บทที่ 1273 เลือดสาดภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท โดย Ink Stone_Fantasy
หัวเราะพูดคุยอย่างมีความสุข สุราชั้นเลิศอาหารชั้นดี บรรยากาศเริ่มยืดหยุ่นผ่อนคลายทีละนิด ในระหว่างนั้นโจวหรานกับเหมียวอี้เกิดช่องว่างของบทสนทนา จึงชูจอกสุราดื่มคำนับเป็นระยะ
รองหัวหน้าสมาคมทั้งสี่ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน พวกเขาต่างก็ไม่ลืมทาจะสนใจขุนนางของอาณาเขตที่ตัวเองอยู่ ออกจากโต๊ะไปยกจอกสุราดื่มคำนับกับผู้บัญชาการสี่เขตเมือง
ระบำดนตรีจบลง นางระบำถอยออกจากเวที ภายใต้การโบกมือให้สัญญาณของโจวหราน นักระบำหลักที่หน้าตางดงามที่สุดเดินขึ้นมาบนบันได มานั่งดื่มสุราเป็นเพื่อนผู้บัญชาการใหญ่
เหมียวอี้ไม่ปฏิเสธผู้ที่มา ยื่นมือดึงเข้า หญิงงามส่งเสียงกระเส่าออเซาะอยู่ในในอ้อมกอด แต่กลับไม่ตื่นตกใจ เห็นได้ชัดว่าชินกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว นางถือโอกาสนั่งบนเก้าอี้แล้วเอียงร่างกายซบอกเหมียวอี้ มือสีชมพูระเรื่อส่งสุราเลิศรสไปจ่อตรงปากเขา ในดวงตางามฉายแววออดอ้อนขอความรัก
จะทรยศความอ่อนโยนนุ่มนวลนี้ได้อย่างไร! เหมียวอี้ถือโอกาสดื่มไปอึกหนึ่ง “ดี!” บรรดาผู้จัดการร้านที่อยู่ข้างล่างตะโกนชมทันที
เสียงตะโกนชมที่จริงใจที่สุดจากสมาคมร้านค้าครั้งนี้ อาจจะกำลังชมความหลากหลายทางอารมณ์ของหญิงงามก็เป็นได้!
คนร่าน! เป่าเหลียนที่ยืนอยู่ข้างๆ แอบด่าในใจ สีหน้าเย็นเยียบ ทนมองภาพหน้าอับอายตรงหน้าแบบตรงๆ ไม่ได้ จึงเงยหน้ามองเพดาน
หวงฝู่จวินโหรวที่นั่งอยู่ข้างล่างกำลังจ้องเหมียวอี้ที่อยู่ข้างบน นางยิ่งแอบแค้นจนกัดฟันกรอด แววตาที่จ้องนางระบำช่างประจบคนนั้นฉายแววเย็นเยียบ
มู่หรงซิงหัวที่อยู่ข้างล่างผลักมือปฏิเสธนางระบำคนหนึ่งที่รินสุราให้ นางกำลังมองเหมียวอี้ด้วยแววตาประหลาดใจนิดหน่อย ภาพลักษณ์ที่ติดอยู่ในความทรงจำของนาง เหมียวอี้ไม่ใช่คนมั่วเรื่องผู้หญิง ทำไมวันนี้ถึงปล่อยตัวต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ได้ล่ะ? นางรู้สึกได้รางๆ ถึงความผิดปกติ
เมื่อเห็นเหมียวอี้ผ่อนคลายไม่วางมาด พวกลูกน้องก็ไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ สวีถังหรานต่างคนต่างถูกหญิงงามยั่วยวน
กลุ่มนางระบำที่แยกย้ายกันเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนส่งเสียงร้องระริกระรี้เป็นพักๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในฝูงหมาป่า ถูกผู้จัดการร้านพวกนั้นดึงมาไว้ในอ้อมกอดทีละคน ลูบคลำทั้งข้างล่างข้างบนจนมั่วไปหมด ชั่วพริบตาเดียวกลุ่มนางระบำก็ถูกแบ่งตัวไปหมดแล้ว
