ตอนที่ 550 มองหน้าไม่รู้หลัง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“เจ้าหนุ่ม นี่มันหมายความว่าอะไร ?!”

บุรุษจากเกาะวายุนิ่งเดินฮึดฮัดออกมาจากห้องแยกของตนและตวัดสายตาจ้องไปที่ห้องของหานซื่อด้วยแววตาโกรธเคือง

เมื่อครู่นี้เถ้าแก่โรงประมูลกำลังจะประกาศปิดการประมูล ทว่าจู่ ๆ หานซื่อก็ขานราคาแทรกขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อนส่งผลให้การประมูลนี้ดำเนินต่อไปโดยที่ยังไม่ได้ผลสรุป

“ข้าเพียงไตร่ตรองอยู่ว่าจะเพิ่มราคาประมูลเท่าไหร่จึงขานราคาช้าเกินไปสักหน่อย ทำไมรึ ? ในเมื่อเถ้าแก่ยังไม่ประกาศปิดการประมูล มันก็ไม่ได้ถือว่าผิดกฎใด ๆ”

หานซื่อก้าวออกมาจากห้องของตนเช่นกัน ในเวลานี้เขาสวมอาภรณ์สีน้ำเงินสดเสริมใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสูงโปร่งให้ดูสง่างามอย่างยิ่ง ทันทีที่เขาก้าวออกมา สายตาของทุกคนก็มองมาเป็นตาเดียว

“เห็น ๆ กันอยู่ว่าเถ้าแก่กำลังจะประกาศผลการประมูล ทว่าเจ้ากลับเสนอราคาแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เจ้ากล้าบอกรึไม่ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ ?!”

ตัวแทนจากเกาะวายุนิ่งคือบุรุษวัยกลางคนสวมอาภรณ์สีเทาและเขาก็น่าจะเป็นหนึ่งในช่างหลอมจากขุมกำลังเช่นกัน

“ฮ่า ๆ ๆ จริงอยู่ที่ข้าตั้งใจ แล้วมันทำไมรึ ?”

หานซื่อหัวเราะอย่างสาแก่ใจและไม่ปฏิเสธหรือแก้ตัวใด ๆ เขาจงใจรอเวลาและกล่าวออกไปในวินาทีสุดท้ายเพียงเพื่อทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำน้ำใจจนอยู่ไม่ติดก็เท่านั้น

ไม่ว่าใครหน้าไหนที่กล้าแย่งชิงของที่เขาปรารถนา คุณชายรองตระกูลหานไม่มีทางปล่อยผ่านไปเฉย ๆ อย่างแน่นอน

“เจ้า…”

บุรุษวัยกลางคนจากเกาะวายุนิ่งโกรธแค้นอย่างยิ่งทว่าพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาเป็นช่างหลอมที่อุทิศทุ่มเทไปกับการหลอมอุปกรณ์ แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการเพียงเล่นสนุกเช่นการกระทำของหานซื่อ

เวลานี้พวกเขายังอยู่ในโรงประมูลจึงไม่สามารถประจันหน้ากันได้โดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น มีผู้คนมากมายที่คอยจับตาดูอยู่ การลงมือทำสิ่งใดลงไปจะกลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียและเขาอาจจะถูกตราหน้าได้ว่ารังแกผู้ที่อายุน้อยกว่า ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

“ชายแก่ ต้องการที่จะประมูลต่ออีกรึไม่ ? หากไม่ โปรดประกาศผลการประมูลเถอะ”

หานซื่อสบตาบุรุษวัยกลางคนฝ่ายเกาะวายุนิ่งและกล่าววาจายั่วยุจนอีกฝ่ายเดือดดาลอย่างที่สุดและแทบอดใจที่จะพุ่งเข้าไปอัดเขาอย่างป่าเถื่อนมิได้

ทว่าบุรุษหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่ยืนอยู่ถัดจากบุรุษวัยกลางคนก็ดึงร่างเขาเข้ามาและกระซิบกระซาบบางอย่างข้างหูของเขา

เมื่อได้ฟังวาจาของบุรุษหนุ่มคนนั้น บุรุษวัยกลางคนก็ชำเลืองมองหานซื่ออีกครั้งและทอแววตาอาฆาตอย่างเปิดเผย

“เหอะ ได้ใจไปก่อนเถอะ ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ครอบครองน้ำมันฤทธานุภาพนี้ไปก่อนชั่วคราว !”

