เล่มที่ 19 ตอนที่ 27

Memorize

ตอนที่ 27 โดย ProjectZyphon

การคาดคะเนของซองฮยอนมินเห็นทีจะถูกต้องเป็นแน่แท้ เพราะทหารพันธมิตรส่วนหน้าจำนวนมากค่อยๆ เริ่มปรากฏโฉมให้เห็นเข้าทุกที แม้จะพินิจพิเคราะห์ดูเช่นไร จำนวนของพวกเขาก็มีอยู่มากกว่ากองพลฝั่งประตูตะวันออกถึงเท่าตัวเลยทีเดียว

แม้การบุกวิ่งเข้ามาของมันจะดูเป็นการกระทำที่บุ่มบ่ามก็จริง แต่ทว่าท่าทีของพวกมันนั้นเหมือนพยายามคุกคาม ข่มขู่อีกฝ่ายอย่างไรชอบกล

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เหล่าผู้เล่นบางส่วนเริ่มออกอาการสั่นให้เห็น มือที่จับคันธนูก็เกิดสั่นสะท้าน เสียงที่กำลังร่ายเวทอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างติดขัดเข้าที่ลำคอ

“ไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลย พวกเราสามารถชนะได้อยู่แล้ว เราจะเป็นวีรบุรุษในสมรภูมิรบครั้งนี้!”

และแล้วเหล่าศัตรูด้านหน้าจึงได้เผยโฉมออกมาให้เห็นในที่สุด

“เฮฮฮ!”

วินาทีที่พวกมันเข้ามาอยู่ในขอบเขตได้สำเร็จ ซองฮยอนมินจึงไม่รอช้า รีบตะโกนออกมาสุดเสียงเลยทันที

“ไม่ว่าใครหน้าไหนที่บุกเข้ามา ก็อย่าปล่อยให้มันพลาดออกไปแม้แต่คนเดียว! ทุกคนบุก!”

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลูกธนูที่ถูกเตรียมพร้อมไว้แต่แรกจึงได้ถูกยิงขึ้นทะลุฟ้า หลังจากนั้นลูกธนูที่ว่าก็ได้วาดตัวเป็นเส้นโค้ง แล้วจึงร่วงหล่นลงมาตกใส่พวกศัตรูที่กำลังโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

* * *

นั่นอะไรน่ะ

ในระหว่างที่ผมกำลังออกแรงวิ่งอยู่นั้น จู่ๆ ก็เกิดคำถามเกี่ยวกับจำนวนศพที่เพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทั่วทุกสารทิศมีแต่ลูกธนูและเวทมนตร์กระจายอยู่ให้ว่อน ผืนดินเบื้องล่างร้าวแยกออกจากกัน ส่วนศพที่เห็นอยู่ตรงเบื้องหน้านี้ แทบจะเป็นทหารพันธมิตรไปเสียหมด

ความจริงแล้วผมตั้งใจว่าจะไล่ล่าไซม่อน แต่แล้วสถานที่ที่ผมกำลังวิ่งผ่านอยู่ในขณะนี้ กลับกลายมาเป็นอุปสรรคขวางกั้นไปเสียได้ แม้ผมจะสามารถวิ่งผ่านไปได้อย่างรวดเร็วเหมือนวิ่งทางตรงเฉยๆ ก็ตาม แต่แล้วผมก็คิดว่ายิ่งวิ่งออกไปข้างหน้ามากเท่าใด พวกศัตรูที่รอผมวิ่งผ่านอยู่เบื้องหน้าก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก กำลังพลของเราตอนนี้ยิ่งลดน้อยถอยลงไปอยู่ด้วย

ทว่าผมก็มองไม่เห็นพวกศัตรูแต่อย่างใด หมายความว่า…

อ๋อ

พอผมสามารถวิ่งฝ่าทะลุกองศพออกมาได้สำเร็จ ผมก็พอจะรู้คำตอบที่แท้จริงแล้วล่ะ เพราะผมเห็นภาพเหตุการณ์การต่อสู้อยู่ไกลๆ ด้วยตาของตัวเอง ภาพที่เหล่าผู้เล่นกับทหารพันธมิตรฟาดฟันกันจนแยกไม่ออกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนกำลังบอกให้ผมรู้ว่ากองกำลังเสริมได้เดินทางมาถึงแล้วนั่นเอง