ทันใดนั้น บนเพดานตึกศาลาก็มีสตรีชุดแดงคนหนึ่งลอยลงมา ลอยลงเหยียบกลางเวทีพร้อมเสียงดนตรีที่อ่อนหวาน ท่วงท่าสง่างาม ทำให้เหมียวอี้ที่กำลังกอดสาวงามแบ่งสมาธิมองไป พอมองให้ละเอียด ก็พบว่าเป็นสาวน้อยวัยแรกรุ่นคนหนึ่ง แต่ใหน้ารูปไข่ของนางกลับน่าทึ่งมาก ตอนนี้เป็นเสมือนไข่ที่กำลังจะฟักตัวเป็นยอดหญิงงาม แค่คิดก็รู้แล้วว่าโตไปจะสวยขนาดไหน
พอสาวงามที่อยู่ในอ้อมกอดเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าเขาไม่เคยเห็นมาก่อน จึงเอาหน้ามาซบบนบ่าเหมียวอี้ แล้วกระซิบเสียงต่ำพลางกัดหูเขา “คนนี้เป็นสาวน้อยที่เพิ่งมาใหม่ ชื่อในวงการคือเฟยหง ถูกพิถีพิถันคัดเลือกจากเด็กจำนวนสิบล้านเพื่อมาฝึกสอน เพิ่งอายุสิบห้าเอง แต่อย่าไปมองว่านางอายุน้อยเพิ่งได้ขึ้นเวทีนะ เพราะชื่อเสียงของนางสามารถข่มเสวี่ยหลิงหลงของหอกกลิ่นสวรรค์ได้เลยค่ะ มีแนวโน้มว่าจะมาแย่งมงกุฎกับเสวี่ยหลิงหลง แต่น่าเสียดายที่ภูมิหลังของนางสู้เสวี่ยหลิงหลงไม่ได้ กลัวก็แต่ว่าจะโดนจับไปเป็นเนื้อต้องห้ามตั้งแต่ยังไม่ทันได้แจ้งเกิดในวงการ”
หลักการนี้เหมียวอี้เข้าใจ สถานบันเทิงแบบหอกกลิ่นสวรรค์มีการคัดเลือกเด็กผู้หญิงมาฝึกไม่หยุด จากนั้นก็จะเลือกคนที่มีพรสวรรค์และหน้าตาดีเพื่อให้เป็นเด็กดัน ถ้าประสบความสำเร็จก็จะเป็นแบบเสวี่ยหลิงหลง ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็จะต้องกลายเป็นตัวประกอบ หรือไม่ก็กลายเป็นของขวัญที่ส่งมอบให้คนอื่นเพื่อหาเส้นสาย พอตกต่ำกลายเป็นของเล่นก็จะถูกส่งกลับมาเรื่อยๆ ถ้าดวงดีก็จะได้กลายเป็นอนุภรรยาของขุนนาง
เหมียวอี้ยื่นมือไปช้อนคางนาง พร้อมถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็ไม่แย่นะ ทำไมไม่แข่งกับเสวี่ยหลิงหลงสักหน่อยล่ะ?”
สาวงามในอ้อมกอดถอนหายใจเบาๆ “ไม่มีอำนาจหนุนหลัง ร่างกายที่อ่อนแอเหมือนกิ่งหลิวบางอย่างข้าจะกล้าหวังอะไรมากมายล่ะคะ ถ้าผู้บัญชาการใหญ่โปรดปรานกันสักหน่อย บางทีก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ข้าได้ยินว่าผู้บัญชาการใหญ่กับเสวี่ยหลิงหลงก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเหมือนกันนี่นา” ในน้ำเสียงซ่อนโศกเศร้าเรียกร้องความสงสาร ในดวงตาฉายแววเฝ้าคอย แล้วก็พูดเสริมอีกว่า “ถ้าผู้บัญชาการใหญ่ไม่รังเกียจ ข้าก็ยินดีรับใช้นายท่านราวกับเป็นม้าเป็นสุนัขค่ะ”
เป่าเหลียนที่อยู่ข้างๆ เหล่ตามองมาทันที เกิดอารมณ์วู่วามอยากจะเตะคนหน้าไม่อายคนนี้ให้กระเด็น ไม่น่าเชื่อว่านางแพศยาที่โดนคนขี่มาเป็นพันเป็นหมื่นจะกล้ายั่วยวนนายท่าน!
นางย่อมรู้ว่านางแพศยามีเจตนาอะไร อยากจะให้นายท่านประคองนางขึ้นมา หรือไม่ก็กระโดดออกจากวงการบันเทิงมามีฐานะอยู่ข้างกายนายท่าน ถึงตอนนั้นย่อมดีกว่าตอนนี้อยู่แล้ว มีความรักที่แท้จริงเสียที่ไหนกัน!
เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ บีบบคางนางเขย่าไปมา “นั่นก็ต้องดูว่าเจ้าจะสามารถปรนนิบัติให้ข้าพอใจได้มั้ย”
ภาพโอบกอดกันข้างบนทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างล่างยิ้มอย่างเข้าใจ ทุกคนอยู่เป็นมาก ไม่มีใครมาดื่มสุราคำนับรบกวนผู้บัญชาการใหญ่หนิวในเวลานี้
ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานเหลือบมองด้านบนเป็นระยะ พวกเขายิ้มบางๆ แต่ในรอยยิ้มกลับแฝงความหมายลึกซึ้ง
ตรงหน้าต่างเล็กๆ ของหลังคาตึกศาลา เสวี่ยหลิงหลงที่กำลังเตรียมตัวลงเวทีเห็นฉากนี้ผ่านซอกหน้าต่าง นางกัดริมฝีปากแดง ถ้าตอนแรกท่านแม่สวีไม่บอกนางว่าจะเป็นแม่สื่อให้เรื่องของนางกับเหมียวอี้สำเร็จแน่นอน นางก็อาจจะไม่เกิดความคิดอะไร แต่ตอนนี้นางมีความหวังนั้นแล้ว ทั้งยังได้เห็นภาพนี้อีก ทำให้นางรู้สึกทุกข์ใจนิดหน่อย ราวกับได้เห็นผู้ชายของตัวเองกำลังอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
ท่านแม่สวีที่นั่งอยู่ข้างๆ บ่นว่า “นางคนร่านหน้าไม่อาย ไม่หัดดูยี่ห้อของตัวเองเสียบ้าง ของบุบสลายที่ส่งไปไหนก็ไม่มีใครเอา ยังคิดจะไต่เต้าขึ้นที่สูงอีก!”
เมื่อเห็นสาวงามในอ้อมกอดเหมียวอี้ยิ่งเกาะแกะกับเหมียวอี้แน่วเหนียวมากขึ้น การกระทำยิ่งดูหน้าไม่อายมากขึ้น ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีมาหลอกล่อ ชัดเจนว่ากำลังยั่วยวน หวงฝู่จวินโหรวก็ถือจอกสุราจ่อไว้ตรงข้างปาก ในดวงตาฉายแววดุร้าย เกิดควมคิดที่จะฆ่าคนแล้ว!
แต่ความดุร้ายในดวงตางามพลันหายไป ถูกแทนที่ด้วยความงุนงงตกใจ พอวางจอกสุราลงบนโต๊ะ หวงฝู่จวินโหรวก็พยายามออกแรงส่ายหน้า แล้วจู่ๆ ก็เอามือกุมหน้าอก นางเริ่มทำสีหน้าเหลือเชื่อ รีบหันซ้ายหันขวา ทำให้เห็นว่าไม่ได้มีแค่นางคนเดียว คนรอบข้างก็เหมือนจะมีสภาพเดียวกับนางหมด
พอเงยหน้ามองเหมียวอี้ที่นั่งอยู่ข้างบนอีกครั้ง ก็ยังเห็นเขาคลอเคลียนัวเนียกับสาวงามเหมือนเดิม
ปั้ง! หวงฝู่จวินโหรวตบโต๊ะหวังจะยืนขึ้น แต่ร่างกายโซเซอยู่พักหนึ่งแล้วล้มลง นางกล่าวเสียงอ่อนพร้อมใบหน้าซีดขาว “มียาพิษ!” จากนั้นก็รีบยัดยาเม็ดเข้ามา แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ช่วยตัวเอง
ในงานเกิดความวุ่นวายทันที โจวหรานพลันยืนขึ้น แล้วตะโกนอย่างโมโหว่า “นี่มันเรื่องอะไร! ใคร…” ร่างกายโซเซอยู่พักหนึ่ง ขาสองข้างอ่อนแรง พลังอิทธิฤทธิ์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ สองมือรีบยันโต๊ะยาวข้างหน้า ตระหนักได้ว่าพิษนี้ไม่ธรรมดา
คนไม่น้อยที่ยืนอยู่รอบข้างก็ขาอ่อนโซเซนั่งลงแล้วเช่นกัน มีคนไม่น้อยตระหนักได้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องแล้ว อยากจะหนีแต่กลับหนีไม่พ้น
สี่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเหมียวอี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพวกเชียนหลัวจากปราสาทดำเนินนภานั่นเอง ทั้งสี่เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้วก็ตกใจ แต่กลับเห็นเหมียวอี้ทำท่าเหมือนไม่เป็นอะไรเลย สี่คนที่เตรียมจะเคลื่อนไหวมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
มู่หรงซิงหัวก็ทำสีหน้าหวาดกลัวเช่นกัน เอามือกุมอกมองซ้ายมองขวา แต่กลับเห็นฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานหยิบระฆังดาราออกมาเขย่า แต่เหมียวอี้ที่นั่งอยู่ข้างบนกลับยังหยอกล้อกับสาวงามเหมือนเดิม สามงามมองความเปลี่ยนแปลงด้านล่างอย่างตกใจมึนงง เหมียวอี้กลับบีบหน้านางแล้วดึงกลับมาอีกครั้ง
ชั่วพริบตานั้น ในหัวมู่หรงซิงหัวมีอะไรบางอย่างแวบเข้ามาราวกับหินจุดติดไฟ เข้าใจในทันที พอจะเดาได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เจ้า…” โจวหรานพลันโบกมือชี้ไปที่เหมียวอี้ที่อยู่ด้านบน พลางหอบหายใจถามอย่างโมโห “หนิวโหย่วเต๋อ เป็นแผนของเจ้าใช่มั้ย?”