เขาแค่นเสียงเย็นชาและหันหลังกลับเข้าในห้องของตน

หานซื่อยิ้มอย่างเยือกเย็น แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายดี เพียงแต่เขาไม่สนใจเท่านั้น ผู้ใดที่คิดจะแย่งของ ๆ เขา ผู้นั้นจะต้องชดใช้อย่างสาสม

ทั้งสองฝ่ายเชือดเฉือนกันพักใหญ่ก่อนลงเอยด้วยการยอมอ่อนข้อของฝ่ายเกาะวายุนิ่ง ทุกคนในห้องโถงต่างก็มองไปที่หานซื่อและสงสัยใคร่รู้ในตัวตนของเขายิ่งนัก บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้เป็นใครกันแน่ ? การที่ไม่เห็นเกาะวายุนิ่งอยู่ในสายตาเช่นนี้ เกรงว่าเขาจะต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่ !

“ฮ่า ๆ ๆ ยังมีผู้ใดต้องการเสนอราคาอีกรึไม่ขอรับ ?”

เถ้าแก่โรงประมูลกล่าวขึ้นทำลายกลิ่นอายบรรยากาศความตึงเครียดและดึงดูดความสนใจของทุกคนกลับไปที่การประมูลราคาสินค้า ทว่าในความคิดของเขา การที่บุรุษหนุ่มรูปงามคนนี้เสนอราคาสามล้านหนึ่งหมื่นหินผลึกขึ้นมา คาดว่าคงจะไม่มีใครขานราคาสู้อีกต่อไป

“สามล้านหนึ่งหมื่นหินผลึกครั้งที่หนึ่ง…”

“สามล้านหนึ่งหมื่นหินผลึกครั้งที่สอง…”

“สามล้านหนึ่งหมื่น…”

เมื่อเถ้าแก่กำลังจะกล่าวปิดการประมูลนี้ คำพูดของเขาก็ถูกแทรกด้วยเสียงของผู้อื่นอีกครา

“สามล้านสองหมื่นหินผลึก”

ครานี้ผู้ขานราคาประมูลมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฉินอี้เฟยนั่นเอง แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้หานซื่อชนะการประมูลน้ำมันฤทธานุภาพไปง่าย ๆ ราคาประมูลล่าสุดยังคงน้อยเกินไปและพวกเขายังไม่พึงพอใจนัก

เถ้าแก่ตกตะลึงทันทีและทุกคนในโรงประมูลต่างก็ชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน แม้แต่หานซื่อที่วางท่าโอหังก็ยังมีสีหน้าตกใจก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มบูดบึ้ง

สำหรับเถ้าแก่โรงประมูลนั้น เขาฉงนสนเท่ห์ยิ่งนัก เพราะเห็นได้ชัดว่าแขกจากห้องนั้นเป็นเจ้าของน้ำมันฤทธานุภาพนี้ เหตุใดพวกเขาจึงเข้าร่วมประมูลราคากับหานซื่อเช่นนี้กัน ? อย่างไรก็ตาม โรงประมูลซิ่งหัวของพวกเขาก็ดำรงอยู่มานานหลายปีและแน่นอนว่าการเก็บความลับของคู่ค้าเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ เถ้าแก่ก็เริ่มดำเนินการหน้าที่ของตนเองอย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะ มีการเสนอราคาสามล้านสองหมื่นหินผลึก”

เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มและทุกคนค่อย ๆ เรียกสติกลับคืนมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว พวกเขาก็อดหัวเราะอย่างสาแก่ใจไม่ได้ เมื่อคิดถึงสิ่งที่หานซื่อกล่าวขึ้นมาเมื่อครู่และเห็นการกระทำของฉินอี้เฟยซึ่งขานราคาในวินาทีสุดท้ายเช่นนี้นั้น พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าฉินอี้เฟยต้องการจะทำสิ่งใด

แน่นอนว่าฉินอี้เฟยได้ยินวาจาของหานซื่อก่อนหน้านี้ เขาเพียงกล่าวขานราคาอย่างเย็นชาเพื่อมอบคืนความอัปยศให้กับหานซื่อและมันไม่ต่างจากการตบใบหน้าหานซื่อฉาดใหญ่ ความโอหังวางท่าของหานซื่อทำให้พวกเขาไม่ชอบหน้าเท่าใดนักและบัดนี้เมื่อมีคนตอบโต้อย่างสาสม พวกเขาและทุกคนในโรงประมูลล้วนมองดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้น

“ฮ่า ๆ ๆ ท่านจอมยุทธ์ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าคงต้องเชิญท่านไปจิบน้ำชาด้วยกันเสียแล้ว”

แน่นอนว่าคนที่มีความสุขที่สุดคือบุรุษจากเกาะวายุนิ่งผู้ซึ่งถูกหานซื่อกระทำการเจ้าเล่ห์ไม่ไว้หน้าก่อนหน้านี้ ในเมื่อตอนนี้มีคนเอาคืนให้เขาอย่างสาสม เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

แม้ว่าคนผู้นั้นอาจจะไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเอาคืนให้กับเขาโดยเฉพาะ ทว่าเพียงแค่นี้ก็ทำให้เขาสุขใจอย่างมากและความคับแค้นใจก่อนหน้านี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เหอะ อยู่ดีไม่ว่าดี !”

หานซื่อเรียกสติกลับคืนมาและแค่นเสียงเย็นชาก่อนกล่าววาจาเย้ยหยัน

เขาคุ้นชินกับการวางท่ายกตนเหนือผู้อื่นมานาน แน่นอนการถูกตอบโต้ที่ไม่ต่างจากการตบหน้าฉาดใหญ่เช่นนี้ย่อมทำให้เขาไม่พอใจนัก ทว่าเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นี่คือกฎของโรงประมูล ในเมื่อเขาทำได้ คนอื่นก็ย่อมทำได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หานซื่อก็ยังรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย เมื่อนึกถึงสถานะตัวตนของฉินอี้เฟย เขาก็แอบตัดสินใจอย่างเงียบ ๆ ในอนาคตเขาจะต้องหาทางคิดบัญชีกับเรื่องในวันนี้อย่างแน่นอน

“อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังมั่นใจว่าข้าจะได้น้ำมันฤทธานุภาพนี้มาครอบครอง ถ้าอยากได้มันก็เชิญเสนอราคาต่อได้เลย”

เขากล่าวขึ้นเบา ๆ ก่อนขานราคาประมูลที่เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง

“สามล้านห้าแสนหินผลึก”

เขายังคงกล่าวได้โดยไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ สามล้านห้าแสนหินผลึกไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคนอย่างหานซื่อ

“สามล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นหินผลึก !”

ฉินอี้เฟยไม่รอช้าและทบราคาไปอีกหนึ่งหมื่นหินผลึก ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ต้องเสียเงินทองจำนวนนี้ หากสามารถขูดรีดคุณชายรองของตระกูลหานมากขึ้นได้ พวกเขาก็ย่อมมีความสุขอย่างยิ่ง

เมื่อฉินอี้เฟยเสนอราคาเพิ่มขึ้นหนึ่งหมื่นหินผลึก สีหน้าของหานซื่อก็เหยเกยิ่งกว่าเดิม เขาคาดเดาได้แล้วว่าฉินอี้เฟยจงใจประชันราคากับเขาโดยตรง

เมื่อไตร่ตรองครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวออกไปอย่างแน่วแน่

“สี่ล้านหินผลึก !”

