ตอนที่ 175 ตัดขาด

รักเล่ห์เร้นใจ

อันซิงมาที่ห้องทำงานของอันโฮ่วสยง เธอมองดูอันโฮ่วสยงที่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องของบริษัท หลายวันนี้เอาแต่ขมวดคิ้วมุ่นอยู่ตลอดเวลา

 

 

อันโฮ่วสยงเห็นว่าอันซิงมาแล้ว ก็แค่เงยหน้าขึ้นเฉยๆ เขารู้สึกโกรธอันซิงอย่างมาก ถ้าไม่เพราะอันซิง ก็ไม่ต้องถูกยกเลิกพันธะหมั้นหมาย สองบริษัทก็ไม่ต้องโรมรันพันตูกันยุ่งเหยิงแบบนี้ บริษัทก็จะไม่ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ทั้งหมดนี้ต้นเหตุล้วนมาจากอันซิง แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเสียเวลาไปต่อว่าอันซิงแล้ว แค่ขอให้บริษัทสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุดเท่านั้นก็พอแล้ว

 

 

อันซิงพูดอย่างระวังตัวว่า “หนูเจรจาความร่วมมือกับบริษัทนั่นไปได้ครึ่งทางแล้ว ถ้าครั้งนี้ร่วมมือกับบริษัทพวกเขาได้สำเร็จ บริษัทเราก็จะผ่านวิกฤตคราวนี้ไปได้”

 

 

อันโฮ่วสยงเงยหน้าขวับขึ้นมองอันซิง ตาเป็นประกายวาววับขึ้นมาทันที เขารู้ว่าตอนนี้บริษัทจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทภายนอก

 

 

“เจรจาไปครึ่งทางหมายความว่าอย่างไร? บริษัทพวกเขาจะร่วมมือกับบริษัทเราได้หรือเปล่า?” อันโฮ่ว

 

 

สยงถามเสียงร้อนรน

 

 

อันซิงเข้าไปใกล้อันโฮ่วสยง พูดกระซิบว่า “ท่านประธานนั่นถูกตาหลินหว่านหลานสาวของคุณปู่ เขาบอกกับหนูอย่างเปิดอกเลยว่า ขอแค่หลินหว่านไปปรนนิบัติเขา เขาก็จะสนใจอย่างยิ่งที่จะทำความร่วมมือกับบริษัทของเรา บริษัทนี้มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจอย่างมาก ก็เพียงเขายอมร่วมมือกับเรา ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเซียวจิ่งสือข่มไว้อีก แล้วบริษัทเราก็จะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน”

 

 

อันโฮ่วสยงพอได้ฟังเงื่อนไขนี้แล้ว อย่างไรแล้วเขาก็รู้สึกว่าผลประโยชน์สำคัญมากอยู่ดี นอกจากนี้ เทียนซิงกรุ๊ปในตอนนี้เกี่ยวโยงกับความรุ่งเรืองหรือล่มสลายของธุรกิจบ้านตระกูลอัน เขาจึงตัดสินใจว่าจะไปโน้มน้าวหลินหว่านด้วยตัวเอง

 

 

ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของอันโฮ่วสยงกับหลินหว่านไม่ดีนัก เขาไม่เคยคิดจะไปหาหลินหว่านเพื่อสานต่อไมตรีไว้ แต่ครั้งนี้เขาจำต้องไปหาหลินหว่านเพื่อเทียนซิงกรุ๊ป

 

 

“เอาล่ะ อันซิง เรื่องนี้เธอก็ลำบากมานานแล้ว ที่เหลือฉันจัดการเอง เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” อันโฮ่ว

 

 

สยงโบกมือ

 

 

อันซิงจากไปด้วยความดีใจ เธอนึกถึงตอนสุดท้ายของเรื่องนี้หลินหว่านถูกเธอเปิดโปงจนต้องไปจากเซียวจิ่งสือ นี่คือเป้าหมายแท้จริงที่อันซิงอยากให้เกิดขึ้น

 

 

