บทที่ 1090 สัมผัสมือครั้งแรก

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

หลิงลี่แสร้งทำเหมือนไม่สนใจเย่ซิงเฉินแต่ในแววตาที่มองนั้นกลับมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่!
  ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้นั้นผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักดูเหมือนจะเป็นธิดาพรรคมารนามเย่ซิงเฉินผู้นี้..
  หลิงลี่และเหล่ากุ่ยมาถึงที่นี่เป็นกลุ่มแรกและเมื่อทั้งคู่มาถึงก็ได้เห็นสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ด้านล่างแล้ว หลิงเสี่ยวที่อยู่บนแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดก็ได้ร้องตะโกนบอกให้พ่อของเขารีบลงไปช่วยอย่างเร่งด่วน..
  เพราะหลังจากที่หลิงหยุนบีบซือกงถูให้ออกไปจากคฤหาสน์ได้แล้วภายในจึงเหลือเพียงแค่หลิงเสี่ยว เย่ซิงเฉิน จินเหยียว และเอ็ดเวิร์ดเท่านั้น..
  หลิงเสี่ยวอยู่เพียงแค่ขั้นโฮ่วเทียน-5ส่วนนักฆ่าอีกฝ่ายล้วนอยู่ในขั้นเซียงเทียน-6 ขึ้นไป แต่ละคนล้วนเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว จนหลิงเสี่ยวไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร
  มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดนั้นแม้จะอยู่ในระดับสูงสุดขั้นมาร์ควิสแต่ก็มีหน้าที่รับผิดชอบปกป้องดูแลหลิงเสี่ยว จึงไม่สามารถลงไปร่วมต่อสู้กับทุกคนได้
  ด้วยเหตุนี้..ภายในสนามต่อสู้ด้านล่างจึงเหลือเพียงเย่ซิงเฉินกับจินเหยียว นางจึงต้องกลายมาเป็นผู้นำในการต่อสู้ครั้งนี้ไปโดยปริยาย..
  ความจริงแล้วการที่เย่ซิงเฉินกับจินเหยียวเพียงสองคนต้องรับมือกับซือกงวู่ฉิงและนักฆ่าอีกแปดคนนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย ทั้งคู่จึงทำได้เพียงแค่ป้องกันตัวเองไม่ให้ได้รับอันตรายเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำอันตรายอีกฝ่ายได้เลย..
  แต่เมื่อหลิงลี่ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8และเหล่ากุ่ยกับแวมไพร์อีกสองตนมาถึง สถานการณ์จึงพลิกกลับทันที..
  จากนั้น..ฉินตงเฉี่วยกับเจสเตอร์ก็มาถึง และตรงเข้าฟาดฟันใส่ศัตรูด้านล่างอย่างไม่ลังเล!   ภายใต้การนำและการสั่งการที่ชาญฉลาดของเย่ซิงเฉิน สถานการณ์จึงสามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ไม่ยากนัก..
  หลังจากสังหารนักฆ่าระดับสวรรค์ทั้งแปดไปแล้วราชันย์นักฆ่าอีกสามก็ถูกสังหารตามมา ซือกงวู่ฉิงเห็นว่าสถานการณ์เริ่มพลิกกลับให้ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มันจึงพยายามทุกวิถีทางที่่จะจู่โจมหลิงลี่ แต่กลับถูกเย่ซิงเฉินขัดขวาง และในที่สุดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงกับล้มลงไปกองกับพื้น และต้องหลบหนีไปในที่สุด!
  ในระหว่างการต่อสู้นั้นหลิงลี่เองก็คอยแอบสังเกตเย่ซิงเฉินอยู่อย่างเงียบๆ เขาพบว่าการแต่งกาย และวรยุทธของนาง รวมไปถึงใบหน้าที่เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาและคิ้วสองข้างนั้น ช่างคล้ายคลึงกับหยิงชิงเฉวียนยิ่งนัก!
