บทที่ 1601 ปีแห่งความตาย

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1601 ปีแห่งความตาย

 

พื้นที่ถูกปิดผนึก โลกเปลี่ยนเป็นมิติสีน้ำเงินในครั้งเดียว

 

การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนแปลงไป

 

“นี่คือกับดัก!” บางคนตะโกน

 

หลายคนกระสับกระส่าย

 

ลั่วเว่ยหยินเงียบ สายตาของเซี่ยชากลายเป็นเย็นเยียบ

 

รอยยิ้มของฟางหยวนค่อยๆจางหายไปและกลายเป็นใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกขณะที่เขามองกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ราวกับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

 

ในอดีตอัจฉริยะแห่งทะเลตะวันออกฮัวอันเคยอนุมานเขา ฟางหยวนอนุมานกลับและค้นพบตัวตนของฮัวอัน ตอนนี้ผู้อมตะภาคใต้วางแผนไล่ล่าเขา ฟางหยวนก็สามารถซ่อนแผนอีกครั้ง

 

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะตกลงสู่หลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามโดยง่ายได้อย่างไร? เขาแสร้งแสดงว่าตนเองตกเป็นเหยื่อเพื่อล่อลวงผู้อมตะภาคใต้ให้เข้ามาติดกับดักของเขา

 

“ใจเย็น! เรามีจํานวนมากกว่า ฟางหยวนจะทําสิ่งใดได้”

 

“ถูกต้อง เรามีท่านหญิงเซี่ยชาและท่านลั่วเว่ยหยิน เราไม่กลัวเขตแดนอมตะของเขา!” 

 

“นี่ไม่เหมือนเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต”

 

“แน่นอน สนามรบราชันภูตของเขาถูกภาคกลางทําลายแล้ว วิธีการทําลายยังอยู่ในสวรรค์สีเหลือง แล้วเขาจะใช้มันได้อย่างไร?”

 

ผู้อมตะภาคใต้สามารถสงบจิตใจลงได้ในที่สุด

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ลั่วเว่ยหยินกล่าว “นี่ไม่ใช่เขตแดนอมตะ มันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่”

 

“ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา” เซี่ยชากล่าวเสริม

 

“พวกเจ้าทั้งสองช่างรู้มากนัก” ฟางหยวนยิ้มและพยักหน้า

 

ท่ามกลางเขตแดนอมตะของฟางหยวน เขตแดนที่แข็งแกร่งที่สุดคือดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายและสนามรบราชันภูต เขตแดนแรกเคยใช้สังหารฉินไป่อี้และหยูชานขณะที่เขตแดนหลังเคยกักขังฟงจิวเก้อและทําให้เขาตกอยู่ในสถานการร์ที่สิ้นหวัง

 

แต่ศัตรูทั้งสองครั้งต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับเซี่ยชาและลั่วเว่ยหยินที่เป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะแตกต่างจากเขตแดนอมตะ

 

วิญญาณที่ใช้สร้างเขตแดนอมตะมักอยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ พวกมันจะสร้างเขตแดนที่แยกออกจากโลกภายนอกเพื่อใช้ในการต่อสู้ สําหรับค่ายกลวิญญาณอมตะ วิญญาณจะอยู่ในโลกภายนอก ค่ายกลวิญญาณส่วนใหญ่มีไว้เพื่อปกป้องสิ่งที่อยู่ภายในและป้องกันการโจมตีจากภายนอก ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนมีพลังอํานาจในการแยกพื้นที่เพื่อให้เขาสามารถสังหารศัตรูที่อยู่ภายใน

 

“บึม บึม บึม”

 

การระเบิดปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

“เนื่องจากนี่คือค่ายกลวิญญาณอมตะ เราจึงสามารถค้นหาแกนกลางและทําลายพวกมัน!” ผู้อมตะบางคนไม่สามารถอดทนและเริ่มโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนทันที

 

แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็พบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ท่าไม้ตายที่ระเบิดออกมาราวกับดอกไม้ไฟถูกดับลงโดยไม่ส่งผลกระทบมากนัก

 

การแสดงออกของไท่ชิวจงเปลี่ยไป เขาตะโกนเตือนสหายของเขา “ทุกคนระวัง ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกกระตุ้นการทํางานแล้ว!”

 

“มันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่จะเร่งความเร็วท่าไม้ตายของพวกเราและทําให้พวกมันถึงขีดจํากัด นั่นเป็นสาเหตุที่พวกมันหายไปอย่างรวดเร็ว” หลิวห่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มืดมน

 

การโจมตีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้หยุดลง พวกเขาเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์

 

ผู้อมตะตระกูลช่ายพ่นไฟสีส้มออกมา พวกมันกระจายออกไปโดยไม่มีสิ่งใดถูกเผาไหม้

 

ผู้อมตะตระกูลเชียวส่งก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ออกมาแต่มันกลับละลายหายไปอย่างรวดเร็ว

 

วิธีการทั้งหมดของพวกเขาไร้ประโยชน์

 

ฟางหยวนมองการโจมตีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ด้วยสายตาเย็นชาแต่ไม่หยุดพวกเขา

 

ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยไฟ น้ำแข็ง หรือสิ่งใด พวกมันล้วนถูกค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทําลายทั้งหมด

 

หัวใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้จมดิ่งลง

 

“ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ตอบสนองได้ดีมาก ต้องมีบางคนควบคุมมันอยู่!”

