ซูอวี้เป็นคนฉลาด ไม่นานเขาก็เข้าใจว่าซูจิ่นซีหมายถึงอันใด จึงตอบรับอย่างจริงจัง
“ขอรับ! ”
ใบหน้าของซูจิ่นซีปรากฏความเคร่งขรึม นางไม่พูดอันใดให้มากความ ทำเพียงเปิดระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้น และพาซูอวี้ไปตามหาสมุนไพร
แม้สมุนไพรจะมีหลายชนิด ทว่าซูจิ่นซีมีระบบถอนพิษจึงง่ายต่อการระบุตำแหน่ง ไม่นานนัก สมุนไพรครึ่งหนึ่งก็มาอยู่ในกำมือแล้ว
ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของผู้คนที่อยู่ด้านนอกเขตเวทมนตร์ ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าซูจิ่นซีมีระบบถอนพิษ
พวกเขามองไปที่ตงหลิงหวงและเป่ยถางเย่ที่ยังไม่พบสมุนไพร ทว่าซูจิ่นซีและซูอวี้กลับหาเจอแล้วกว่าครึ่ง แต่ละคนต่างอ้าปากค้าง พวกเขาพากันลุกขึ้นยืนมองซูจิ่นซีกับซูอวี้ที่อยู่ในเขตเวทมนตร์ด้วยความประหลาดใจ
จงจิ่นซีผู้นี้ คือผู้ใดกัน? เหตุใดถึงได้ร่วมมือกับผู้นำสกุลซู?
แม่นางจงกับผู้นำสกุลซูช่างเก่งกาจเสียจริง สามารถหายาสมุนไพรพบได้ในเวลาไม่นาน
“ดูแล้ว หมอวิเศษในวันนี้คงหนีไม่พ้นแม่นางจงกับผู้นำสกุลซูแน่นอน”
ผู้ตัดสินต่างพากันถกเถียง
ผู้อาวุโสทั้งสามท่านของสกุลจงตกใจจนหนวดเคราสั่น ไม่ต้องพูดถึงคนสกุลจงที่เหลือ ต่อให้พวกเขาสามคนลงแข่ง ก็คงไม่มีทักษะเช่นนี้
ไม่นานนัก ซูจิ่นซีและซูอวี้ก็พบสมุนไพรอีกหลายชนิด
คิ้วของหัวหน้าสำนักโอสถและหัวหน้าสำนักแพทย์ต่างขมวดมุ่น
“ความลับรั่วไหลหรือ? ” ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชน ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนขึ้นมา
“ความลับรั่วไหล? ”
“ใช่แล้ว! หากความลับไม่รั่วไหล แม่นางจงกับผู้นำสกุลซูจะหายาสมุนไพรพบอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร? ราวกับพวกเขารู้ว่าสมุนไพรอยู่ที่ใด? ”
ใช่แล้ว พวกเขาเพิ่งตระนักได้ว่า จงจิ่นซีและซูอวี้หาสมุนไพรได้รวดเร็วราวกับทราบอยู่ก่อนแล้วว่าสมุนไพรนั้นอยู่ที่ใด พวกเขาทั้งสองตรงไปยังเป้าหมาย และพุ่งเข้าใส่โดยไม่มีความผิดพลาดแม้แต่น้อย
เป็นไปได้อย่างไร?
หัวหน้าสำนักโอสถมีท่าทีบึ้งตึง “ความลับรั่วไหลหรือ? เขตเวทมนตร์ถูกสร้างขึ้นชั่วคราว สมุนไพรก็ถูกนำเข้าไปในเขตเวทมนตร์ต่อสายตาของทุกคน แม้แต่ตัวข้าเองยังไม่รู้ตำแหน่งของสมุนไพร เช่นนั้น ความลับจะรั่วไหลได้อย่างไร? ”
“ใช่ เราทั้งสองต่างไม่รู้ว่าสมุนไพรอยู่ที่ใด พวกเราจะเปิดเผยความลับได้อย่างไร? ” หัวหน้าสำนักแพทย์กล่าว
กระทั่งผู้อาวุโสทั้งสองยังไม่รู้?
เป็นไปได้อย่างไร?
ทุกคนพลันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
ผ่านไปไม่นาน คนผู้หนึ่งก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ “ผู้ใดจะเชื่อ? พวกท่านบอกว่าไม่รู้ก็คือไม่รู้เช่นนั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม พวกเราไม่มีทักษะด้านเขตเวทมนตร์ ยิ่งไม่รู้อันใดเกี่ยวกับเขตเวทมนตร์ว่ามันเกิดอันใดขึ้น! ”
หัวหน้าสำนักโอสถและหัวหน้าสำนักแพทย์ต่างตกตะลึงและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน ใบหน้าปรากฏความเคร่งเครียด
ทันใดนั้น หัวหน้าสำนักแพทย์ก็กระชากเสียงสูง “ต่อให้พวกเจ้าไม่เชื่อคำพูดของของพวกเราทั้งสอง ก็ควรเชื่อคำพูดของเจ้าสำนักแพทย์เทียนอีของพวกเรากระมัง? ”
เขาพูดพลางลุกขึ้นยืน และหันไปกล่าวกับจิ่วหรงที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ต้น “ท่านเจ้าสำนัก ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราทั้งสอง! พวกเรา… พวกเราถูกปรักปรำ! ”
ทันทีที่หัวหน้าสำนักแพทย์พูดจบ หัวหน้าสำนักโอสถก็ลุกขึ้น “ใช่ ท่านเจ้าสำนัก! การแข่งขันในวันนี้ ท่านให้พวกเราทั้งสองเป็นผู้ตัดสิน พวกเราย่อมไม่กล้าทำให้ท่านเจ้าสำนักผิดหวัง ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้… พวกเราสองคนไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอันใดขึ้น”
ผู้เฒ่าอายุร้อยกว่าปีสองคน คลานไปแทบเท้าของจิ่วหรง ผู้คนที่อยู่ด้านนอกลานต่างไม่กล้าส่งเสียง ไม่มีผู้ใดกล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียว พวกเขาตั้งตารอให้จิ่วหรงตอบกลับอย่างเงียบงัน
ในตอนนี้ ขอเพียงจิ่วหรงพูดสักประโยคก็ยังดี ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ทุกคนก็พร้อมจะเชื่อ
สำหรับพวกเขาแล้ว คำพูดของจิ่วหรงเปรียบดังพระประสงค์ของเง็กเซียนฮ่องเต้
“เฮ้… ข้านึกออกแล้ว นั่นพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิงมิใช่หรือ! ” ท่ามกลางฝูงชน ทันใดนั้นก็มีคนชี้ไปทางซูจิ่นซีที่อยู่ด้านในเขตเวทมนตร์
“พระชายาโยวอ๋อง? ” ทุกคนต่างหันกลับมาทันที
“ใช่ เป็นพระชายาโยวอ๋องไม่ผิดแน่ ข้านึกออกแล้ว นางคือพระชายาโยวอ๋องจริงๆ เมื่อปีก่อน ศิษย์น้องของข้าไปเยือนแคว้นจงหนิง และได้เห็นเหตุการณ์ที่โยวอ๋องอภิเษกกับพระชายาบนถนน เหตุการณ์ในวันนั้น พูดได้ว่าตกใจกันทั้งแคว้นจงหนิง ไม่ผิดแน่ ข้าจำไม่ผิดแน่”
“ใช่ ข้าก็นึกออก วันนั้นข้าก็อยู่ด้วย พระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิงเหมือนจะชื่อ… ชื่ออันใด จิ่นซี… ”
“ซูจิ่นซี! ”
“ใช่ ซูจิ่นซี! คุณหนูเจ็ดสกุลซู! ”
“คุณหนูเจ็ดสกุลซูเป็นพี่สาวของผู้นำสกุลซูมิใช่หรือ! ที่แท้พวกเขาเป็นพี่น้องกัน! ”
“ตอนนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างพี่น้องหรือ? ”
“เฮ้ นางแซ่จงมิใช่หรือ? ข้าเห็นกับตาว่านางเดินตามฮูหยินเฒ่าหานกับผู้นำสำนักแพทย์สกุลจงเข้ามาในสนามแข่ง! ”