หลังจากทบราคาเพิ่มอีกเกือบห้าแสนหินผลึก หานซื่อก็คิดไว้แล้วว่าหากฉินอี้เฟยยังขานราคาสู้ เขาก็จะยอมแพ้การประมูลครานี้ และหากเป็นเช่นนั้นจริง ฉินอี้เฟยจะต้องสูญเสียความมั่งคั่งครั้งใหญ่เพราะน้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้

สำหรับว่าใครจะได้ครอบครองน้ำมันฤทธานุภาพในท้ายที่สุดนั้น เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ชัด น้ำมันฤทธานุภาพเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างแท้จริงและมีคนหมายปองต้องการมันอยู่มาก หากได้โอกาสและแย่งชิงมันมา มันก็จะต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน ตอนนี้เขาเพียงปล่อยให้ฉินอี้เฟยรับหน้าที่ดูแลมันเป็นการชั่วคราวเท่านั้น

แม้หานซื่อจะมีความคิดเช่นนี้แอบแฝงอยู่ ทว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่มีทางหลงกลอย่างแน่นอน

“จิ๊จิ๊จิ๊ จอมยุทธ์ผู้นี้มั่งคั่งร่ำรวยโดยแท้ หนึ่งล้านหินผลึกก็สามารถซื้อน้ำมันฤทธานุภาพได้แล้ว ทว่ายังประมูลในราคาถึงสี่ล้านหินผลึก ในเมื่อท่านปรารถนาที่จะครอบครองมันถึงเพียงนี้ เราก็จะไม่ขวางทางท่าน เอาล่ะ สำหรับตอนนี้ น้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้เป็นของท่านจอมยุทธ์แล้ว”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม นี่คือแผนการของพวกนางตั้งแต่ต้น นั่นคือการหยุดขานราคาหลังจากขานราคาสองครั้ง

หานซื่อมิใช่คนโง่เขลาและเขาก็คงจะคาดเดาบางอย่างได้แล้ว หากเรื่องนี้ลงเอยในทิศทางอื่น มันก็คงไม่สนุกเท่าใดนัก

“พรืดดด ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า !”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ ทุกคนก็กลั้นหัวเราะไม่ไหวและหัวเราะเสียงดังออกมาทันที จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร พวกเขาต่างก็มองไปที่ห้องแยกของฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟยด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าผู้ที่อยู่ในห้องนั้นเป็นใครกันแน่ ?

คำพูดของฉินอวี้โม่ทำให้คุณชายรองตระกูลหานแทบกระอักเลือดออกมา เขาคำนวณไตร่ตรองสถานการณ์ไว้แล้วและรอให้ฉินอี้เฟยขานราคาอีกครั้งหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าเขาจะหยุดเพียงแค่นั้น เห็นได้ชัดว่าฉินอี้เฟยและฉินอวี้โม่จงใจทำให้ตัวเขาสูญเสียมากขึ้น

แม้ไม่เคยได้ยินเสียงของฉินอวี้โม่มาก่อน หานซื่อก็เดาได้ว่าจะต้องเป็นหนึ่งในบุรุษสวมหน้ากากสองคนก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน ในเมื่อวาจาที่กล่าวมาเมื่อครู่เป็นตัวแทนของฉินอี้เฟย นั่นก็หมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนผู้นั้นและฉินอี้เฟยจะต้องไม่ธรรมดาแน่ หากเป็นเช่นนั้นจริง หานซื่อก็ยิ่งสงสัยว่าตัวตนที่แท้จริงของบุรุษใต้หน้ากากทั้งสองคนนั้นเป็นใครกันแน่ ?

