ตอนที่ 28 โดย ProjectZyphon
ผมเหลือบเห็นความหวั่นวิตกปะทุอยู่ในแววตาของมันชั่วขณะหนึ่ง แต่แล้วมันคงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ จึงรีบขยับเขยื้อนร่างกายทันที ทำท่าเหมือนกับจะหนีให้ได้เสียอย่างนั้น
ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ เจ้าจิ้งเหลนตัวนี้ช่างเร็วเสียจริง อีกทั้งยังคล่องแคล่วอีกด้วย แต่ไอ้คำว่า ‘คล่องแคล่ว’ ที่มีอยู่สองพยางค์นี่แหละ มันไม่สามารถนำมาเทียบกับตัวผมได้เลยสักนิด
พรึ่บ!
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง เมื่อผมปลุกวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาขึ้นมา ศีรษะที่เต็มไปด้วยเกล็ดเงาเลื่อมของมันก็ปรากฏให้เห็นใกล้ๆ อยู่ตรงเบื้องหน้าทันที และเกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่ได้กรีดเนื้อของมันไปแล้วก่อนหน้านี้กำลังค่อยๆ แทงเข้าไปกลางกระหม่อมของมันช้าๆ
ผมรู้สึกเหมือนตัดโซ่ตรวนอยู่เลย
ผมร่อนลงสู่เบื้องล่างเหมือนโดยสารด้วยลิฟต์ ในทุกๆ ครั้งที่ผมไล้สายตามองลงก็จะได้เห็นเข้ากับผิวหนังเนื้อในสีแดงที่ปริแยกออกจากกัน
และเมื่อเท้าแตะสู่ผืนดินได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็จึงเห็นว่าร่างของเจ้าอสูรกายร้ายได้แบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างงดงาม ร่างกายของมันปริแยกออกจากกัน แล้วจึงล้มตึงไปในที่สุด
ของแถมที่ได้มาคือ ของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลเฉอะแฉะลงมาราวกับสายฝนที่ทำให้เปียกปอนไปทั่วร่าง
ผมกะพริบตาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น ศพของเจ้าอสูรกายร้าย จึงได้แปรเปลี่ยนมาเป็นเพียงเศษขี้เถ้า ก่อนที่จะถูกสายลมหนึ่งพัดปลิวมลายหายไป เรือนร่างอันใหญ่โตมโหฬารหายวับไปในพริบตา หลงเหลือไว้เพียงร่างอันไร้วิญญาณของบุคคลหนึ่งที่ร่างกายถูกฉีกขาด
ผู้เล่นครึ่งคนครึ่งสัตว์หรือเนี่ย เท่าที่จำได้…
“หยุด! อย่าโจมตี! พวกเราเอง!”
ในตอนนั้นนั่นเอง จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมากะทันหัน พอหันหน้าไปมอง ก็พบว่าเหล่าผู้เล่นมากมายกำลังเล็งอาวุธ พร้อมทั้งห้อมล้อมรอบกายผมอยู่ ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วก็มีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาผม ซองฮยอนมินนั่นเอง
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่! ใช่แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ไหมครับ”
ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่เขากลับมีฝ่ามืออันแสนนุ่มนิ่ม เขาใช้ฝ่ามือนั่นเข้ามาลูบไล้ใบหน้าของผม ก่อนที่ผมจะพยักหน้าตอบรับเสียอีก นัยน์ตาสีแดงเข้มค่อยๆ กลับคืนมาสู่สภาพปกติอีกครั้งหนึ่ง
“ชะ ใช่จริงด้วย เฮ้อ สุดยอดมากๆ เลยครับ! คุณสามารถจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้ภายในครา…”
“แคลนลอร์ฮันครับ ไม่ทราบว่าไซม่อนได้หนีมาทางนี้หรือเปล่าครับ”
“ครับ?”
ซองฮยอนมินมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ปริปากพูดออกมา ด้วยสีหน้าคับแค้นใจ
“อ๋อ ไซม่อนหรือ ถ้าพูดถึงผู้ปกครองแห่งทวีปตะวันตกล่ะก็…ดูเหมือนเราจะพลาด จนมันหนีออกไปได้ครับ ผมเองก็เฝ้าจับตามองอยู่แท้ๆ แต่กลับมีตัวแปรบางอย่างที่เข้ามาโดยไม่ทันคาดคิด…”
“ไซม่อนไปทางนี้หรือเปล่าครับ”
ผมพูดตัดบท แล้วถามกลับไปอีกครั้ง ซองฮยอนมินจึงปิดปากฉับชั่วครู่หนึ่ง แล้วเขาจึงจ้องหน้าผม พลางพยักหน้าตอบรับ
“จริงๆ ก็ไม่ชัวร์หรอกครับว่าใช่ไซม่อนหรือเปล่า ก่อนที่จะจับตัวมาได้ จู่ๆ ก็มีเจ้าหนุ่มคนหนึ่งแปลงกายเป็นสัตว์ประหลาด แล้วก็มีผู้เล่นอีกคนหนึ่งที่ได้รับการคุ้มกันจากพรรคพวกของมัน มันเลยฉวยโอกาสหนีออกไป”
“ทราบแล้วครับ ถ้างั้น…”
“หากคุณคิดจะไล่ล่ามันล่ะก็ รอให้กองกำลังเสริม… คะ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
“ไม่จำเป็นครับ”
การต่อสู้ในขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงจุดพีคก็จริง อีกทั้งซองฮยอนมินยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ผมผลักนักบวชที่มุ่งตรงเข้ามาหาไปอย่างเบาๆ และจึงไม่รอช้า เริ่มวิ่งออกไปยังเส้นทางที่แยกออกจากกัน และตอนนี้กำลังจะกลับมาเชื่อมติดอีกครั้ง
เป็นที่ยืนยันแน่นอนแล้วว่า มันสามารถหนีรอดออกไปได้ เพราะฉะนั้นหากผมสามารถหลุดพ้นเส้นทางนี้ออกไปได้ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้ ก็จะมีเพียงแค่การไล่ล่าตามหาตัวมัน อย่างที่ไม่มีใครสามารถขวางกั้นได้
เสียงร้องเรียกของซองฮยอนมินที่ดังไล่หลังมา ค่อยๆ แผ่วเบาลงไปตามลำดับ
* * *
ตึก ตึก ตึก! ตึก ตึก ตึก!
เหล่าผู้เล่นกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ในป่าใหญ่ จำนวนคนน่าจะประมาณร้อยกว่าคนเห็นจะได้ ทั่วทั้งร่างกายของพวกเขาต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน พวกเขากำลังออกแรงวิ่งออกไปเรื่อยๆ พลางใช้สายตาอันเฉียบแหลมสอดส่องไปทั่วทุกสารทิศ แต่ทว่าก็ไม่ได้วิ่งเร็วอะไรมากมายนัก เพราะต้องคุ้มกันเจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบอยู่ตรงกึ่งกลาง
“แฮ่ก แฮ่ก! ดะ เดี๋ยวก่อนครับ!”