“หืม?” เหมียวอี้เยงหน้ามองลงมา สาวงามในอ้อมกอดเขาเริ่มมีปฏิกิริยากับยาพิษแล้ว แต่กลับไม่เห็นเขาแสดงความสงสาร เขาสะบัดแขนเหวี่ยงหญิงงามในอ้อมกอดล้มลงบนพื้น จ้องมองเบื้องล่างด้วยสายตาเย็นเยียบ พร้อมกล่าวช้าๆ ว่า “พวกเจ้ารู้ถึงความผิดของตัวเองมั้ย!”
เป่าเหลียนที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจเช่นกัน นางมองลงไปด้านล่าง แล้วเอียงหน้ามองเหมียวอี้
“รู้อยู่แล้วว่าขุนนางโจรนี่มีเจตนาไม่ดี!” เถียนเฟิงฮ่าวพลันตกคอกเสียงดัง “ถ้าไม่ลงมือตอนนี้แล้วจะรอถึงเมื่อไร!”
ปั้ง! โจวหรานคว้าจอกหยกบนโต๊ะปาลงพื้น “ส่งยาถอนพิษมา!”
บึ้ม! ด้านล่างของเหมียวอี้สั่นสะเทือน เศษไม้ที่อยู่หลังเก้าอี้ปลิวว่อน พื้นกระดานแยกออก จู่ๆ ก็มีคนคนหนึ่งพุ่งขึ้นมา การเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก แม้แต่เหมียวอี้ก็ไหวตัวไม่ทันด้วยซ้ำ ผู้ที่มาคว้าคอเหมียวอี้เอาไว้ ต้องการจะบีบบังคับให้ส่งยาถอนพิษให้
ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานที่อยู่ด้านล่างตกใจมาก นึกไม่ถึงว่ากลุ่มคนของสมาคมร้านค้าจะมีมือสังหารดักซุ่มอยู่!
ซวบ! เชียนหลัวพลันใช้ดาบ พอเงาดาบแฉลบผ่าน เลือดก็สาดกระจจายราวกับพายุฝน คนที่เพิ่งโผล่ออกมายังไม่ทันได้เปล่งเสียงร้องออกมา ก็โดนเชียนหลัวใช้ดาบฟันจนขาดเป็นสองท่อนแล้ว
เหมิงจื้อเกา จิงอาน จงหลีค่วยก็รีบชักดาบเช่นกัน ถลันตัวยืนเป็นสามมุม ปกป้องโดยล้อมให้เหมียวอี้อยู่ตรงกลาง เดิมทีพวกเขาไม่ได้ใช้ดาบ แต่จำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อปิดบังตัวตน
เหมียวอี้มองไปด้านหลังเก้าอี้อย่างขวัญผวาเช่นกัน เมื่อครู่นี้เพิ่งเห็นร่างที่โดนฟันขาดครึ่งท่อนปลิวผ่านไปสองด้าน เขาเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าขนาดวางแผนเชื่อมโยงเป็นลูกโซ่แล้วก็ยังทำลายความระแวงของกลุ่มคนของสมาคมร้านค้าไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่ายอดฝีมือจะแฝงตัวอยู่ด้านล่างของเขา สามารถทำให้เขาตายได้ทุกเมื่อ โชคดีที่หยางชิ่งเตือนไว้ตั้งแต่แรก โชคดีที่ตัวเองเตรียมตัวล่วงหน้า
เพล้ง! หน้าต่างบนยอดตึกศาลาพังปลิวออกไป นักพรตบงกชรุ้งหกคนลอดเข้ามาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
จ๋อม! นักพรตบงกชรุ้งสามคนโผล่ขึ้นมาจากทะลสาบรอบๆ แล้วโผไปที่เหมียวอี้
เชียนหลัวจงใจปกปิดวรยุทธ์ตัวเอง และไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายที่ร้ายกาจอะไร เพียงรอให้มือสังหารพวกนั้นเข้ามาใกล้ แล้วค่อยลงมือด้วยความไวปานสายฟ้า หมุนตัวฟันต่อเนื่องกันไม่หยุด ดาบล่องหนถูกพ่นออกมาราวกับของจริง เก็บเข้าปล่อยออกได้อย่างอิสระ ฟันดาบแล้วดาบเล่า ฟันคนเจ็ดคนต่อเนื่องกันอย่างง่ายดายราวกับผ่าฟักหั่นผัก