“เช่นนั้นต้องถามฮูหยินเฒ่าหานและผู้นำสำนักแพทย์สกุลจงแล้ว”
พวกเขาต่างเบนสายตาไปทางฮูหยินเฒ่าหานกับจงรุ่ยอัน และลืมไปแล้วว่าตอนนี้พวกเขากำลังรอคำตอบจากจิ่วหรง
“ฮูหยินเฒ่าหาน แม่นางผู้นี้ใช่คนจากสกุลจงของท่านหรือไม่? ”
“คุณชายจง นางเป็นพระชายาโยวอ๋องใช่หรือไม่! ”
“ยังต้องถามอีกหรือ? พวกเราจะจำผิดได้อย่างไร! ”
ฮูหยินเฒ่าหานและจงรุ่ยอันพลันขมวดคิ้ว ทว่าไม่ได้พูดอันใด
“เช่นนั้น… ลองถามคุณชายจิ่ว ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของพระชายาโยวอ๋องกับคุณชายจิ่วนั้นไม่เลว คุณชายจิ่วจะต้องจำได้เป็นแน่”
“ใช่! คุณชายจิ่ว ท่านพูดอันใดหน่อยเถิด! นางใช่พระชายาโยวอ๋องหรือไม่? ”
“ใช่หรือไม่! ”
“ใช่หรือไม่! ”
“หากนางคือพระชายาโยวอ๋องจริง ก็ไม่แปลกที่นางจะหาสมุนไพรพวกนั้นเจอได้อย่างเร็ว ได้ยินมาว่าวิชาแพทย์ของพระชายาโยวอ๋องสูงส่ง เป็นที่เลื่องชื่อในแคว้นจงหนิง ทั้งยังเหนือกว่าผู้นำสกุลซู แม้แต่โรคลมบ้าหมู ผู้นำสกุลซูยังรักษาได้ ย่อมไม่แปลกที่พระชายาจะหาสมุนไพรไม่กี่ชนิดพบ”
“ใช่แล้ว! ”
ขณะนั้น ทั่วทั้งสนามแข่งก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ร่างของจิ่วหรง รอให้เขาเอ่ยปาก
“นางคือพระชายาโยวอ๋อง ซูจิ่นซี! ” ทันใดนั้น ในฝูงชนก็มีเสียงสตรีดังขึ้น
แม้จิ่วหรงจะไม่ได้พูดอันใด ทว่าเมื่อได้ยินเสียงนั้น บางคนก็อดกลั้นหายใจไม่ได้ ก่อนจะมองไปยังทิศทางของเสียง
ผู้คนต่างแหวกทางออก หนานกงหว่านเอ๋อร์ที่หมดสติจนไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ กำลังมองซูจิ่นซีที่อยู่ด้านในเขตเวทมนตร์ด้วยสายตาชั่วร้าย ก่อนจะเดินไปหาทุกคนทีละก้าว
“นางคือซูจิ่นซี ต่อให้กลายเป็นเถ้าธุลี ข้าก็จำนางได้ นางเป็นเพียงหญิงชั้นต่ำ ทั้งยังมีความคิดชั่วร้าย เจ้าเล่ห์แสนกล เห็นได้ชัดว่านางคือพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง ทว่ากลับใช้นามแฝงแอบเข้ามาในแคว้นหนานหลีอยู่หลายครั้ง วันนี้นางยังทำให้ฮูหยินเฒ่าหานและนายท่านจงสับสน ใช้สถานะของคนสกุลจงมาเข้าร่วมการแข่งขันซิ่งหลิน นางต้องมีความลับซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ ทุกคนอย่าได้หลงกลนาง”
ไม่ว่าครึ่งประโยคแรกที่หนานกงหว่านเอ๋อร์พูดจะเป็นจริงหรือเท็จ พวกเขาล้วนไม่ทราบ ทว่าประโยคหลังกลับไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างได้ หากสตรีผู้นี้คือพระชายาโยวอ๋องจริง นางคงใช้นามแฝงหลายครั้งแล้ว
แท้จริงแล้ว หลายคนต่างมองออกว่านางคือซูอวิ๋นคาย ผู้ที่อยู่ข้างกายฉีอ๋องมานานนับปี เพียงแต่ไม่ได้เปิดโปงนางเท่านั้น
เดี๋ยวเป็นซูอวิ๋นคาย เดี๋ยวเป็นจงจิ่นซี เดี๋ยวก็แต่งเป็นบุรุษ เดี๋ยวก็แต่งเป็นสตรี ทั้งยังสวมหน้ากากอีกด้วย
หากบอกว่านางไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง ผู้ใดจะเชื่อ!