เปิดงานประมูล

 

“เดี๋ยวนะ เจ้าธงนี่มีพลังจิตด้วยงั้นหรอ” ซูจิ้งอุทานออกมาหลังจากเขากลับมาตรวจสอบและศึกษาธงหลอนจิตอย่างจริงจังหลังจากตั้งใจว่าจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ตัวนี้เรียบร้อยแล้ว

ด้วยการที่เขาใช้กระแสจิตในการศึกษาธงนี้อย่างระมัดระวังจนกระทั่งพบว่ามีกระแสจิตปล่อยออกมาต้านทานเขาเอาไว้

ในตอนแรกที่เขาไม่พบเรื่องนี่ก็เพราะว่าเขามัวแต่ตกใจจนรีบใช้พลังจิตป้องกันตัวเองทำให้ไม่ใส่ใจที่จะตรวจสอบ

 

ความจริงเจ้าผีร้ายในธงอยากเล่นงานซูจิ้งใจจะขาด แต่มันเองก็รู้ตัวเรื่องพลังจิตของซูจิ้งเหมือนกันว่าเข้มแข็งขนาดที่มันทำอะไรไม่ได้แน่นอน

มันก็กะจะอาศัยตอนที่ซูจิ้งเผลอหยุดการใช้กระแสจิตแล้วเล่นงานเหมือนกัน

แต่ทันทีที่ซูจิ้งสัมผัสสิ่งชั่วร้ายพลังจิตก็พวยพุ่งออกมาทันทีทำให้เจ้าผีร้ายบาดเจ็บเหมือนกัน

เป็นอย่างนั้นจนต่างคนต่างเลิกลาไป

แต่ยังไงซะซูจิ้งก็ยังเปิดธงโดยไม่ปล่อยจิตคุกคามเพราะว่าเขานั้นอยากเห็นใบหน้าเจ้าปัญหานี่ด้วยตาของตัวเองอีกครั้ง ซึ่งเจ้าผีร้ายก็ยอมแต่โดยดี

 

“ฝีมือการวาดช่างดูละเอียดสมจริงยิ่งนัก และเจ้าผีร้ายตัวนี้ก็ช่างดูเหมือนภาพวาดเสียจริงๆ แถมมันเหมือนจะไม่ใช่แค่มีจิตวาญญาณซะด้วย ยังมีร่างวิญญาณที่ยังไม่ขึ้นร่างเนื้อซะด้วยสิ” ซูจิ้งพูดพร่ำไปเรื่อยทันใดนั้นเขาก็หยิบเหรียญตราเทวฑูตออกมาพร้อมทั้งปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์เช้าไปในธงทันที

 

ครั้งนี้นอกจากใบหน้าของผีร้ายในรูปบนธงนอกจากจะไม่ต่อต้านหรือสวนกลับแม้แต่น้อย แถมยังแสดงท่าทางหวาดกลัวถึงกับสั่นเลยทีเดียว

ตอนนี้ซูจิ้งได้ส่งกระแสจิตเข้าตรวจสอบภาพวาดในทันที เขารู้สึกได้ทันทีว่าเจ้าภาพวาดผีร้ายตนนี้มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง และแข็งแกร่งกว่าสัตว์เลี้ยงทุกตัวของเขาทั้งหมด

แกร่งยิ่งกว่าหมึกยักษ์และหมาป่าสงครามอย่างเทียบไม่ติด แถมมันยังให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกและแปลกประหลาด จะเรียกว่าหลอนๆก็ว่าได้

 

หลังจากได้พลังจากเหรียญตราเทวฑูตเข้าช่วยเหลือเขาไม่ได้กลัวการสวนกลับจากผีร้ายอีกต่อไป

เขาค่อยๆลองทำการผูกสัญญากับเจ้าผีร้ายซึ่งตามหลักแล้วมันควรจะทำสัญญาด้วยได้ และหากเขาทำสัญญากับมันไม่ได้มันคงไปก่อเรื่องวุ่นวายกับคนอื่นๆแน่นอน ซึ่งคิดได้เลยว่าจะเป็นปัญหาแน่นอน