จริงๆ ก็มาถึงได้แล้วนี่ แต่…

ถ้าอย่างนั้นกองทหารที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ จะใช้กองกำลังสนับสนุนหรือเปล่า หรือว่าเส้นทางของพวกเร่ร่อนถูกตัดขาดไปแล้วเรียบร้อยกันแน่

แม้ผมจะยังสงสัยอยู่บ้าง แต่แล้วเสียงอาวุธของแต่ละฝ่ายที่กระทบกระทั่งเข้าหากันก็ได้ดังใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงรีบสะบัดหัวตัวเองอย่างว่องไว

อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าดีแล้วล่ะ เหล่าผู้เล่นของกองพลฝั่งประตูตะวันตกอาจจะคิดว่าผมไร้น้ำใจก็ได้ แต่สำหรับผมแล้วนั้น สถานการณ์ในขณะนี้เราไม่จำเป็นที่จะต้องทำดีใส่กันต่อไปอีกแล้ว

ไหนจะไซม่อนที่หางโผล่ จนต้องวิ่งหางจุกตูดหนีไป ส่วนเหล่าศัตรูก็กำลังชุลมุนวุ่นวาย วิ่งขัดขวางไปทั่วทุกหนแห่งในสมรภูมินี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้ว มันก็ยังจะพอมีที่ที่จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของพวกศัตรูอยู่ โดยที่แห่งนี้นั้นจะไม่ต้องพบเจอกับอุปสรรคขวางกั้นใดๆ อีกทั้งยังสามารถบุกเข้าไปได้เลยด้วยซ้ำ

ผมกังวลอยู่ชั่วครู่ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป แต่แล้วผมก็ตัดสินใจว่าจะบุกสมรภูมิรบเข้าไปทั้งอย่างนี้นี่แหละ

แม้การมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งจะยังคงทำงานอยู่ตลอดจนกระทั่งเมื่อครู่ แต่แล้วนัยน์ตาปีศาจของไซม่อนก็ยังคงจ้องมองมาทางผมเหมือนเดิม ไม่มีเสื่อมคลาย ท่าทางดูเหมือนกับว่าเขารู้ดีอยู่แล้ว ว่าอย่างไรผมก็จะต้องโดนฆ่าตายอย่างแน่นอน

แต่เท่าที่ผมจำได้นั้น ไซม่อนไม่ใช่นักสู้ระยะประชิดแต่อย่างใด หากจะแจกแจงให้ชัดเจน ก็เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคลาสนักเวทล่ะมั้ง หากไม่มีการขวางกั้นของพวกศัตรูที่วิ่งกรูเข้ามาเหมือนผีเสื้อบินหึ่ง ผมก็มั่นใจว่าจะสามารถจับตัวมันได้ภายในเวลาสิบนาทีอย่างแน่นอน

พายุฝุ่นละอองก่อตัวหนาทึบอยู่ตรงเบื้องหน้า ผืนดินที่ผมกำลังเหยียบย่ำอยู่ในขณะนี้ ช่างเหือดแห้ง ไม่มีความเปียกชื้นใดๆ เลยแม้แต่น้อย

ในพายุฝุ่นละอองเช่นนี้ มีการต่อสู้อันแสนดุเดือดซุกอยู่ข้างใน ผมจึงไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปทันที

ทั้งนี้ก็เพื่อประวิงเวลาสองปีที่กว่า

ผมฝ่าตัวเองเข้าไปในพายุฝุ่นหนาทึบตรงหน้า พอออกมาได้สำเร็จ จึงพบกับภาพเหตุการณ์การต่อสู้อันแสนชุลมุนวุ่นวายปรากฏอยู่เต็มสองตา ที่บอกว่าเป็นการต่อสู้อันแสนชุลมุนวุ่นวายก็เพราะว่า สมรภูมิรบแห่งนี้ต่างเต็มไปด้วยคลาสนักสู้ระยะประชิด เสียงโลหะกระทบกระทั่งซึ่งกันและกันดังขึ้นไปทั่วทุกหนแห่ง ไหนจะประกายไฟจำนวนมากที่พวยพุ่งออกมาให้เห็นอยู่แทบทุกวินาที

