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้มีทางเดียวที่พวกเราสามารถทำได้คือเล่นกับเขาต่อไป แต่คราวนี้พวกเราห้ามใช้วิธีสกปรกเด็ดขาด พวกเราต้องเล่นพนันกับเขาด้วยความสามารถของตัวเองเท่านั้น!”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ พนันก็พนัน” หยานจิงหนานโยวพยักหน้ารับ
ในเมื่อหยานจิงหนานโยวและผานจื่อมีความเห็นพ้องต้องกันแล้ว ฮ่าวซือก็ยินดีทำตามคนทั้งสอง
ในตอนที่หยานจิงหนานโยวกับผานจื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเข้ามาในห้องอีกครั้ง เฉินหลงก็ได้ทักขึ้นมาว่า “พวกคุณทั้งสามคนไปห้องน้ำพร้อมกันแล้วก็กลับมาพร้อมกันแบบนี้ พวกคุณท้องผูกกันเหรอครับ?”
เฉินหลงรู้ว่าในตอนที่พวกเขาขอไปเข้าห้องน้ำพร้อมกัน พวกเขาจะเจรจาเรื่องอะไรกัน
“ตลกแล้ว มาครับ ตอนนี้พวกเรามาต่อกันเถอะ” ผานจื่อพูดจบ ก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง
หลังจากรู้แผนการของทั้งสามคนรวมถึงผานจื่อแล้ว เฉินหลงได้นำเครื่องติดตามของตัวเองกลับมาไว้กับตัว และเริ่มพนันกับพวกเขาด้วยโชคของตัวเอง
คนทั้งสามรวมถึงผานจื่อก็ใช้ความสามารถของตัวเองในการเล่นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ความจริงก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเมื่อโชคหายไป แม้แต่กำแพงก็ไม่สามารถต้านทานได้ และตอนนี้เฉินหลงเองก็เป็นแบบนั้น
หลังจากผ่านไปแล้วสองตา เฉินหลงสามารถเอาชนะทั้งสามคนรวมถึงผานจื่อได้
“ดูเหมือนว่าวันนี้คุณจะทำให้ผมสมหวังไม่ได้สินะครับ” เฉินหลงกล่าวในขณะที่กำลังจัดชิปที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
ในเวลาเดียวกัน ชายทั้งสามคนรวมถึงผานจื่อ ที่ก่อนหน้านี้หน้าตาไม่น่ามองอยู่แล้ว ได้บิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียดมากกว่าเดิมอีกเสียอีก แพ้ก็คือแพ้ เพราะพวกเขาไม่มีสิทธ์เลือก
“คุณช่างโชคดีจริงๆ ผมเชื่อแล้วว่าพวกเราเป็นฝ่ายแพ้” ผานจื่อหันไปพูดกับเฉินหลง
หลังจากที่เล่นกับเฉินหลงไปหลายรอบ ผานจื่อเห็นได้ชัดว่าสกิลการเล่นของเฉินหลงนั้นแย่มาก แต่เขาก็โชคไม่ดีจริงๆนั่นแหละ อีกฝ่ายเอาเงินเขาไปได้ทุกครั้ง สู้กับคนมีโชคแบบนี้ ผานจื่อก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องสรรหาคำไหนมาเปรียบอีก นอกจากบอกว่าเฉินหลงแม่งโคตรโชคดี
“ครับ สงสัยวันนี้ผมคงโชคดีจริงๆ ขนาดว่าผมอยากแพ้ใจจะขาด ผมยังไม่แพ้สักตา ฮ่าๆ ช่างมันเถอะครับ วันนี้ผมคงขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยแพ้ใหม่ก็ได้ ราตรีสวัสดิ์ครับ” เฉินหลงเก็บชิปทั้งหมดของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินนำหญิงสาวสองทั้งคนออกมาจากห้องวีไอพีในทันที
หลังจากที่เฉินหลงกลับไปแล้ว ชายทั้งสามคนรวมถึงอ้วนที่ยังคงนั่งอยู่ในห้อง ต่างหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าขมขื่น
“ผานจื่อ! แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” สีหน้าของเขาดูหวาดกลัวเล็กน้อย ตอนนี้เขาได้สูญเสียเงินทั้งหมดไปแล้ว เขาไม่มีทางหาเงินมาคืนเกาลี่หยงได้ เมื่อเขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยเห็นเกาลี่หยงจัดการกับคนอื่นยังไงแล้ว เขาก็ห้ามตัวเองไม่ให้ตัวสั่นเพราะความหวาดกลัวไม่ได้เลย
“เอาเถอะ ใจเย็นๆ ฉันยังมีเงินอยู่ 5,000 หยวน พรุ่งนี้เราค่อยสู้กับเขาใหม่ก็ได้ แต่ถ้ามันยังไม่ได้ผลอีก พวกเราก็แค่ไปขอยืมเงินจากเขามาจ่ายให้กับเจ้าหนี้ก่อน ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนไม่ดีนะ แล้วเขาก็ไม่ได้ต้องการเงินอยู่แล้วด้วย ฉันคิดว่าเขาน่าจะให้โอกาสพวกเรา” ผานจื่อใช้ความคิดอยู่สักครู่จึงตอบอีกฝ่ายไป
ฮาวซือใช้เวลาคิดไตร่ตรอง เขาทำให้แค่เห็นด้วยกับอีกฝ่าย เพราะเขายอมเสียหน้าไปขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ดีกว่าให้เกาลี่หยงทุบตีเขาเยี่ยงสุนัข
หลังจากนั้น คนทั้งสามรวมถึงผานจื่อก็เดินออกไปจากห้องวีไอพี และเดินไปยังโต๊ะคนละตัวพร้อมที่จะต่อสู้อีกสักตั้ง
“เฉินหลง นายชนะจริงๆด้วยอ่ะ!” หลังจากที่เดินออกมาจากห้องวีไอพี เจิ้งหยู่ได้จ้องมองเฉินหลงด้วยความตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าคนอ่อนประสบการณ์อย่างเฉินหลง จะจัดคนมากประสบการณ์อย่างสามคนนั้นได้อยู่หมัด ไม่อยากจะเชื่อเลย สุดยอด!