 

เจ้าผีร้ายพยายามดิ้นลดขัดขืนอย่างเต็มที่ แต่ด้วยการที่ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์กดข่มเอาไว้ทำให้ทุกครั้งที่มันปล่อยพลังขัดขืนพลังของจะกลายเป็นควันออกมา

แถมมันยังรู้สึกเจ็บปวดจนเห็นได้ชัด จนเกรงกลัวทนไม่ไหวไม่กล้าขัดขืนอีกเลยปล่อยให้ถูกซูจิ้งควบคุมอย่างสมบูรณ์และนั่นทำให้พันธะสัญญาสัตว์เลี้ยงเสร็จสิ้นทันที

 

จากนั้นซูจิ้งเก็บตราเทวฑูตไว้ในกระเป๋ามิติ แล้วใช้กระแสจิตสื่อสารกับเจ้าผีร้ายยอมให้มันใช้ภาพลวงตาออกมา

เจ้าผีร้ายก็ได้ทำหน้าตาดุร้ายออกมา

ทันใดนั้นรอบๆตัวซูจิ้งก็ปรากฎภาพภูติผีรอบตัวคล้ายกับตอนที่ปรากฏอยู่ในห้องขังคืนนั้น ซึ่งแน่นอนว่าซูจิ้งตอนนี้ต่อให้ไม่ทำอะไรก็เลย

ภาพหลอนนี้ก็ไม่ส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย และเจ้าผีร้ายเองก็แค่ลองให้ซูจิ้งเห็นเฉยๆไม่ได้เอาจริงอะไรเพราะด้วยตอนนี้มันเป็นสัตว์เลี้ยง ไม่มีทางที่มันจะทำร้ายซูจิ้งได้เลย

ซูจิ้งมองไปในภาพลวงตาเหล่านั้นพลางนึกไปว่า แค่ภาพหลอนพวกนี้ก็ทำให้จิตใจคนทั่วไปทนไม่ไหวอยู่แล้ว แล้วยิ่งทำให้เห็นซ้ำๆทุกคืนต่อให้คนจิตแข็งยังไงก็ต้องตื่นอยุ่ดี

 

“เฉิงหนานมาล่ะ”

 

“สวยสวยมาเยี่ยมจ้า…”

 

เจ้านกทั้งสองบินวนรอบเหนือศีรษะซูจิ้ง ซูจิ้งได้ม้วนธงเก็บในกระเป๋ามิติและเดินออกไปที่ประตูเพื่อไปพบเฉิงหนาน สาวสวยตัวสูงรูปร่างเซ็กซี่ที่อยู่ในสูทสั่งตัดยืนรอยู่หน้าประตู เขาได้เรียกเธอเข้ามาแล้วชงชาให้เธอดิ่ม

 

“บอสคะ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ตอนนี้โรงประมูลของเราสามารถเปิดได้อย่างเป็นทางการในอีกสองวันนับจากนี้” เฉิงหนานได้พูดพร้อมส่งเอกสารต่างๆให้กับซูจิ้ง

 

“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่สนเอกสารพวกนี้ ผมเชื่อใจคุณ” ซูจิ้งกล่าวพร้อมรายยิ้มให้แก่เฉิงหนาน

 

“ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจค่ะ” เฉิงหนานหัวเราะชอบใจก่อนจะพูดต่อว่า “ในช่วงที่ผ่านมานี้ด้วยเรื่องของกระโหลกมนุษย์ปักกิ่งทำให้มีผู้คนมากมายรายงานเรื่องนี้กับภาครัฐ

มันเป็นคลื่นทีซัดกระน่ำซัดใส่พวกเราเรื่อยเลย จนไม่สามารถหยุดได้แล้ว ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้จะดีหรอคะ”

 