สภาพสมรภูมิรบนั้นดูคล้ายคลึงกันไปหมด แม้จะมองแค่แวบเดียวก็ตาม

ด้วยความที่ทหารพันธมิตรมีทั้งจำนวนกำลังพลและมีพละกำลังเหนือชั้นมากกว่า จึงทำให้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงที่เริ่มผลักดันรุดหน้าต่อไป ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะข้ามผ่านสนามนี้ไปได้อย่างง่ายดายเหมือนดังเช่นที่ได้ข้ามผ่านทุ่งกว้างมาเมื่อสักครู่นี้ เพราะเมื่อนำเหล่าผู้เล่นฝั่งตะวันออกมาเทียบกับทหารพันธมิตรที่บุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปไม่ยั้งคิดเช่นนั้น จะเห็นได้ชัดเจนว่า เหล่าผู้เล่นฝั่งตะวันออกนั้นดูมั่นคงมากกว่า อีกทั้งยังสามารถตอบโต้ รับมือได้มีประสิทธิภาพมากกว่าอีกด้วย

จากการที่ได้ดูสภาพสมรภูมิรบในตอนนี้จะเห็นได้ว่ามีเพียงแค่จำนวนกำลังพลเท่านั้นที่มีความแตกต่างให้เห็นอย่างชัดเจน หากลองคิดถึงศพของพวกทหารสัมพันธมิตรที่เห็นจากสถานที่ที่วิ่งผ่านมานั้น แม้ฝั่งตะวันออกจะรับปากว่าจะยื่นมือมาช่วย ก็คงไม่เสียหายอะไร

อย่างไรก็ตาม ผมจำต้องหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้

ผมตั้งดาบให้กลับมาตรงอีกครั้ง และใช้สายตา สมาธิจดจ้องไปตรงหน้า พวกศัตรูเฉียดกรายเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จากที่ผมเคยเห็นพวกมันอยู่ไกลๆ บัดนี้ยิ่งระยะทางเข้าใกล้ไปมากเท่าไหร่ ภาพตรงหน้าก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัดมากยิ่งขึ้น หนึ่งคนที่อยู่ในนั้นพลันมีสีหน้าปั้นปึ่งขึ้นมาทันที คงเพราะเห็นผมเข้าแล้วสินะ

“พวกเร่ร่อนมันไปอยู่ไหนกันหมด!”

ฉับ!

ผมวิ่งผ่านร่างเจ้าหมอนั่นไป พลางใช้ดาบที่อยู่ในมือเฉือนคอของมันเสีย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ศีรษะของมันทะยานสูงขึ้นสู่ฟ้าทันที เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่มันเกิดความสับสนงุนงง ดูท่าว่าจะเข้าใจผิด คิดว่าผมเป็นพวกเร่ร่อนเสียแล้ว

ในตอนนั้นเอง

โฮกกก!

เสียงแผดร้องคำราม ราวกับสัตว์ประหลาดกรีดร้อง ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทุกมุมของสมรภูมิรบ ผมได้ยินเช่นนั้นจึงหันหน้าไปยังต้นเสียงทันที แล้วจึงพบกับภาพเหตุการณ์ประหลาดเข้าอย่างจัง

ขบวนแถวของฝั่งตะวันออก จากที่เคยแออัดไปด้วยกำลังพล บัดนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว และจุดสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ก็คือ มี ‘สัตว์ประหลาด’ ยืนอยู่จริงๆ เข้าให้แล้ว

 สูงประมาณห้าเมตรเห็นจะได้ รูปพรรณสันฐานของมันเหมือนกับจิ้งเหลน มีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยปกคลุมไปทั่วทั้งตัว และตอนนี้มันกำลังอาละวาดอย่างบ้าระห่ำ

มันใช้เล็บยาวๆ ของมันกวาดกำลังพลส่วนหน้าทุกหมู่เหล่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ขบวนแถวที่แออัดไปด้วยกำลังพลเกิดช่องโหว่ใหญ่ๆ ขึ้นมา

แม้เจ้าจิ้งเหลนประหลาดนั่นจะนำทัพมา จนเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ แต่แล้วพวกศัตรูก็ไม่กลัวตาย วิ่งฝ่าเข้ามาทันทีอย่างไม่คิดชีวิต

เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นออกอาละวาดเหมือนหมูป่าคลุ้มคลั่ง โดยไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ขบวนแถวของฝั่งตะวันออกค่อยๆ แยกออกไปเป็นครึ่งต่อครึ่ง

ผมได้ยินเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องโหยหวนผสมปนเปกันไปหมด เส้นผมโบกสะบัดไปกับสายลม

ณ วินาทีนั้น มีความคิดบางอย่างเฉียดผ่านเข้ามาในหัวของผม จึงได้เริ่มหันเหทิศทาง แล้วออกวิ่งไปอย่างสุดกำลัง

“นักบวช! นักบวชอยู่ไหน!”