เจ้าหนุ่มนั่นเอื้อนเอ่ยประโยคข้างต้นออกไป ทำให้คนที่เหลือหยุดการเคลื่อนไหวในพริบตา
“แฮ่ก! วิ่งต่อไป แฮ่ก แฮ่ก! วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วครับ หยุดรออยู่ที่นี่ก่อนได้ไหมครับ”
“หยุดรอเหรอครับ”
ชายผู้หนึ่งถามกลับไป เจ้าหนุ่มนั่นหอบแฮกๆ แล้วส่งยิ้มไปให้ พร้อมตอบกลับมาว่า
“อ้า ครับ บางทีอาจจะมีเพื่อนๆ ที่หลุดออกมาอีกก็ได้นี่ครับ ฝั่งเราจะได้อยู่รอฟื้นฟูความแข็งแกร่งด้วยเลยไงครับ”
ชายผู้นั้นพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ คลาสนักเวทนั้นขาดแคลนความแข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และถ้ายังมีสหายที่วิ่งตามไล่หลังมาอีก บางทีกำลังของฝ่ายตัวเองอาจจะเพิ่มขึ้นอีกนิดก็ได้
“ขอให้ทุกคนพักผ่อนกันตามสบาย เพราะการวิ่งหนีมันยังไม่จบอยู่เพียงเท่านี้หรอกครับ ฮ่าๆ”
เจ้าหนุ่มนั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแสนอ่อนโยน เหล่าผู้เล่นที่ได้ยินดังนั้น จึงได้แต่มองตากันปริบๆ ก่อนที่จะเริ่มนั่งลงกับพื้น พวกเขาถอนหายใจหนักๆ ออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ความทุกข์ใจปรากฏให้เห็นเด่นชัดอยู่บนใบหน้า
ในตอนนั้น ชายคนเมื่อครู่ก็ได้ยันกายลุกขึ้น ก่อนที่จะสาวเท้าเข้ามาหาเจ้าหนุ่มน้อย
“ไซม่อน ตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไปล่ะครับ”
ถูกต้องแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของหนุ่มน้อยคนนั้นคือ ไซม่อน ไครมส์ ผู้สามารถฝ่าวงล้อมที่ซองฮยอนมินสร้างขึ้นมาได้อย่างหวุดหวิด
“นั่นน่ะสิ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะกลายมาเป็นแบบนี้ไปซะได้ พวกเขาคิดจะปิดกั้นเส้นทางถอยทัพของสงครามในครั้งนี้จริงๆ…”
ไซม่อนเลียริมฝีปาก ก่อนที่จะหยุดพูดประโยคท้ายไปเสียดื้อๆ
มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน แค่ตีกำแพงมันให้แตกแล้วหนีรอดออกมาได้ เท่านี้ก็โอเคแล้ว แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่สถานการณ์ทางสงครามกลับค่อยๆ แปลกขึ้นเรื่อยๆ และ ณ วินาทีที่กองกำลังเสริมเดินทางมาถึง สถานการณ์สงครามยิ่งพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
ความจริงแล้ว พวกทหารพันธมิตรคงนึกว่าตัวเองสามารถวิ่งผ่านจุดต่างๆ เข้ามาได้แล้ว แต่พวกเขาคงไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีการปิดกั้นเส้นทางไม่ให้ถอยทัพกลับแบบนี้อยู่ด้วย
ถึงจะบอกว่าสามารถฝ่าฟัน หลุดรอดมาได้ก็จริง ทว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมันยิ่งใหญ่มากๆ ในช่วงแรกนั้น ทหารพันธมิตรมีจำนวนมากถึงห้าพันคนเลยทีเดียว แต่แล้วกลับลดลงเหลือเพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้นเอง
แน่นอนว่าที่เหลืออยู่หนึ่งร้อยคนก็มไม่ได้มีชีวิตอยู่รอดแต่อย่างใด เพราะระหว่างการต่อสู้นั้น พวกเขาต่างจำต้องขวนขวายหาหนทางรอดชีวิตกันเอาเอง จึงได้แตกกลุ่มกระจายกันออกไป ในท้ายที่สุดแล้วจะมีคนเดินทางกลับทวีปตะวันตกอย่างอยู่ปลอดภัยสักกี่คนกัน
แม้จะต่างคนต่างคิด แต่พวกเขาคงรู้สึกได้แต่ผลด้านลบ จึงทำให้เหล่าผู้เล่นทวีปตะวันตกเริ่มหน้าดำคร่ำเครียด
ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วอาณาบริเวณนั้นไปชั่วขณะ ไม่มีใครสักคนปริปากพูดเลยแม้แต่คนเดียว
“เอาล่ะ เริ่มลุกแล้วไปต่อกันเลยดีไหมครับ”
ในตอนนั้น เสียงอันแสนสบายอุราก็ได้ดังขึ้นไปทั่วอาณาบริเวณ น้ำเสียงของเขาฟังแล้วช่างสบายอกสบายใจเสียจริง อีกทั้งเขายังพูดออกมาอารมณ์ประมาณว่า อาจจะยังมีพวกเราซ่อนตัวอยู่ก็ได้ เพราะฉะนั้นก็อย่ากังวลมากไปให้คนอื่นๆ ได้ยินอีกด้วย
“พอจะออกวิ่งต่อไปได้อีกครั้งไหมครับ”
ชายผู้นั้นได้รับกำลังใจอย่างเปี่ยมล้น จึงได้ลุกขึ้น ยันกายตรงขึ้นมาทันที แล้วจึงส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้ไซม่อน
“อ๋อ มีแขกที่ทุกคนเฝ้ารอมาแน่ครับ จริงๆ ก็อยากจะพักต่ออีกสักหน่อยนะ แต่ดูเหมือนเขาจะมาถึงพอดี ไหนดูหน่อยซิ”
ชั่วขณะนั้น ลูกตาของไซม่อนจึงได้แปรเปลี่ยนมาเป็นสีแดงเพลิง ไม่รู้ว่าเขากำลังจดจ้องกับสิ่งใดอยู่ ถึงทำให้รูม่านตาสีดำหรี่ลงเสียขนาดนี้
เปรี๊ยะ!
