สวรรค์ส่ง นรกเสริม

 

เย็นวันถัดมา ซูจิ้งรูสึกประหลาดใจในสิ่งที่เห็นผ่านทางกิ้งก่าล่องหน อาการตาบอดกลางคืนของคุนจินหมิงดีขึ้นอย่างมาก

ที่เรียกว่าโรคตาบอดกลางคืนก็เพราะว่ามันเป็นโรคที่มีอาการมองเห็นในพื้นที่ที่มีแสงสว่างได้ตามปกติ แต่พอเป็นพื้นที่ที่แสงน้อยตาของผู้ป่วยจะมองไม่เห็นอะไรเลยจะเรียกได้ว่าบอดเลยก็ว่าได้ เป็นโรคที่หายากและยากต่อการรักษา ถึงแม้จะมีวิธีการรักษาอยู่แต่ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากพอจะหายขาดได้

 

คุนจินหมิงป่วยเป็นโรคนี้ในขั้นรุนแรงถึงขนาดที่พอแสงหายไปเล็กน้อยแบบช่วงตอนเย็นคนทั่วไปจะมองเห็นได้ปกติ แต่ก็คุนจินหมิงแล้วจะมองเห็นว่าเกือบมืดแล้ว แต่ตอนนี้จากที่ผ่านกิ้งก่าล่องหนแม้แต่คุนจินหมิงเองก็ยังตกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

 

ต่อมาซูจิ้งได้ทำแบบนี้อยู่อีกสองคืน พอเข้าเย็นวันที่สี่ดูเหมือนว่าอาการของคุนจินหมิงจะหายดีเป็นปลิดทิ้ง

 

ในคืนนั้นคุนจินหมิงร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้น เขาคุกเข่าลงกับพื้นของห้องเขาพร้อมตะโกนออกมาว่า

“ดวงตาคู่นี้ได้ถูกเปิดออกมาด้วยพระผู้เป็นเจ้าแน่ๆ ต้องเป็นแผนของท่านที่ยอมให้ฉันมีโอกาสได้เห็นท้องฟ้าอีกครั้งหนี่ง

เมื่อฉันออกไปได้ฉันจะไปจัดการพวกมันทุกคนที่จับฉันและกล่าวหาฉันว่าเป็นคนผิดให้หมดเลย พวกมันสมควรตายแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

เหล่าผู้คุมได้ยินเสียงต่างก็รู้สึกตรงกันว่าช่างไม่ยุติธรรมเลยสักนิดที่นักโทษก่อคดีร้ายแรงอย่างนี้ อยู่ๆกับหายจากโรคที่แทบไม่มีทางรักษาได้

พระเจ้าช่างไม่มีตาเอาซะเลย จะช่วยใครไม่ช่วยกับช่วยอาชญากรแบบนี้

โรคนี้มีคนเป็นโรคนี้มากมายนักทำไมไม่ช่วยคนเหล่านั้นหล่ะ มีคนมากมายที่ดีกว่านี้เหมาะสมกว่านี้แต่กลับไม่มีทางให้พวกเขาได้รักษา แม้แต่โอกาสก็ยังยากเลย

ถึงพวกเขาจะนึกได้ว่าคุนจินหมิงได้รับการตัดสินให้ถูกประหารชีวิต แถมใกล้ถึงเวลาแล้ว แต่กับคนแบบนี้ก็ไม่ควรที่จะได้รับโอกาสอยู่ดี

“อืมมมม ทรายดำนี่ใช้ได้ผลดีจริงๆ น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

แต่ไม่น่าจะมาจากแค่เพราะเป็นทรายดำธรรมดา แต่ต้องเป็นเพราะทรายดำนี้มาจากห้วงเวลาฯจูเซียนด้วยแน่ๆถึงได้ผลดีขนาดนี้ แม้ทรายดำธรรมดาจะได้ผลแต่ก็ไม่ควรให้ผลเร็วขนาดนี้แน่นอน” ซูจิ้งนั้นมีความสุขอย่างมาก เพียงสี่คืนเท่านั้นการทดลองก็สำเร็จแถมได้ผลลัพท์ดีซะด้วย ในคืนนั้นเองเขาก็ได้แอบไปยังคุกนั่นอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้จะทดลองใช้ทรายดำอีกต่อไป แต่เขาได้หยิบธงหลอนจิตออกมา ถึงการทดลองจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ซูจิ้งไม่มีทางยอมให้คนประเภทนี้ได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน ช่วยคุนจิงหมินงั้นหรอ แล้วยังไงหล่ะ เขาไม่ได้ใจดีขนาดปล่อยให้คนพวกนี้ได้ตายอย่างเป็นสุขอยู่แล้ว ซูจิ้งได้วางแผนไว้แล้วว่าหลังจากรักษาคุนจิงหมินแล้วเขาจะทดลองการทำงานของธงหลอนจิตต่อในทันที