มือสังหารอีกสองคนเห็นท่าไม่ดี จึงหันหน้าเลี้ยวหนี เหมียวอี้จึงรีบร้องบอกว่า “อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
เชียนหลัวใช้มือขวาโยนดาบ ดาบพุ่งยิงออกไปราวกับสายฟ้าฟาด ฟันคนที่หนีขาดเป็นสองท่อนกลางอากาศ สังหารจนเกิดเสียงร้องโหยหวน ส่วนตัวเองก็พุ่งออกมาราวกับเงาผี ไล่ตามอีกคนแล้วฟาดฝ่ามือหนึ่งที บึ้ม! พลังฝ่ามือฟาดตบจนอีกฝ่ายเงยหน้ากระอักเลือดสดขึ้นฟ้า
เชียนหลัวถลันตัวไล่ตามคนที่ตกลงข้างล่าง ขยุ้มนิ้วทั้งห้าราวกับเป็นตะขอ กักศีรษะของอีกฝ่ายเอาไว้ พอบิดหนึ่งครั้ง ก็เด็ดศีรษะใบหนึ่งแล้วถลันตัวเหาะกลับมาโดยตรง มาเหยียบลงข้างกายเหมียวอี้ แล้วโยนศีรษะทิ้งไว้ใต้เท้าเหมียวอี้
พวกฝูชิงตกใจมาก นี่มันยอดฝีมือระดับไหนกัน? ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นนักพรตบงกชรุ้งเปราะบางราวกับชามกระเบื้องเคลือบ ข้าได้อย่างสบายมือ
“พวกเจ้ายังมัวรออะไรอยู่?” เหมียวอี้พลันตะโกน
ทั้งสามได้สติกลับมา ฝูชิงและอิงอู๋ตี๋พลิกมือถือกระบี่ ถลันวูบเข้าไปในกลุ่มคนที่ล้มอยู่เต็มพื้น แล้วลงกระบี่ด้วยความเร็ว รีบตัดศีรษะเก็บไว้ทีละใบ เลือดกระเด็นสาดภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท!
ส่วนสวีถังหรานก็รีบหยิบยาถอนพิษออกมาจากขวดสีขาวทีละเม็ด รีบยัดใส่ปากมู่หรงซิงหัว หวงฝู่จวินโหรว โจวหราน อูหันซานและอวี้ซวีเจินเหริน จากนั้นก็ทำเหมือนพวกฝูชิงทันที รีบไปตัดหัวด้วยความเร็ว
“คนต่ำทราม!”
“ขุนนางโจร!”
“หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าบังอาจ!”
“ผู้บัญชาการใหญ่ไว้ชีวิตด้วย!”
ท่ามกลางกลุ่มคนที่บ้างก็ล้มบ้างก็หมอบ เสียงร้องที่อ่อนแรงดังเป็นแถบ แต่ก็ไม่ได้ความปรานีกลับมา การแอบเยาะเย้ยและเหยียดหยามก่อนหน้านี้ เมื่ออยู่ภายใต้ดาบก็กลายเป็นความหวาดกลัวทันที ผู้จัดการร้านเถียนเฟิงฮ่าวที่หมอบอยู่บนโต๊ะก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม ได้แต่มองดูสวีถังหรานที่ยิ้มชั่วร้ายถลันตัวเข้ามาตาปริบๆ พอเห็นสวีถังหรานลงดาบ ภาพตรงหน้าตัวเองก็พร่ามัว ความรู้สึกตัวหายไปในชั่วพริบตาเดียว
ขณะเดียวกันนี้เอง เลี่ยหวนและพวกราชาปีศาจก็ปรากฏตัวหน้าประตูของสี่เขตเมืองอย่างกะทันหัน แล้วเผยคำสั่งออกมา “คำสั่งของผู้บัญชาการใหญ่ ปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออก ใครขัดคำสั่ง ประหาร!”
ประตูเมืองถูกปิดอย่างรวดเร็วเสียงดังครืน แขกขาจรที่กำลังจะเข้าออกถูกสกัดไว้อย่างไร้สาเหตุ ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
…………………………