อันโฮ่วสยงเหม่อมองดูเบอร์โทรของหลินหว่านที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยโทรหาเลย เขาไม่อยากก้มหัวไปหาหลินหว่าน ไม่ใช่เพราะให้หลินหว่านยอมสละตัวเองเพื่อช่วยบริษัท แต่เพราะรู้สึกว่าตัวเองจะเสียหน้า

 

 

ตอนนี้หลินหว่านกำลังถ่ายหนัง ช่วงเวลาพักเธอเห็นว่ามือถือมีเบอร์โทรเข้าที่ไม่ได้รับสาย พอเห็นว่าเป็นอันโฮ่วสยงโทรมา เธอรู้สึกประหลาดใจมาก ทำไมเขาต้องโทรหาเธอด้วยนะ?

 

 

หลินหว่านไม่อยากโทรหาอันโฮ่วสยง เธอจึงวางมือถือไว้ด้านข้าง

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลินหว่านคิดดูครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจรับสาย

 

 

“ฮัลโหล หลินหว่านนะ ตาไม่ได้เจอหน้าเธอมานานมากแล้ว เธอรับปากฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม พรุ่งนี้บ่ายถ้ามีเวลาก็ไปที่โรงแรมเทียนรุ่ยสักครั้ง ฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับเธอ หวังว่าเธอจะมาได้นะ จะได้ช่วยให้ความรู้สึกของพวกเราดีขึ้นบ้างได้ไหม หลินหว่าน ฉันอยากให้เธอมาพบฉันจริงๆ นะ” ตอนอันโฮ่วสยงพูด ไม่เกรี้ยวกราดดุดันแบบที่เคยพูดกับหลินหว่านมาตลอด ครั้งนี้อ่อนโยนลงมาก

 

 

หลินหว่านคิดไม่ถึงว่าอันโฮ่วสยงจะพูดกับเธอแบบนี้ได้ด้วย เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุอะไร แต่ในเมื่อเขาพูดมาดีขนาดนี้ หลินหว่านก็ไม่ปั้นหน้าเย็นชาอีก

 

 

หลินหว่านเห็นแก่ว่าเขาเป็นคุณตาของเธอ จึงตัดสินใจว่าจะไม่ปฏิเสธไปตรงๆ ทั้งที่ในใจหลินหว่านนั้นตอบตกลงไปแล้ว แต่เพื่อรักษาเกียรติที่เคยมี เธอจึงได้แต่ตอบไปเรียบๆ ว่าจะพยายาม

 

 

หลินหว่านพูดว่า “ได้ค่ะ ถ้ามีเวลานะคะ ฉันจะพยายามค่ะ”

 

 

หลินหว่านไม่ได้มีความประทับใจที่ดีนักต่ออันโฮ่วสยง ถึงแม้ว่าโดยศักดิ์ฐานะแล้วเธอจะเป็นหลานสาวของอันโฮ่วสยง แต่เธอไม่เคยได้รับความรู้สึกนั้นมาก่อนเลย

 

 

วันนี้ทั้งวันในหัวของหลินหว่านมีแต่เรื่องนัดพบกับอันโฮ่วสยงพรุ่งนี้ เธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ คิดจะวางแผนร้ายอะไรอีก อันที่จริงหลินหว่านก็อยากให้คุณตาของเธอมีความสัมพันธ์ที่เป็นปกติ ไม่อยากให้ความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายกลายเป็นเย็นชาขนาดนั้น

 

 

วันรุ่งขึ้น หลินหว่านไปตามนัด หลินหว่านเป็นเด็กสาวที่ใจดีคนหนึ่ง ถ้าคุณตาของเธอเป็นฝ่ายเข้ามาพูดจาทำดีกับเธอแล้ว เธอก็ไม่คิดรังเกียจรังงอนเรื่องก่อนหน้านี้ ตลอดทางหลินหว่านรู้สึกประหวั่นใจและดีใจอยู่บางๆ เธอคิดว่าบางทีคราวนี้อาจทำให้เธอรู้สึกกับคุณตากลายเป็นดีขึ้นมาก็ได้

 

 

ตอนไปถึงหลินหว่านพบว่าอันโฮ่วสยงไปถึงแล้ว เธอนั่งลงตรงข้ามเขานิ่งเงียบไม่พูดจา แม้ว่าจะเป็นคุณตาแท้ๆ ของเธอ แต่ยังรู้สึกแปลกหน้ามากอยู่ดี