  ผู้เฒ่าหลิงที่ผ่านโลกมานานจึงรู้ได้ทันทีว่าเย่ซิงเฉินนั้นจะต้องเป็นศิษย์ของหยิงชิงเฉวียน และเป็นธิดาพรรคมารคนต่อมา..
  การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วและระหว่างที่กำลังรอคอยการกลับมาของหลิงหยุนนั้น ทุกคนต่างก็ได้ทำความรู้จัก และแนะนำตัวซึ่งกันและกัน รวมทั้งเย่ซิงเฉินด้วย..
  และทันทีที่ได้รับการยืนยันฐานะจากปากของเย่ซิงเฉินหลิงลี่เองก็รู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย เขาหวาดกลัวว่าโศกนาฏกรรมดังเช่นเมื่อสิบแปดปีก่อนจะเกิดขึ้นซ้ำรอยกับตระกูลหลิงอีกครั้ง!
  ครั้งนั้นเป็นเรื่องระหว่างหลิงเสี่ยวกับหยิงชิงเฉวียน..และครั้งนี้จะเป็นเรื่องของหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินหรือไม่
  ด้วยเหตุนี้..เมื่อหลิงหยุนขอให้ทุกคนกลับไปก่อน หลิงลี่จึงอดที่จะเหลือบมองเย่ซิงเฉินอีกครั้งไม่ได้!
  หลิงลี่หันไปทางฉินตงเฉี่วยพร้อมกับพูดขึ้นว่า“แม่นางฉิน.. ขอเชิญเจ้าไปดื่มชาที่บ้านตระกูลหลิง!”
  ฉินตงเฉี่วยยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ท่านลุงหลิง.. ข้าเองก็ได้เตรียมที่จะไปเยี่ยมเยียนท่านอยู่แล้ว!”   หลิงลี่ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ลูกสาม.. เจ้านำจินเหยียวไป”
  “เหล่ากุ่ย..เจ้านำซือกงวู่เปิ่นกลับไป ส่วนข้าจะไปพร้อมกับเจ้าคนชั่วนี้!”
  หลังจากพูดจบ..หลิงลี่ก็จับร่างของซือกงถูกระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังของเพียร์ซทันที!
  “เดี๋ยวก่อน..”
  หลิงหยุนร้องตะโกนบอกเหล่ากุ่ยพร้อมกับกระโดดไปหาซือกงวู่เปิ่นแล้วใช้ดัชนีห้าสายทำการสกัดจุดตันเถียน และเส้นลมปราณทั่วร่างกายของมันไว้ แล้วจึงให้เหล่ากุ่ยนำตัวของมันกลับไป..
  หลิงหยุนเกรงว่าหากไม่สกัดจุดซือกงวู่เปิ่นไว้มันจะสามารถฟื้นคืนพลังปราณในร่างกายกลับคืนมาได้ และนั่นจะเป็นอันตรายอย่างมาก!
  “หลิงหยุน..มีอะไรเร่งด่วนก็รีบติดต่อปู่ทันที!”
  หลิงลี่หันไปบอกหลิงหยุนจากนั้นจึงโบกมือร้องสั่งทุกคน “กลับกันได้แล้ว!”   “เจ้าเด็กดื้อ..จัดการทางนี้เสร็จแล้ว เจ้าก็รีบกลับบ้านล่ะ!”
  ฉินตงเฉี่วยหันไปบอกหลิงหยุนพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนหลังจอยซ์และบินตามไปทันที
  และเวลานี้ก็เหลือเพียงแค่หลิงหยุนเย่ซิงเฉิน และเจสเตอร์อยู่ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่..
  หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้วหลิงหยุนก็พูดหยอกเย้าเย่ซิงเฉินที่ยังคงยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา “เฮ้อ.. คิดไม่ถึงว่าจะอ่อนหัดถึงเพียงนี้!”
  “เจ้าว่าใครอ่อนหัด”
  ดวงตาคู่งามของเย่ซิงเฉินจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามออกมาเสียงห้วน..
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“ผู้ใดอ่อนหัด.. ข้าก็ว่าผู้นั้นล่ะ!”