“อึก”
แต่แล้วไซม่อนกลับรีบก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว เขาขยี้ตาแรงๆ ก่อนที่จะมีสีหน้าเจื่อนๆ ลูกตากลับคืนมาเป็นสีดั้งเดิมได้อีกครั้งตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้
“แขกที่ทุกคนเฝ้ารอหรือครับ หรือว่าจะเป็นสหาย…”
“ไม่ครับ เป็นสัตว์ประหลาด”
คำตอบที่ตอบกลับไป ทำเอาชายผู้นั้นหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะไม่เข้าใจในคำตอบนั้น
ในตอนนั้นเอง
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงดังลั่นสนั่นป่าใหญ่อันเงียบสงบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นคงได้ยินเสียงดังกล่าว จึงทำให้จากสีหน้าที่ดูผ่อนคลาย จำต้องแปรเปลี่ยนมาเป็นความหวาดระแวงเสียแทน
“ระวัง!”
กำลังพลจำนวนหนึ่งร้อยนายลุกขึ้นมาทันทีทันใด ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองร่างของชายหัวดำผู้หนึ่งค่อยๆ ปรากฏกายออกมาให้เห็น เหล่าผู้เล่นเห็นดังนั้น จึงเริ่มส่งเสียงฮึมฮัมออกมาอย่างแผ่วเบา
ผู้ชายคนดังกล่าวก็คือ มนุษย์เลือดนั่นเอง ไม่ได้เลอะเลือดเป็นดวงๆ แต่อย่างใด เพราะตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเขานั้น ต่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด ดูเหมือนเพิ่งไปแหวกว่ายอยู่ในทะเลแห่งสายเลือด แล้วจึงค่อยออกมาพบปะผู้คน
ท่วงทำนองการก้าวเดินเข้ามาอย่างต่อเนื่องของชายผู้นั้น สุดท้ายแล้วก็มาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของเหล่าผู้เล่นหนึ่งร้อยคน
ไม่ว่าจะมองอย่างไร เหล่าผู้เล่นทวีปตะวันตกต่างคิดว่าชายผู้นี้คงไม่ใช่พรรคพวกตัวเองแต่อย่างใด พวกเขาจึงได้คว้าอาวุธมาถือไว้ในมือ พลางมีสีหน้าเคร่งเครียด และในห้วงเวลาที่กำลังรอคำบัญชาจากผู้ปกครองแห่งทวีปอยู่นั่นเอง จู่ๆ ไซม่อนก็โผล่พรวด ออกมายืนอยู่ข้างหน้า
“ทุกคนหยุด”
“ไซม่อน ไครมส์?”
“ชายตรงหน้าคือสัตว์ประหลาดครับ พวกคุณไม่สามารถต่อสู้กับเขาคนนี้ได้หรอก ลองกระโจนเข้าใส่เขาดูสิ ได้ตายแน่ๆ ครับ”