ตอนที่ 549 น้ำมันฤทธานุภาพ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ผู้ดำเนินการของงานประมูลพยักศีรษะเล็กน้อยอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน

ใครบางคนเพิ่งเสนอเพิ่มน้ำมันฤทธานุภาพนี้ลงในรายการของประมูลอย่างกะทันหัน

แม้ไม่ทราบตัวตนของคนผู้นั้นและไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อันใด ทว่าเถ้าแก่มั่นใจว่ามันจะไม่เป็นผลเสียใด ๆ ต่อโรงประมูลของพวกเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ราคาประมูลของน้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้ก็ไม่มีทางต่ำอย่างแน่นอนและนั่นจะนำพาผลประโยชน์มาสู่โรงประมูล เพราะเหตุนั้นเถ้าแก่จึงไม่ลังเลและเพิ่มน้ำมันฤทธานุภาพดังกล่าวลงในรายการของประมูลเป็นกรณีพิเศษทันที

“น้ำมันฤทธานุภาพ ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นหินผลึกและเกณฑ์ขั้นต่ำในการเสนอราคาคือหนึ่งพันหินผลึก เริ่มประมูลได้ !”

เขากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทว่าน้ำเสียงบ่งบอกถึงความมั่นใจในราคาของน้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้อย่างยิ่ง ราคาประมูลสุดท้ายของสิ่งของล้ำค่าและหายากเช่นนี้จะต้องอยู่ที่หลายแสนหินผลึกเป็นอย่างต่ำ ราคาเริ่มต้นหนึ่งหมื่นหินผลึกเป็นเพียงราคาที่ตั้งไว้เพื่อกระตุ้นให้มีผู้เข้าร่วมการเสนอราคามากขึ้นเท่านั้นและราคาของมันก็จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทุกคนมองตรงไปที่น้ำมันฤทธานุภาพอย่างมิอาจห้ามใจ เมื่อได้ยินราคาเริ่มต้นจากเถ้าแก่โรงประมูล พวกเขาก็ขานราคากันอย่างรวดเร็วและไม่ยอมน้อยหน้าใคร

ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ ราคาประมูลของน้ำมันฤทธานุภาพนี้ก็เพิ่มขึ้นจากราคาตั้งต้นหนึ่งหมื่นหินผลึกไปถึงหลักแสนอย่างรวดเร็วและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือเพิ่มขึ้นช้าลง

ช่างหลอมระดับสูงล้วนร่ำรวยมั่งคั่งทั้งสิ้นและงานประมูลครานี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่อยู่บนชั้นสองของโรงประมูลก็น่าจะเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่งจากขุมกำลังใหญ่ ๆ ทั้งหลายซึ่งไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินเลย เพราะเหตุนั้น การขานราคาประมูลน้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้จึงดุเดือดเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับช่างหลอมอุปกรณ์ น้ำมันฤทธานุภาพเป็นดั่งอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสำคัญ มันสามารถพัฒนาคุณสมบัติของสิ่งหลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มอัตราความสำเร็จในการหลอมของสิ่งนั้น ไม่ว่าสำหรับช่างหลอมคนใด ของสิ่งนี้ถือว่าประเมินค่ามิได้

“สองแสนหินผลึก !”

หลังจากราคาประมูลพุ่งสูงต่อไประยะหนึ่ง ใครบางคนบนชั้นที่สองก็อดใจไม่ไหวและกล่าวเสนอราคาออกไป

อย่างไรก็ตาม ห้องแยกของคนผู้นั้นอยู่ไกลจากห้องของฉินอวี้โม่พอสมควรและมันมิใช่ห้องของหานซื่อซึ่งอยู่ติดกับห้องของนาง ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยได้ยินเสียงของคนผู้นั้นมาก่อนและไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร

“สำหรับน้ำมันฤทธานุภาพที่ล้ำค่าเช่นนี้ สองแสนหินผลึกถือว่าเป็นราคาที่ถูกเกินไปจริง ๆ”

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นทว่าเป็นเสียงที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ฟังดูคุ้นหูเล็กน้อย

“สามแสนหินผลึก”

ราคาประมูลดังกล่าวทำให้หลายคนในห้องโถงที่กำลังเตรียมเสนอราคาของตนถึงกับท้อแท้และหมดกำลังใจจนถอนตัวจากการประมูล

“นั่นฟังดูเหมือนกับเสียงของท่านปู่เยว่เหยาเลย”

ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งเพื่อนึกย้อนไปว่าเคยได้ยินเสียงนี้จากที่ใดและเจ้าของเสียงดังกล่าวก็มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นอดีตประธานสมาคมช่างหลอมในดินแดนหวนหลิงและเป็นอาจารย์คนแรกของฉินอวี้โม่ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเป็นท่านปู่ของเยว่ชิงเฉิง—เยว่เหยา

“ครานี้มีหลายคนจากนครล่าฝันที่เดินทางมาที่นี่ ดูเหมือนว่าจะนำโดยปรมาจารย์เยว่เหยา ชิงเฉิงและชิงเฟิงก็เหมือนจะมาเช่นกัน”

ฉินอี้เฟยพยักศีรษะและกล่าวข่าวสารที่เขาได้ยินมาเพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานของฉินอวี้โม่

เมื่อทราบว่าเยว่เหยาและสหายของตนเป็นตัวแทนจากนครล่าฝันในครานี้ ฉินอวี้โม่ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยในขณะที่คิดว่าจะไปเยี่ยมเยือนพวกเขาหลังจากนี้

“ฮ่า ๆ ๆ สามแสนหินผลึกก็มิใช่ราคาที่สูงเช่นกัน”

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ครานี้ฉินอวี้โม่และทั้งสามได้ยินอย่างชัดเจนว่าดังมาจากห้องถัดไปนี่เอง

“ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดหานซื่อก็ทนไม่ไหวและติดกับของเราแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงของหานซื่อ เสี่ยงโร่วก็กล่าวพร้อมหัวเราะออกมา

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ยิ้มอย่างเข้าใจกันขณะรอฟังราคาประมูลของหานซื่อ ครานี้เขาจะต้องสูญเสียหินผลึกเป็นจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน

“ห้าแสนหินผลึก !”

ในฐานะคุณชายรองของหนึ่งในตระกูลลับอย่างตระกูลหาน หานซื่อจึงร่ำรวยมั่งคั่งอย่างมาก ทันทีที่เขาเอ่ยปากออกไป เขาก็เสนอราคาประมูลน้ำมันฤทธานุภาพเพิ่มขึ้นจากเดิมสองแสนหินผลึกจนราคากลายเป็นห้าแสนหินผลึกในทันที

ราคาห้าแสนหินผลึกถือเป็นราคาที่สูงสำหรับช่างหลอมธรรมดาทั่วไป เพราะเหตุนั้นเมื่อได้ยินราคานี้ ช่างหลอมหลายคนจึงถอดใจและไม่สู้ราคาอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่างานประมูลครานี้มีช่างหลอมระดับสูงมากหน้าหลายตา และสำหรับพวกเขานั้นมูลค่าห้าแสนหินผลึกนี้มิใช่ราคาที่สูงเท่าใดนัก

“ห้าแสนห้าหมื่นหินผลึก !”

บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งขานราคาออกมาทันทีโดยไม่หวาดหวั่นต่อหานซื่อหรือราคาประมูลของเขา

“หกแสนหินผลึก !”

บุรุษอีกคนหนึ่งไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน น้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้จะช่วยให้เขาสร้างผลงานได้ดีขึ้นในงานรวมพลช่างหลอมที่กำลังจะมาถึง เพราะเหตุนั้นเขาจึงต้องครอบครองมันมาให้จงได้

“แปดแสนหินผลึก !”

บนชั้นที่สอง บุรุษจากในห้องแยกอีกห้องหนึ่งกล่าวขานราคาออกมา

แปดแสนหินผลึกถือเป็นราคาที่น่าหวาดกลัวมากแล้ว สำหรับขุมกำลังขนาดเล็กหลายแห่ง แปดแสนหินผลึกนี้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลานานหลายปี

“หนึ่งล้านหินผลึก !”

หานซื่อไม่ลังเลและขานราคาออกไปอีกครั้งซึ่งทบจากของเดิมถึงสองแสนหินผลึก

คนส่วนใหญ่ในที่นี้ไม่ทราบตัวตนของหานซื่อ ทว่าการขานราคาสูงอย่างไม่ลังเลของเขาทำให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกได้ว่าตัวตนของคนผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงจะไม่มั่งคั่งจนสามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้

“หนึ่งล้านหินผลึก ! นี่มันบ้าไปแล้ว !”

ภายในห้องโถงชั้นล่าง ช่างหลอมคนหนึ่งถอนหายใจยาวก่อนจะยอมแพ้และถอนตัวจากการประชันราคา

ใช่ว่าการประมูลน้ำมันฤทธานุภาพหนึ่งขวดในราคาหนึ่งล้านหินผลึกจะไม่คุ้มค่า ทว่าเขาเพียงไม่มีหินผลึกในจำนวนมากพอที่จะสู้ต่อไป มิฉะนั้นเขาคงสู้ยิบตาเป็นแน่ แม้เขาทราบดีว่าชั้นที่สองของโรงประมูลเป็นห้องพิเศษสำหรับผู้ที่ล้วนแต่ไม่ธรรมดา เขาก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัว

“หนึ่งล้านห้าแสนหินผลึก !”

หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบครู่หนึ่ง อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากห้องพิเศษ อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจเจือข่มขู่เล็กน้อยราวกับต้องการแสดงออกเป็นนัย ๆ ว่าให้ทุกคนยอมหลีกทางไปเสีย

“ฮ่า ๆ ๆ ถ้าเช่นนั้นก็เชิญทุกท่านได้เลย ข้าคงไม่ร่วมสนุกอีกต่อไป”

เยว่เหยายิ้มบาง ๆ และเลือกถอนตัวจากการแข่งขันอย่างชาญฉลาด เขามิได้หวั่นเกรงที่จะทำให้ทั้งสองคนนั้นไม่พอใจและก็ไม่ได้ขาดแคลนทรัพย์สินเงินทองเช่นกัน เพียงแต่เขาไม่คิดว่าน้ำมันฤทธานุภาพจะคู่ควรกับราคาที่สูงกว่าหนึ่งล้านห้าแสนหินผลึกเท่านั้น

“สองล้านหินผลึก”

หานซื่อไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อยและน้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความทะนงตนและโอหังตามปกติ มูลค่าสองล้านหินผลึกมิใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาและมันทำให้ทุกคนในที่นี้ประหลาดใจกันไม่น้อย

“สองล้านหนึ่งแสนหินผลึก!”

น้ำเสียงเฉยเมยดังขึ้นอีกครั้งก่อนกล่าวต่อ “ท่านจอมยุทธ์ เหตุใดจึงต้องยอมทุ่มเทมากมายเพื่อน้ำมันฤทธานุภาพนี้เพียงขวดเดียว ? หากท่านถอนตัวจากการประมูลน้ำมันฤทธานุภาพนี้ ข้าจะถือว่าข้าติดค้างท่านหนึ่งครั้ง”

น้ำเสียงของบุรุษผู้นั้นอ่อนลงและพยายามล่อใจราวกับไม่ต้องการประชันราคากับหานซื่ออีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม คุณชายรองตระกูลหานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เขายกยิ้มมุมปากและกล่าวตอบโต้ “ท่านจอมยุทธ์เสนอราคามาจะดีกว่า สำหรับการติดค้างอะไรนั่น ข้าไม่สนใจ”

หลังจากนั้น หานซื่อก็ขานราคาเพิ่มอีกหนึ่งแสนหินผลึกอย่างใจเย็น

น้ำเสียงของหานซื่อยโสโอหังอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินวาจาเฉยเมยไม่แยแสเช่นนั้น สีหน้าของบุรุษผู้นั้นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ

“ท่านรู้รึไม่ว่าพวกเราเป็นใคร ?”

บุรุษคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เพื่อน้ำมันฤทธานุภาพเพียงขวดเดียว ท่านจะยอมมีเรื่องบาดหมางใจกับเกาะวายุนิ่งอย่างนั้นรึ ? ท่านจอมยุทธ์ไตร่ตรองให้ดีเถอะว่ามันคุ้มรึไม่”

เขากล่าวชื่อขุมกำลังของตนเองออกไปโดยหวังว่าหานซื่อจะยำเกรงและหลีกทางให้พวกเขา

“ฮ่า ๆ ๆ เกาะวายุนิ่งงั้นรึ ?”

หานซื่อหัวเราะและกล่าววาจาดูหมิ่น “มันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นเลยรึ ?”

เดิมทีบุรุษผู้นั้นคิดว่าเมื่อได้ยินชื่อของเกาะวายุนิ่ง หานซื่อคงจะยอมถอนตัวไปเอง เพราะถึงอย่างไร แม้แต่ขุมกำลังใหญ่และทรงพลังอย่างนิกายหงส์มังกรก็ยังไม่กล้ามีเรื่องบาดหมางกับเกาะวายุนิ่ง

อย่างไรก็ตาม คิดไม่ถึงเลยว่าหานซื่อผู้นี้จะแสดงทัศนคติเย้ยหยันเช่นนั้นออกมาและกล่าววาจาราวกับไม่เห็นเกาะวายุนิ่งอยู่ในสายตาเลยสักนิด

“อย่าเสียเวลาพูดคุยกันอยู่เลย รีบเสนอราคามาเร็วเข้า หากท่านไม่มีเงินก็ถอนตัวไปเสีย ไม่ว่าพวกท่านจะกล่าวสิ่งใด วันนี้ข้าจะต้องได้น้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้มาครองและไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้ผู้ใด”

น้ำเสียงของหานซื่อในเวลานี้แสดงถึงความหงุดหงิดและความใจร้อนเล็กน้อย สิ่งที่เขาเกลียดชังมากที่สุดคือการถูกข่มขู่ การที่อีกฝ่ายต้องการใช้ชื่อของเกาะวายุนิ่งเพื่อทำให้เขาถอนตัวนั้น ช่างเป็นเรื่องที่เพ้อฝันสิ้นดี

“เหอะ เจ้าหนู ยโสโอหังยิ่งนัก !”