“ระดมยิง! ระดมยิงไอ้สัตว์ประหลาดนั่นซะ!”

ระยะทางของเจ้าอสูรกายร้ายนั่น อยู่ที่สี่สิบเมตร ผมเห็นชายคุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่ง ยืนอยู่บริเวณที่มันกำลังออกอาละวาด เขากำลังกุมท้อง พลางล้มกระแทกตัวไปกับพื้น ไม่ผิดแน่ เขาคือซองฮยอนมิน

ฟิ้ว ฟิ้ว!

โฮกกก! โฮกกก!

ลูกธนูจำนวนมายิงเข้าไปปะทะเข้ากับเกล็ดของอสูรกายร้าย แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งมันเอาไว้ได้ เจ้าจิ้งเหลนคงจะรู้สึกระคายผิวเล็กน้อยเข้าให้แล้ว มันจึงแผดเสียงคำรามออกมาดังขึ้นอีก พลางสะบัดเท้าไปมา

ดินในทุ่งกว้างแห่งนี้ฟุ้งกระจายขึ้นสูงในชั่วพริบตา แกนโลกถึงกับสั่นสะเทือน ราวกับเกิดแผ่นดินไหวน้อยๆ การกระทำเช่นนี้ ส่งผลให้เหล่าผู้เล่นในละแวกนั้นต่างเสียสมดุล ล้มลงไปในที่สุด เจ้าอสูรกายร้ายเห็นเข้าดังนั้น จึงรีบยื่นมือเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“แม่จ๋าาา!”

เสียงกรีดร้องของคนวัยละอ่อนดังขึ้นกลางอากาศ ผู้หญิงคนหนึ่งถูกมันจับตัวเข้าจนได้ มันจึงยกตัวหล่อนขึ้นสูงเฉียดฟ้า หลังจากนั้นจึงกระชากหล่อนลงมาที่ผืนดินทันที ผมดูแล้วยังหวาดเสียวไม่หาย

พลั่ก!

เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างแตกหักดังสนั่น เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูดขึ้นมาราวกับน้ำพุ ภาพที่ปรากฏตรงหน้านี้ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน ศีรษะของเจ้าหล่อนแตกละเอียด สมองระเบิดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนแห่ง

และในตอนที่เจ้าอสูรกายร้ายนั่นเริ่มจ้องหาของเล่นชิ้นต่อไปนั้นเอง

ก็เป็นตอนเดียวกับที่ผมเดินมาถึงพอดี

ตรงนี้นี่เอง

ผมมองข้ามเจ้าอสูรกายร้ายนี่ไป พลางจดจ้องไปที่สถานที่ที่แยกห่างออกจากกัน หลังจากนั้นผมจึงใช้มือทั้งสองข้างจับเกียรติยศแห่งวิคตอเรียไว้แน่น ก่อนที่จะชูขึ้นเหนือหัว ผมใส่พลังเวทเข้าไปอย่างเต็มเปี่ยม แล้วจึงกระทืบเท้าอย่างรุนแรง ก่อนที่จะออกแรงทะยานขึ้นสู่เบื้องบนในทันที

ฮึบ!

ร่างกายทะยานขึ้นมาสู่เบื้องบนแล้ว พอผมก้มหน้ามองลงไป ก็เห็นเข้ากับอสูรกายร้ายได้อย่างชัดเจน เมื่อผมกระโดดขึ้นมาได้สูงระดับที่จะสูงไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว จังหวะนั้นเองศีรษะอันมีเกล็ดเงาเลื่อมก็เงยขึ้นมามอง ผมจึงรีบเหวี่ยงแขนไปด้านหลังให้ได้มากที่สุด และจึงเริ่มร่อนตัวลงสู่ผืนดิน พร้อมใช้ดาบกรีดร่างของมันอย่างสุดกำลัง

ซวกกก!

ปลายดาบอันแหลมคมที่ส่องแสงประกายออกมาให้เห็นได้บรรจงวาดเส้นสีขาวตามวิถีดาบ