เจิ้งหยู่ชอบเล่นไพ่นกกระจอก และฝีมือการเล่นไพ่ของเธอก็ไม่เลวทีเดียว การเล่นเมื่อกี้ทำให้เธอเห็นได้ชัดว่าเฉินหลงเป็นแค่มือสมัครเล่น ส่วนผานจื่อ นั้นเป็นถึงระดับปรมจารย์ตัวจริงเสียงจริง แต่สุดท้ายมือสมัครเล่นกลับเป็นฝ่ายชนะ มันทำให้เธออึ้งจนถึงกับพูดไม่ออก มือสมัครเล่นชนะปรมจารย์เนี่ยนะ? เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้เนี่ย?
“ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงละสิว่าคนอย่างฉันจะชนะ” เฉินหลงหันไปมองเจิ้งหยู่
เจิ้งหยู่พยักหน้าแล้วตอบว่า “ก็ใช่น่ะสิยะ ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่านายจะชนะมาได้ คิดดูนะ ตอนที่ฉันเห็นนายเล่นไพ่อยู่ ฉันแทบไม่อยากดูนายเล่นเลยล่ะ เห็นแล้วโคตรหงุดหงิด ทั้งๆที่นายวางไพ่สามใบนั้นได้แท้ๆ แต่นายกลับไปวางเจี๋ยจางเนี่ยนะ วางแบบนั้น ถามจริง นายคิดอะไรอยู่ แล้วตอนจบเป็นไงล่ะ นายวางตามใจตัวเองทุกใบ แต่ก็ชนะทุกตา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันยะ?”
หมดวันนี้ ทำเอาเจิ้งหยู่แทบเสียสติ ฉันจะบ้า
ฝ่ายเฉินหลงก็ได้ตอบอีกฝ่ายไปด้วยความภาคภูมิใจ “เธอเข้าใจผิดแล้ว ก็ถ้าฉันไม่วางเจี๋ยจาง แล้วคนอื่นจะชนะได้ยังไงล่ะ แต่ก็นั่นแหละ ฉันคงโชคดีจริงๆ ให้ตายสิ ทำขนาดนี้แล้วฉันยังไม่แพ้เลย”
เมื่อได้ฟังคำตอบของเฉินหลงแล้ว เจิ้งหยู่ถึงกับกุมขมับ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไรเขา เธอจึงหันหน้าไปอีกทางและไม่หันกลับมามองเฉินหลงอีก ให้ตายสิ ฉันไม่อยากเสวนากับคนอย่างหมอนี่แล้ว
อันหยามองดูเฉินหลงด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในสายตาของเธอตอนนี้เห็นเฉินหลงมีออร่าแห่งความลึกลับเต็มไปหมด
หลังจากนั้น เฉินหลงก็กลับมายังห้องของตัวเองเพื่อทำการพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น มีคนอีกจำนวนหนึ่งบนเรือสำราญกำลังรอเฉินหลงอยู่
“ลั่วฮุ่ย ไอ้สารเลว ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ” คงอี้เหยียนแห่งตระกูลคงเป็นคนแรกที่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู เนื่องจากความเกลียดชังระหว่างเธอกับลั่วฮุ่ย รวมไปถึงสถานะของเธอ เธอจึงไม่รอช้า เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาถึงหน้าประตูซะเลย
“เธอเองเหรอ?” ทันทีที่ได้เห็นการมาถึงของคงอี้เหยียน ลั่วฮุ่ยก็ขมวดคิ้วขึ้น
คงอี้เหยียนหันไปมองลั่วฮุ่ยด้วยแววตาที่ซับซ้อน “ใช่ ทำไม มีปัญหาเหรอ? ไม่ได้เจอหน้าฉันมาตั้งหลายปีแล้ว นายก็ยังลืมฉันไม่ลงล่ะสิ”
ในสายตาของคงอี้เหยียน สำหรับลั่วฮุ่ย มันคือความรัก แต่สำหรับเธอ มันคือความเกลียดชังต่างหาก!