 

 

อันโฮ่วสยงพูดกับหลินหว่าน “ฉันรู้ว่าเธอจะต้องมา ตอนเธอยังเล็กตาดีกับเธอขนาดนั้น จำได้ว่าตอนเธอยังเด็กบ้านเรายังไม่ร่ำรวยมากนัก เธออยากเล่นเปียโน ตาก็ซื้อเปียโนหลังงามมาให้ แล้วก็ตอนเธอเป็นเด็กนะ ไม่ว่าตาจะไปที่ไหนกลับมาเป็นต้องซื้อของขวัญมาฝากเธอตั้งมากมายเลย เธอยังจำได้ไหมล่ะ มีอยู่ปีหนึ่งเธอเป็นไข้ตาฝ่าสายฝนพาเธอไปส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเองเลยนะ”

 

 

หลินหว่านฟังคำพูดเหล่านี้ของอันโฮ่วสยง แม้จะมีบางส่วนที่เธอจำไม่ได้แล้ว แต่พอฟังเรื่องเหล่านี้แล้วหลินหว่านยังรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง หลินหว่านนึกในใจว่าเมื่อก่อนดีมากจริงแต่ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่เธอเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน

 

 

หลินหว่านยิ้มบางๆ ตามมารยาทนิดหนึ่ง

 

 

คราวนี้อันโฮ่วสยงมองหลินหว่านแล้วพูดว่า “หลินหว่าน เธอน่าจะรู้ว่าตอนนี้เทียนซิงกรุ๊ปกำลังเจอกับวิกฤตที่หนักหนาสาหัสมาก ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือกับความร่วมมือจากบริษัทอื่น บริษัทนี้ก็อาจไม่เหลือให้เห็นอีกแล้วจริงๆ การที่เทียนซิงกรุ๊ปกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเซียวจิ่งสือแอบก่อกวนอยู่เบื้องหลัง แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้มันก็เกี่ยวกับเธอด้วยเช่นกัน ฉันอยากให้เธอช่วยเทียนซิงกรุ๊ปสักหน่อย และเรื่องนี้เธอก็ช่วยพวกเราได้แน่นอนด้วย”

 

 

คราวนี้หลินหว่านรู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลอยู่บ้าง ที่แท้เพราะเรื่องของบริษัทจึงมาหาเธอนี่เอง เธอเสียความรู้สึกอยู่บ้าง แต่ยังอยากจะรู้ว่าด้วยความสามารถของเธอจะช่วยเทียนซิงกรุ๊ปได้อย่างไร

 

 

“ช่วยอย่างไรคะ? ตอนนี้ฉันไม่รู้จักใครสักคน จะช่วยอย่างไรได้” หลินหว่านพูดพลางยิ้มเย็น

 

 

“แค่เธอไปปรนนิบัติท่านประธานคนหนึ่ง บริษัทของพวกเขาก็จะร่วมมือกับเทียนซิงกรุ๊ป หลินหว่าน ครั้งนี้ถือว่าฉันขอร้องเธอนะ เธอไปปรนนิบัติรับใช้คนอื่นก็ถือซะว่าชดเชยที่เคยทำผิดกับบ้านตระกูลอันก็แล้วกัน” อันโฮ่วสยงพูดขึ้น

 

 

หลินหว่านหูแดงหน้าตาแดงก่ำด้วยความโมโห เธอคิดไม่ถึงว่าคุณตาของเธอจะขอร้องให้เธอทำเรื่องแบบนี้

 

 

หลินหว่านลุกขึ้นยืน พูดเสียงดังว่า “คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณไม่ต้องเป็นคุณตาของฉันอีกต่อไป และฉันก็ไม่ใช่หลานสาวของคุณอีก”

 

 

หลินหว่านหันกลับแล้วเดินจากไป เธอได้ยินเสียงอันโฮ่วสยงด่ากราดไล่หลังเธอมา

 

 

อันโฮ่วสยงด่ากราดใส่เงาหลังของหลินหว่าน