 

ซูจิ้งได้บังคับให้หนูนำธงหลอนจิตไปยังห้องขังของคุนจิงหมิน เมื่อถึงแล้วเขาให้มันปีนขึ้นไปบนหัวเตียงนอน ทำการเปิดธงออกมาแล้วโยนไปไว้บนหน้าของคุนจิงหมินในทันที พร้อมทั้งบังคับหนูให้ถอยกรูดออกมาอย่างรวดเร็ว

 

ทันใดนั้นอากาศภายในห้องเริ่มเปลี่ยนเป็นหนาวเน็บขึ้น เจ้าผีร้ายที่อยู่ในธงหลอนจิตเองก็ได้แสดงความสามารถของมันออกมาอย่างดีเยี่ยม ถึงขนาดที่มันคลานออกมาจากม้วนคัมภีร์ พร้อมทั้งปล่อยลมหายใจเย็นยะเยือกออกมาคลุมทั่วห้อง

 

คุนจิงหมินเองก็เริ่มรู้สึกตัวและได้ลุกขึ้นมา ทันได้นั้นทั้งคุนจิงหมินและซูจิ้งที่กำลังควบคุมหนูอยู่ก็ได้เห็นในสิ่งเดียวกันนั่น ภาพอันน่าสนดสนองที่ควรจะมีอยู่แค่ในหนังสยองขวัญ กำแพงตอนนี้ได้มีเลือดไหลหยดออกมาชะโลมทั่วทั้งกำแพงสี่ด้าน

 

เจ้าผีร้ายตัวนั้นได้คลานจากพื้นขึ้นไปไต่อยู่บนกำแพง

 

ทันใดนั้น อยู่ๆพลังวิญญาณในห้วงทะเลวิญญาณของเขาก็ได้สั่นกระเพื่อม ทำให้ภาพที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้หายไปทันทีกลับเป็นกำแพงธรรมดา แน่นอนแล้วว่าภาพชวนสยองพวกนั้นต้องเป็นภาพลวงตาที่เป็นผลมาจากธงหลอนจิตเป็นแน่ ถึงจะยังอยู่แค่ในระดับต่ำก็ตาม ระดับเท่านี้ยังไม่เพียงพอต่อการคุกคามซูจิ้งได้เท่าไหร่นัก

 

แต่คุนจิงหมินผู้ที่ไม่ได้มีพลังจิตขวัญกล้าเหมือนซูจิ้ง หน้าของเขาในตอนนี้ได้แสดงถึงความหวาดกลัวอย่างที่สุดในชีวิตพร้อมทั้งกรี๊ดร้องออกมาอย่างไม่เป็นภาษามนุษย์

ต่อหน้าเขาในตอนนี้ผีร้ายได้จับไปที่คอ แต่คุนจิงหมินกระได้กระโดดหนีถอยร่นไปที่มุมกำแพงห้อง

เหมือนพยายามที่จะแทรกตัวลงไปตรงมุมนั้น แต่ทันใดนั้นก็มีผีจำนวนมากโผล่มาจากมุมห้องพยายามจะจับตัวเขาเอาไว้

หนึ่งในนั้นมีร่างกายเพียงขึ้นท่อน มันพยายามคลานไปหาคุนจิงหมินจนเครื่องในส่วนที่เหลือลากละพื้นอยู่ข้างหลัง มันเกาะไปที่ขาของคุนจิงหมินแล้วพยายามไต่ขึ้นไป

 

“อ้าก” คุนจิงหมินถึงจะฆ่าคนไปมากมายแต่เขาก็ไม่เคยผ่านสนามรบที่ไหน แต่ตอนนี้เขากลับตะโกนกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง พร้อมทั้งพยายามพังกำแพง รวมถึงกระแทกกำแพงออกมา ไม่นานนักจิตวิญญาณของคุนจิงหมินเริ่มไม่คิดจะสู้อีกต่อไป เขายอมรับแต่โดยดีแล้วเขาปิดตาลงทันใดนั้นร่างของเขาก็หงายหลังไป หมดสติ และแข็งค้างไปแทบจะในทันที

 

เสียงตะโกนของเขาได้ทำให้นักโทษคนอื่นตืนขึ้นมาและตะโกนบอกให้พัสดีให้ทราบเรื่อง ตอนนั้นซูจิ้งสั่งให้เจ้าหนูรีบม้วนธงกลับเป็นดังเดิมแล้วรีบออกมาทางท่อระบายน้ำ เมื่อพัศดีเขามาตรวจสอบห้องของคุนจิงหมิน และพบสภาพของคุนจิงหมินตอนนี้ทำให้เขานึกประหลาดใจ เขาเองก็สงสัยทันทีที่ได้ยินว่าคุนจิงหมินคลั่งเพราะเขาก็ว่ายังเห็นคุนจิงหมินดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อเย็นอยู่เลย เมื่อเห็นสภาพของคุนจิงหมินผ่านช่องส่องนักโทษในตอนนี้เขารึบเปิดประตูห้องขังแล้วรีบให้หมอเข้าไปเช็คอาการ ผลจากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้นกลายเป็นว่าเขาตื่นกลัวมากจนหมดสติไป