  “ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ!”
  ผ้าแพรไหมดำพุ่งออกจากแขนทั้งสองข้างของเย่ซิงเฉินตรงเข้าที่ลำคอของหลิงหยุนทันที..
  หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอื้อมมือออกไปจับผ้าแพรไหมดำทั้งสองผืนไว้และค่อยๆม้วนมันไว้ที่แขนทั้งสองข้างของตนเอง แล้วเคลื่อนตัวเข้าไปหาเย่ซิงเฉินพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “คนของเรามีตั้งมากมาย..แต่เจ้ากลับปล่อยให้ซือกงวู่ฉิงหนีรอดไปได้ ทั้งที่มันเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่นนี้แล้วไม่เรียกว่าอ่อนหัด จะให้ข้าเรียกว่าอะไรกันเล่า”
  “เวลานั้น..ซือกงวู่ฉิงประมืออยู่กับท่านปู่ของเจ้า ข้าจะสามารถมองเห็นได้อย่างไรกัน และหากข้าไม่เข้าไปช่วย ท่านปู่ของเจ้าก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว!”
  เย่ซิงเฉินตอบโต้กลับทันที..
  “แต่ก็ยังนับว่าเจ้าอ่อนหัดอยู่ดี!เจ้าดูข้าสิ.. ข้ายังสามารถเอาชนะตาเฒ่าซือกงถูได้อย่างง่ายดาย จนมันถึงกับต้องร้องขอความเมตตาเลยล่ะ..”
  เมื่อเห็นหลิงหยุนกล้าพูดจาโอ้อวดตนเองเช่นนั้นเย่ซิงเฉินจึงหันไปมองพร้อมกับพูดประชดประชัน “เจ้าพูดจาโอ้อวดตนเช่นนี้ ไม่รู้สึกอับอายบ้างรึ”   ในเวลานั้น..ร่างของหลิงหยุนก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเย่ซิงเฉินแล้ว และแขนสองข้างของคนทั้งคู่ต่างก็ถูกผ้าแพรไหมดำผูกมัดไว้ เย่ซิงเฉินจ้องมองหลิงหยุน หลิงหยุนเองก็จ้องมองเย่ซิงเฉินเช่นเดียวกัน..
  จากนั้นหลิงหยุนจึงยิ้มออกมาพร้อมกับถามขึ้นว่า“ทุกคนต่างก็กลับไปกันหมดแล้ว เหตุใดเจ้ายังอยู่ที่ีนี่อีกเล่า”
  เย่ซิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ที่นี่เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ขององค์กรนักฆ่าสาขาปักกิ่ง เหตุใดข้าจึงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดัง“ฮ่า.. ฮ่า.. ศูนย์บัญชาการใหญ่งั้นรึ เวลานี้นักฆ่าต่างก็ถูกสังหารตายไปหมดแล้ว!”
  เย่ซิงเฉินตอบโต้กลับไปทันที“คนตายแต่สถานที่ยังอยู่.. อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดที่จะทำอะไร”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาทันทีและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ซิงเฉิน.. เจ้าอย่าลืมว่าข้าเป็นผู้ถล่มที่นี่ก่อน ทุกอย่างที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ก็ต้องตกเป็นของข้าสิ!”
  เย่ซิงเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“เจ้าอย่าได้ฝันกลางวันไปเลย!”
  จากนั้นนางก็พูดต่อว่า“เจ้าสังหารคนของพรรคมารจนหมดเช่นนี้.. ข้ายังต้องคิดดูว่าจะคิดบัญชีกับเจ้าเช่นใด”
  หลิงหยุนตอบกลับมาอย่างไม่เกรงกลัว“จากนี้ไปตระกูลหลิงจะครอบครองปักกิ่ง ถึงตอนนั้นองค์กรนักฆ่ายังจะอยู่ในสายตาของข้างั้นรึ”
  เวลานี้ทุกคนต่างก็กลับกันไปหมดแล้วหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินจึงมีโอกาสได้ต่อปากต่อคำกันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร ทั้งคู่จ้องมองตากันเนิ่นนานก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกัน จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็เมินหน้ามองไปทางอื่น..