“อย่ากังวลไปเลยน่า ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อย่างใส่ใจพวกนั้นเลย ยิ่งปัญหามามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีมาเท่านั้น ผมเองก็คิดไว้แล้วนะว่าแค่ภาพถ่ายของโครงกระดูกพวกนั้นยังไม่มีใครกล้าจะแตะต้องเลย

นับประสาอะไรกับของจริง ตอนนี้เราก็แค่นับมันมาโชวเรียกกระแสเฉยๆ

ถ้ามีใครต้องการครอบครองมันจริงก็เปิดการประมูลที่ 1 ล้านล้านหยวนไปเลย” ซูจิ้งพูดอย่างสบายๆ

 

“เข้าใจแล้วค่ะ” เฉิงหนานพยักหน้ารับตาม หลังจากนั้นเธอก็ทำการรายงานสถานการณ์ของกิจการและสรุปการดำเนินงานพวกธุรกิจขั้นต่อไปให้ฟัง

หลังจากนั้นเธอได้กลับไปเพื่อที่จะเตรียมตัวจัดการส่วนสุดท้ายก่อนที่จะถึงงานเปิดโรงประมูล พอนึกถึงว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาได้จัดการกวาดของในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯ จนเกลี้ยงแต่ยังไม่ได้อะไรเพิ่มเลย

เขาเช็คดูครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจัดการกวาดทั้งหมดลงไปในประตูแยกปฏิสสารจนตอนนี้เกลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เขายังไม่คิดจะไปโรงประมูลในทันที เอาจริงๆเขาไม่คิดจะไปเลยด้วยซ้ำ

 

ขณะเดียวกันได้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกัน พวกเขาคนจากโรงประมูลว่านเป๋าประกอบด้วยเจ้าของและผู้จัดการของที่นั่น

“ซูจิ้งถึงขนาดกล้าจัดการประมูลกระโหลกและโครงกระดูกมนุษย์ปักกิ่ง ไม่กลัวตายเลยแหะ ไม่คิดเลยว่าโรงประมูลของเขาจะต้องปิดเร็วขนาดนี้”

“มีคนมากมายต่างรายงานเรื่องนี้กับภาครัฐไปแล้ว ว่าซูจิ้งได้ครอบครองกระโหลกมนุษย์ปักกิ่งแต่ก็ยังไม่มีการถูกภาครัฐยึดคืน

แสดงว่าต้องมีคนหนุนหลังอย่างดีแน่นอน ยังไงซะก็อีกไม่นานนักหรอก พวกปักกิ่งไม่ตลกกับเรื่องนี้แน่นอน”

 

“ฉันคิดว่าเขาไม่คิดจะขายมันจริงๆหรอกนะ เขาน่าจะแค่นำมาสร้างกระแสแล้วก็เก็บกับไปมากกว่า”

 

“ถ้าอย่างนั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะว่าหลายๆคนถือว่ามันเป็นสมบัติของชาติไปแล้ว ถ้าทำอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นการกบฎอย่างแท้จริง แล้วฉันก็รู้มาอีกว่าเขาเองก็ได้ติดต่อพวกเศรษฐีไว้พอสมควร ดูจากสภาพการณ์แล้ว ดีไม่ดีโรงประมูลห้วงเวลาและกาลอวกาศอาจจะไม่ได้เปิดซะด้วยซ้ำ”

 

“ซงเหลานายคิดว่ายังไงมั่ง” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีหน้าทรงผลไม้หันไปถามซงเหลา ตอนนี้เฉินฮงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเพราะว่า ด้วยเรื่องสัญญาการทำงานเขาเลยออกจากว่านเป๋าไปอยู่กับโรงประมูลห้วงเวลาฯ เรียบร้อยแล้ว

 

“มันก็พูดอยากแหะ…” ซงเหลาเองไม่มีทางเลือกได้แต่ตอบออกมา ความจริงแม้แต่เจ้าของโรงประมูลเองก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเองก็ตั้งใจจะออกไปจากที่นี่

 