 

“ผู้ใด? มันต้องเป็นสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา!”

 

กลุ่มผู้อมตะแสดงความคิดเห็น

 

เป็นเช่นที่พวกเขาคิด ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดากระต่ายขาว เทพธิดาเมี่ยวหยิน และอิงอู๋เซี่ยเป็นผู้ดูแลแกนกลางแต่ละส่วนของค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

การต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าร่วม แต่มันเพียงพอที่จะต่อต้านผู้อมตะภาคใต้กลุ่มนี้

 

กล่าวได้ว่าผู้อมตะภาคใต้กําลังต่อสู้อยู่กับกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยขณะที่ฟางหยวน ลั่วเว่ยหยิน และเซี่ยซายังไม่เคลื่อนไหว

 

ความสนใจของฟางหยวนอยู่ที่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองคน เขารู้ว่าทั้งสองจะปลดปล่อยพลังอํานาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมาทันทีเมื่อพวกเขาลงมือ

 

ลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชาไม่เคลื่อนไหวแต่พวกเขายังตรวจสอบค่ายกลวิญญาณอมตะของฟางหยวน

 

ลั่วเว่ยหยินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี แม้เขาจะเข้าใจเส้นทางสายอื่น แต่ค่ายกลวิญญาณนี้ยอดเยี่ยมเกินไป คนที่ไม่คุ้นเคยกับมันจะไม่สามารถมองทะลุมันได้อย่างง่ายดาย

 

แต่เซี่ยชาเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา นางมองเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจนกว่าลั่วเว่ยหยิน อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณอมตะของฟางหยวนไม่ได้มีเพียงเส้นทางแห่งกาลเวลาแต่มันยังมีความซับซ้อนของเส้นทางแห่งค่ายกลอยู่อีกด้วย

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเซี่ยชาไม่สูงนัก

 

ดังนั้นเส้นทางแห่งค่ายกลจึงเป็นอุปสรรคสําคัญของนาง

 

“ท่านผู้นํา พวกเราพร้อมแล้ว” เป็นเพียงเวลานี้ที่อิงอู๋เซี่ยแจ้งเตือนฟางหยวน

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและตอบกลับ “เช่นนั้นก็ให้พวกมันเข้ามา”

 

หลังกล่าวจบคําร่างของฟางหยวนก็เลือนหายไปต่อหน้าลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชา

 

“โฮก…”

 

เสียงคํารามของสัตว์ร้ายดังขึ้นทุกหนทุกแห่ง

 

“โฮก! ก๊าก! เจี๊ยก!”

 

เสียงกรีดร้องของสัตว์ป่าจํานวนมากดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

เกลียวแสงขนาดใหญ่ต่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนที่ฝูงอสูรปีจํานวนนับไม่ถ้วนจะพุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

 

วานร อสรพิษ มังกร พยัคฆ์ และอสูรปีทุกรูปแบบปรากฏตัวขึ้น ส่วนใหญ่เป็นอสูรปีเดียวดาย มีอสูรปีบรรพกาลอยู่จํานวนหนึ่ง

 

ในค่ายกลวิญญาณอมตะ นอกจากฝูงอสูรปีก็มีเพียงผู้อมตะภาคใต้เท่านั้น

 

อสูรปีมีสติปัญญาไม่สูงนัก ในไม่ช้าพวกมันก็พุ่งเข้าโจมตีกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ด้วยความดุร้าย

 

“ฆ่าพวกมันให้หมด!” เซี่ยชากล่าวอย่างเฉยเมย

 

ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจ

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มต่อสู้กับฝูงอสูรปีทันที

 

หลิวห่าวสะบัดแขนเสื้อส่งมีดบินจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปแยกร่างอสูรปีอย่างต่อเนื่อง

 

“ดูเหมือนจะมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่ ฟางหยวนพยายามใช้วิธีเดิมอีกครั้ง เขาใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เขาเคยใช้กับฟงจิวเก้อก่อนหน้านี้!”