  แต่จู่ๆเย่ซิงเฉินก็ถามขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ก่อนหน้าที่เราสองคนพบกัน เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับกับข้าว่าเจ้าคือทายาทตระกูลหลิง ทำให้ข้าต้องคาดเดาไปต่างๆนานา..”   หลิงหยุนจึงย้อนกลับไปว่า“เจ้าเองก็เช่นกัน! ครั้งนั้นเจ้าเองก็ไม่ยอมตอบข้าเช่นกันว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใคร ใช่ท่านแม่ของข้าหรือไม่?”
  หญิงสาวกับชายหนุ่มต่างก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งอยู่ที่เทือกเขาเซียนเหยินหลิงด้วยกันในครั้งนั้นต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก..
  หลิงหยุนยิ้มให้เย่ซิงเฉินพร้อมกับถามขึ้นว่า“แล้วเรื่องที่เจ้าบอกว่าต้องการให้ข้าร่วมมือด้วยนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องสังหารซือกงวู่ฉิงกับซือกงวู่เปิ่นใช่หรือไม่”
  เย่ซิงเฉินพยักหน้าอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง“ถูกต้อง! องค์กรนักฆ่าสาขาปักกิ่งล้วนเป็นคนของพวกมัน และคนของข้าก็ไม่สามารถเอาชนะพวกมันสองพี่น้องได้ หากไม่สังหารพวกมันทั้งคู่ ข้าก็ไม่สามารถเข้าควบคุมที่นี่ได้!”
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า..หากเย่ซิงเฉินสามารถครอบครององค์กรนักฆ่าสาขาปักกิ่งได้ ก็ย่อมหมายถึงความปลอดภัยของตระกูลหลิงเช่นกัน!   หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หลังจากที่เจ้าได้รับข่าวจากเสี่ยวเม่ยเม่ยว่าข้าจะมาปักกิ่ง เจ้าก็รีบตามมาเลยสินะ”
  เย่ซิงเฉินหันไปมองค้อนพร้อมกับตอบไปว่า“ใครบอกว่าข้ารีบมาปักกิ่งเพราะเจ้ากัน”
  หลิงหยุนหยุดอยู่ห่างจากร่างของเย่ซิงเฉินไปราวครึ่งเมตรจากนั้นจึงถอนหายใจออกมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วพึมพำออกไปเสียงเบา
  “น่าแปลก..ทุกครั้งที่เจ้ากับข้าพบกัน พวกเราทั้งคู่ต่างก็อยู่ในสนามต่อสู้!”
  เย่ซิงเฉินยิ้มออกมาพร้อมกับถามขึ้นว่า“แล้วไม่ดีงั้นรึ”
  หลิงหยุนไม่ตอบแต่กลับจ้องมองผ้าแพรไหมดำที่พันอยู่รอบแขนของพวกเขาทั้งคู่แล้วพูดขึ้นว่า
  “ซิงเฉิน..เจ้าดูสิ! พวกเราสองคนพันผ้าแพรผูกมือทั้งสองข้าง ดูราวกับบ่าวสาวที่กำลังเข้าพิธีแต่งงานเลย!”   เย่ซิงเฉินถึงกับใจสั่นและไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุน “เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไรกัน ใครเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้า?”
  หลิงหยุนแสร้งไม่ได้ยินและถามต่อว่า“ซิงเฉิน.. แล้วที่เจ้าพูดว่า ‘คนในครอบครัว’ เจ้าหมายความเช่นไรกัน”
  เย่ซิงเฉินมองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าก็พูดไปส่งๆ ไม่ได้มีความหมายอะไร!”
  หลิงหยุนคร้านที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจึงบอกกับเย่ซิงเฉินไปว่า “ยื่นมือของเจ้าออกมา! ข้าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้!”
  และนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนได้สัมผัสมือของเย่ซิงเฉิน..