“ฉันล่ะอยากเห็นจริงจริงว่าโรงประมูลจะสำเร็จด้วยดี นึกถึงของประมูลดีๆจากรายการนั่นแล้วจะไม่มีทางถูกประมูลในราคาที่สูงได้แล้วรู้สึกปวดใจจริงๆ ก็ไม่แน่นะหมอนั้นอาจยกเลิกกลางคันแล้วหันมาร่วมธุรกิจกับเราใหม่อีกครั้ง” ชายหน้าผลไม้ได้พูดออกมาอย่างจงใจพลางหันไปทางเฒ่าซง เฒ่าซงก็พอรู้ตัวอยู่บ้างว่าโดนแขวะอยู่

 

สองวันต่อมา นี่คือวันแรกที่โรงประมูลห้วงเวลาและอวกาศเปิดอย่างเป็นทางการ โรงประมูลทั้งหลายต่างส่งคนมาสอดแนม รวมถึงโรงประมูลว่านเป๋าด้วย แต่ไม่ต้องพูดถึงการประมูลที่ยังไม่เริ่มขึ้น แค่แขกที่มาก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงได้แล้ว

นั่นก็เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นคนรวยและนักสะสมมีอันดับกันทั้งนั้น ขนาดโรงประมูลว่านเป๋าเปิดประมูลครั้งใหญ่คนพวกนี้ยังไม่ยอมโผล่หน้าไปให้เห็นเลยด้วยซ้ำ

แต่พวกเขากลับถูกยั่วยวนโดยสมบัติในงานประมูลครั้งนี้ นี่แค่เป็นงานเปิดตัวโรงประมูลใหม่แต่กลับมีแขกคนสำคัญมากมายขนาดนี้ต้องเป็นเพราะกระโหลกมนุษย์ปักกิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

 

หลังจากเริ่มการประมูล เหล่าผู้คนที่เข้ามาต่างก็ต้องตกตะลึงในสิ่งที่เห็น การตกแต่งภายในโรงประมูลล้วนแล้วแต่ถูกจัดวางได้สุดยอด เหมือนกับมีมืออาชีพมาอาศัยอยู่ในที่นี่เป็นปกติเลยก็ว่าได้

ไม่เหมือนกับโรงประมูลที่เปิดใหม่ทั่วๆไป แม้แต่ผู้จัดการและพนักงานแค่เห็นก็รู้ได้เลยว่าต้องเป็นระดับมืออาชีพ

แถมสิ่งของที่วางโชว์นั้นก็ล้วนแล้วแต่น่าอัศจรรย์ในอย่างที่สุด ถึงแม้จะได้ยินมาบ้างแล้วแต่พอเห็นกับตาตัวเองทำเอาอึ้งพูดไม่ออกกันไปเลย

ราคาของสินค้าที่ถูกนำมาประมูลต่างพุ่งสูงอย่างต่อเนื่องทุกๆชิ้น แถมบรรยากาศการประมูลยังดุเดือดเลือดพล่านอย่างมาก

 

สมบัติที่ถูกนำมาประมูลทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นเลิศ แถมคนที่มาร่วมประมูลอย่างพวกเศรษฐี นักสะสม และแขกทั่วไปก็สนใจพวกมันแทบจะเกือบทุกชิ้น

เทียบกับโรงประมูลทั่วไปแล้วให้บรรยากาศต่างกันสุดขั้ว อย่างตอนที่มีสมบัติพันปีออก บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที พักเดียวก็จบการประมูลที่ 120 ล้านหยวนไปแล้ว

ภาพที่ปรากฏต่อหน้าคนทั่วไปที่เห็นต่างตกตะลึง ที่สำคัญตอนที่รูปแกะสลักหินเหลืองมังกรและนกไฟนั่นออกมา มันสามารถทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไปที่ 480 ล้านหยวนเลยทีเดียว

บรรยากาศในการประมูลตอนนี้ยิ่งร้อนระอุมากขี้เรื่อยๆแล้ว แต่นี่ก็แค่การวอร์มก่อนของจริงเท่านั้น