 

ฟางหยวนเคยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะระบายน้ำเพื่อส่งฟงจิวเก้อเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้เป็นการผสานสามค่ายกลวิญญาณอมตะเข้าด้วยกัน มันถูกเรียกว่าค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตาย

 

อันดับแรก นิกายเงาใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งกาลเวลาสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ ค่ายกลนี้ปกปิดการคงอยู่ของสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา นั่นทําให้ผู้อมตะภาคใต้ไม่ตระหนักถึงมัน

 

ต่อมา ด้วยการใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะระบายน้ำ มันสามารถเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลา

 

สุดท้าย มันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปีแรกกําเนิดที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปดเป็นแกนกลาง มันทําให้พวกเขาสามารถเรียกอสูรปจากสายธารแห่งกาลเวลาออกมาต่อสู้กับผู้อมตะภาคใต้

 

เดิมทีฟางหยวนไม่มีความสามารถในการทําเรื่องนี้ แต่หลังจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาบรรลุระดับปรมาจารย์ สิ่งที่ฉุดรั้งเขาไว้ก็ถูกกําจัด

 

ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งค่ายกลหรือเส้นทางแห่งกาลเวลา ฟางหยวนต่างเป็นปรมาจารย์ทั้งสองเส้นทาง นอกจากนี้เขายังมีมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ และแสงแห่งปัญญา เป็นธรรมชาติที่เขาจะสามารถอนุมานสุดยอดค่ายกลวิญญาณอมตะเช่นนี้

 

“ฆ่า!” ผู้อมตะตระกูลปาตะโกนขณะที่ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้น เขากระทืบอสูรปีเดียวดายจนตายในครั้งเดียว

 

เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นบนร่างของผู้อมตะตระกูลช่ายขณะที่เขาใช้ไฟเผาทําลายอสูรปีนับสิบตัว

 

ไท่ชิวจงกลายเป็นลําแสงสีทองพุ่งเข้าแยกร่างอสูรปราวกับเต้าหู้

 

“ปีศาจฟางหยวน เราต้องขอบคุณเจ้าสําหรับความมั่งคั่งนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉิงหูจางหัวเราะขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้จับอสูรปีที่อยู่รอบๆและนําพวกมันเข้าไปในมิติช่องว่างของตน

 

อสูรเหล่านี้มีวิญญาณปาระดับมนุษย์แต่ไม่มีวิญญาณอมตะ พวกมันไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะภาคใต้

 

ท้ายที่สุดกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ที่ไล่ล่าฟางหยวนก็ไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังของตระกูลต่างๆและมีการบ่มเพาะระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย ดังนั้นผลลัพธ์นี้จึงเป็นไปตามความคาดหวัง

 

ฟางหยวนยังสงบนิ่ง ทุกอย่างอยู่ในการคาดเดาของเขาทั้งหมด การต่อสู้พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น

 

อสูรปียังหลั่งไหลออกเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไม่หยุดยั้ง

 

“เหตุใดถึงมีมากมายนัก?”

 

“ปีศาจฟางหยวนผู้นี้พยายามทําให้พวกเราหมดแรง!”

 

“การทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะเป็นหนทางสู่ชัยชนะ!”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เข้าใจสถานการณ์แต่พวกเขาไม่มีเวลาและสมาธิในการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

คนที่มีโอกาสทําลายค่ายกลวิญญาณนี้มีเพียงลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชา

 

“ก๊าก…”

 

อย่างไรก็ตามเวลานี้อสูรประกาแรกกําเนิดถูกล่อลวงเข้ามาแล้ว

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง ลั่วเว่ยหยินต้องการเคลื่อนไหว แต่ไท่ชิวจงกลับก้าวออกมา “ให้เราจัดการกับมัน พวกท่านทั้งสองควรทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ นั่นเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดที่สุด!”

 

ไท่ชิวจงและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกหลายคนเผชิญหน้ากับอสูรประกาแรกกําเนิด ด้วยความร่วมมือทําให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับอสูรประกาแรกกําเนิดได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

 

“มีแกนกลางอยู่ที่นั่น!” ดวงตาของเซี่ยชาส่องประกายขึ้นขณะที่นางชี้นิ้วออกไป ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดยิงลําแสงลึกลับออกไปและทําให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ค่ายกลวิญญาณอมตะเกิดการสั่นสะเทือนก่อนที่มันจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้รู้สึกสนุกสนาน มีแกนกลางอยู่จริงขณะที่เซี่ยซาสามารถทําตามความคาดหวังของพวกเขา

 

ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก “ พลังอํานาจที่แท้จริงของค่ายกลวิญญาณอมตะกําลังจะแสดงออกมาแล้ว”

 

จุดที่แกนกลางถูกทําลายสร้างเกลียวแสงสองเกลียวขึ้นก่อนที่อสูรปีจํานวนมากจะพุ่งออกมา

 

กลุ่มผู้อมตะตกตะลึง

 

“โฮก…”

 

ด้วยเสียงคํารามที่ดุร้าย อสูรปีขาลแรกกําเนิดกระโดดเข้าสู่สนามรบ

 

“ปล่อยข้า!” ลั่วเว่ยหยินเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก มือของเขากลายเป็นมือยักษ์สีเหลืองพุ่งเข้าคว้าจับอสูรปีขาลแรกกําเนิดเอาไว้ทันที