 

หลังจากนั้นสักพัก คุนจิงหมินได้ตื่นขึ้นมา เขาหน้าซีดและมีดวงตาที่ยังดูหวาดผวาอยู่ แม้ผู้คุมจะเห็นสภาพของคุนจิงหมินเป็นอย่างนั้นแต่ทั้งเขาและหมอกะยังถอนตัวออกมาอยู่ดี ในไม่ช้าคุนจิงหมินก็ได้หลับลงไปเพราะว่าถูกฉีดยากล่อมประสาทเอาไว้ ในระหว่างนั้นได้มีเหงื่อผุดออกมาจากหน้าของเขาสองเม็ดเท่าเม็ดถั่ว ก่อนที่คุนจิงหมินจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเหมือนกับว่าเขาได้เผชิญหน้ากับฝันร้ายที่น่ากลัวสุดๆ

 

ความฝันนี้วนเวียนอยู่ทั้งคืนจนเขาพยายามที่จะไม่นอน แต่ก็ไม่อาจฝึนได้เพราะเขาเหนื่อยล้าจากภาพที่เห็นมากเกินไป เป็นอย่างนี้ไปสี่คืนจนกระทั่งถึงคืนที่ห้าคุนจิงหมินก็ได้บ้าอย่างสมบูณ์เรียบร้อยแล้ว

 

ไม่กี่วันหลังจากที่คุนจิงหมินได้หายจากอาการตาบอดกลางคืน แล้วกลายเป็นถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายทุกค่ำคืน

เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะได้ก้าวเท้าขึ้นสวรรค์และโดนถีบตกนรก ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกเช่นนั้น

ทุกคนต่างก็คิดว่าเขานั้นบ้าเพราะใกล้จะถึงช่วงเวลาประหารชีวิต  ไม่ก็เป็นผลกระทบมาจากการที่เขาไม่คุ้นเคยกับเวลาตอนกลางคืนแค่นั้นเอง

ไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำว่าคนๆนี้กำลังตายจากข้างในช้าๆ เพราะยังไงซะเขาต้องตายอยู่ดี

 

“ธงหลอนจิตผืนนี้ช่างหน้ากลัวจริงๆ” ซูจิ้งได้จ้องไปที่ธงเล็กน้อยพร้อมถอนหายใจทันทีที่เห็นใบหน้าข้างในโผล่ออกมายักคิ้วหลิ่วตาพยายามทำหน้าน่ากลัวแบบต่างๆใส่ซูจิ้งเพื่อให้ซูจิ้งกลัว แต่สำหรับซูจิ้งตอนนี้เห็นมันเป็นสัตว์เลี้ยง

 

เขานั้นคิดจะเลี้ยงเจ้าผีตนนี้แบบจริงจังเรียบร้อยแล้ว หลังจากติดตามอาการของคุนจิงหมินอีกสักระยะ

เขาพบว่าคุนจิงหมินได้ฝันร้ายตลอดทั้งวันและทั้งคืน ดูเหมือนหลังจากมันหลอกหลอนคุนจิงหมินได้สำเร็จมันจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

มันเหมือนกับการกินความฝัน(เป้าหมายในชีวิต)ไม่ก็เป็นการสูบความกลัว

อีกทั้งมันยังทำให้เขาสามารถดูดซับพลังจิตจากเหรียญตรายมฑูตได้มากกว่าเดิม

ดูเหมือนว่าความสามารถในการข่มขู่ของธงหลอนจิตจะค่อนข้างดีเลยทีเดียว

 

ถึงแม้การทำร้าย ข่มเหงจะได้ผลดีต่อการพัฒนาเหรียญตรายมฑูตยิ่งกว่านี้ก็ตาม

แต่ยังไงซะมันคืออาชญากรรมแถมสุดท้ายยังทำให้วิญญาณของเขาต้องแปดเปื้อนโสมมยิ่งขึ้น

ซึ่งถ้าจะพูดตามหลักการแล้วเหรียญตรายมฑูตจะพัฒนาตนเองได้ก็น่าจะแค่ต้องสร้างความสะพรึงให้กับวิญญาณของคนอื่นให้กลัวเขาเท่านั้น

ตรงข้ามกับเหรียญตราเทวฑูตที่ต้องสร้างแรงศรัทธาที่มีต่อเขา

เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายหรือฆ่าคนแม้แต่น้อย

สำหรับซูจิ้งแล้วการใช้ธงหลอนจิตนี้ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการเหล่าร้ายและเพิ่มพลังให้เขาได้ดีเลยทีเดียว