เถ้าแก่โรงประมูลกล่าวย้ำราคาสามครั้ง เมื่อไม่มีผู้ใดขานราคาต่อ เขาก็ประกาศปิดการประมูลและยืนยันว่าน้ำมันฤทธานุภาพตกเป็นของหานซื่อ

ไม่นานหลังจากนั้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็มารับเงินประมูลจากห้องของหานซื่อ

ทุกคนในโรงประมูลก็ไม่ได้กลับออกไปในทันที ประการแรกเป็นเพราะพวกเขาอยากเห็นว่าใครอยู่ในห้องพิเศษห้องเดียวกับฉินอวี้โม่ในขณะที่หลายคนยังคงสนใจในน้ำมันฤทธานุภาพและกำลังวางแผนแย่งชิงมันมา

ฉินอี้เฟยกระซิบบางอย่างกับบ่าวฮุยผู้ซึ่งรับคำสั่งและเดินจากไป

หลังจากนั้นบุรุษชุดเทาก็เดินมาพร้อมกับเถ้าแก่โรงประมูล

“ท่านจอมยุทธ์ นี่คือหินผลึกทั้งหมดที่ได้จากการประมูลน้ำมันฤทธานุภาพขอรับ ค่าดำเนินการในอัตราร้อยละห้าถูกหักไว้แล้วและส่วนที่เหลือทั้งหมดอยู่ในแหวนมิติวงนี้ เชิญท่านตรวจสอบก่อนได้เลยขอรับ หากมีสิ่งใดขัดข้องก็โปรดกล่าวมาได้เลย”

ด้วยคำสั่งของฉินอี้เฟย เถ้าแก่ก็กล่าวเสียงดังฟังชัดเพื่อให้ทุกคนได้ยินตรงกัน

“ไม่ต้องหรอก แน่นอนว่าเราไว้ใจเถ้าแก่ได้”

ฉินอี้เฟยกล่าวก่อนสั่งให้บ่าวฮุยรับแหวนมิติบรรจุหินผลึกนั่นมา

หลังจากเสร็จธุระ เถ้าแก่โรงประมูลก็ขอตัวกลับไป

และแน่นอนว่าวาจาของเถ้าแก่โรงประมูลทำให้หลายคนที่สับสนก่อนหน้านี้มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที

พวกเขาอดหัวเราะอีกครั้งไม่ได้ขณะมองไปที่ห้องแยกของหานซื่อด้วยแววตาเยาะเย้ย

“จิ๊จิ๊จิ๊ ไม่คิดเลยว่าผู้ที่นำน้ำมันฤทธานุภาพมาประมูลจะเป็นจอมยุทธ์จากห้องนั้น ! นั่นหมายความว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาจงใจจัดฉากขึ้นมาใช่รึไม่ ?”

ใครคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยินดีกับเคราะห์ร้ายของหานซื่อ อย่างไรก็ตาม เขาและคนอื่น ๆ สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับตัวตนของผู้ที่อยู่ในห้องของฉินอี้เฟยมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ไม่รู้เลยว่าใครอยู่ในห้องนั้น พวกเขาช่างกล้าหาญและน่าชื่นชมยิ่งนัก

คนอื่น  ๆ เริ่มหารือกันในหมู่คนใกล้ตัว

ภายในห้องพิเศษของคุณชายรองตระกูลหาน ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความเดือดดาลจนแทบระเบิด เขามองดูน้ำมันฤทธานุภาพที่ลงทุนไปอย่างมหาศาลและรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย เหตุใดเขาจึงไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุการณ์นี้ถูกชักใยโดยผู้ที่อยู่ในห้องถัดจากตนเอง และเขาเข้าไปติดกับนั้นอย่างจัง

เขากำหมัดแน่นและจิตสังหารปรากฏอย่างชัดเจนในแววตา ในเมื่อริอาจเปิดศึกกับคุณชายรองของตระกูลหานเช่นนี้ เขาจะทำให้ฉินอี้เฟยและพรรคพวกต้องชดใช้อย่างสาสม !

.