บุรุษฝ่ายเกาะวายุนิ่งแค่นเสียงเย็นชาด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม เขาทราบดีว่าตอนนี้มิใช่เวลาสำหรับการระบายความหงุดหงิดในใจทว่าเป็นการคว้าน้ำมันฤทธานุภาพมาครอง

“สามล้านหินผลึก !”

เขาไม่รอช้าและขานราคาสามล้านหินผลึกออกไปทันทีโดยคิดไว้ว่าหานซื่อคงจะถอนตัวเมื่อได้ยินราคานี้

และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ หลังจากขานราคาสามล้านหินผลึกออกไป ทั่วทั้งโรงประมูลก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที ห้องของหานซื่อก็ยังคงเงียบเชียบไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ดูเหมือนว่าหานซื่อจะยอมแพ้การประชันราคาครั้งนี้เสียแล้ว

“คุณหนู เขาจะยอมแพ้รึไม่เจ้าคะ ?”

เมื่อโรงประมูลเงียบเชียบและไร้เสียงเสนอราคา เสี่ยวโร่วก็อดเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเติบโตขึ้นมาก ทว่าในเวลานี้นางก็ยังตื่นเต้นและตื่นตระหนกในแบบเด็ก ๆ

“ยอมแพ้รึ ? หากหานซื่อเป็นดังคำเล่าลือจริง เขาจะขานราคาสู้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่นี้ตัวเขาก็ยโสโอหังมาก เขาจะต้องครอบครองน้ำมันฤทธานุภาพนี้มาให้ได้ เพราะฉะนั้นแล้วการยอมถอนตัวง่าย ๆ มิใช่ตัวเขาแน่”

ฉินอวี้โม่ยิ้มกริ่มเล็กน้อย นางไม่เชื่อเลยสักนิดว่าหานซื่อจะยอมแพ้ ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ฉินอวี้โม่ก็เข้าใจลักษณะนิสัยของหานซื่อพอสมควร ผู้ที่ยโสทะนงตนเช่นนั้นไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

“สามล้านหินผลึกครั้งที่หนึ่ง!”

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครขานราคาประมูลต่อ เถ้าแก่โรงประมูลก็ยิ้มกว้างและเริ่มกล่าวราคาย้ำ ตราบใดที่กล่าวถึงครั้งที่สามและไม่มีผู้ใดประมูลราคาต่อไป น้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้ก็จะตกเป็นของคนจากเกาะวายุนิ่ง

“สามล้านหินผลึกครั้งที่สอง!”

ทั้งโรงประมูลเงียบสงัดและมีเพียงเสียงของเถ้าแก่ หานซื่อยังคงไม่กล่าวสิ่งใดราวกับว่าเขายอมแพ้แล้ว

“เหอะ นึกว่าจะร่ำรวยมาจากไหน ที่แท้ก็มีดีแค่คุย หากไม่มีใครเสนอราคาแล้ว น้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้ก็จะตกเป็นของข้า ฮ่า ๆ ๆ”

บุรุษจากเกาะวายุนิ่งแค่นเสียงเย็นชาและรู้สึกโล่งใจมากแล้ว จากสถานการณ์ในตอนนี้ หานซื่อคงไม่ประมูลราคาสู้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การซื้อน้ำมันฤทธานุภาพในมูลค่าสามล้านหินผลึกก็คงทำให้เขารู้สึกเศร้าใจไม่น้อย

“สามล้าน…”

เถ้าแก่โรงประมูลรออยู่ครู่หนึ่งและเมื่อไม่มีผู้ใดประมูลต่อ เขาก็เตรียมที่จะกล่าวประกาศผล

ทว่าเพียงเมื่อคำว่าสามล้านเล็ดลอดออกไป คำพูดของเขาก็ถูกแทรกขัดจังหวะ

“สามล้านหนึ่งหมื่นหินผลึก”

เพียงประโยคสั้น ๆ นี้ สีหน้าของคนจากเกาะวายุนิ่งก็แดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยวในทันที…

.