บทที่ 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

 

ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้นขณะที่เปลือกตาของสมาชิกนิกายเงากระตุก

 

ลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาสามารถกําหราบอสูรปีขาลแรกกําเนิดได้ในครั้งเดียว แม้มันจะไม่ใช่การโจมตี แต่ท่าไม้ตายของเขาก็ทําให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก

 

“ฟ่อ…”

 

อสรพิษเลื้อยคลายออกมาจากเกลียวแสงที่สอง

 

อสูรปีแรกกําเนิดตัวที่สาม!

 

คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นลั่วเว่ยหยินหรือเซี่ยชา การแสดงออกของพวกเขาต่างเปลี่ยนแปลงไป

 

เพราะอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิดตัวนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมา ชัดเจนว่ามันอันตรายกว่าอสูรปีแรกกําเนิดสองตัวก่อนหน้า

 

สิ่งสําคัญที่สุดคือมีโอกาสที่อสูรปีแรกกําเนิดจะปรากฏตัวขึ้นมากกว่านี้

 

“นี่เป็นค่ายกลชนิดใด!?” ผู้อมตะตระกูลเซียวอุทานและรู้สึกถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่

 

“ฆ่า!” ผู้อมตะภาคใต้ตะโกนและปลดปล่อยเจตนาสังหารที่รุนแรงออกมา

 

กองทัพอสูรมีคํารามขณะที่ใช้เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันโจมตีศัตรู

 

มันกลายเป็นสนามรบนองเลือด อสูรปีจํานวนมากเสียชีวิต อย่างไรก็ตามอสูรปียังปรากฏตัวออกมาจากเกลียวแสงอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มได้รับบาดเจ็บ

 

“มีอสูรปีมากเกินไป ค่ายกลวิญญาณนี้แข็งแกร่งมาก จํานวนอสูรปีมีมากกว่าการต่อสู้ของฟงจิวเก้อ” หลิวหาวลอบตกใจ เขามีข้อมูลจากวังสวรรค์ แต่เขายังไม่สามารถทําสิ่งใดเพราะเขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหรือเส้นทางแห่งค่ายกล

 

“ค่ายกลวิญญาณนี้เลวร้ายเกินไป เราต้องทําลายมันเพื่อคว้าชัยชนะ!”

 

“ตราบเท่าที่เราสามารถทําลายบางส่วน เราจะสามารถส่งข้อความขอกําลังเสริมจากพันธมิตร!”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เข้าใจวิธีจัดการกับสถานการณ์แต่พวกเขาขาดวิธีการที่เหมาะสม

 

“ช่างเป็นค่ายกลที่ยุ่งยากนัก เซี่ยชาขมวดคิ้ว หลังจากแกนกลางแรก นางยังไม่พบแกนกลางที่สอง

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าต่ำเกินไป บางทีข้าควรโจมตีอย่างเต็มที่และทําให้มันไม่สามารถรับการโจมตีของข้า ข้าต้องสร้างจุดอ่อนขึ้นมาด้วยตนเอง เจตนาสังหารของเซี่ยชาพุ่งสูงขึ้น นางเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยและเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่นางกลับเริ่มร้อนใจหลังจากตกลงสู่กับดักของฟางหยวน

 

ลั่วเว่ยหยินสัมผัสได้ถึงเจตนาของเซี่ยชา เขาเร่งกล่าวเตือน “อย่าตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน ปีศาจตนนี้เจ้าเล่ห์มาก กระทั่งวังสวรรค์ยังไม่สามารถจับเขา นิกายเงาเคยครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหลก่อนจะถูกทําลาย แต่วิญญาณอมตะหลายดวงที่เหลือยังอยู่ในมือพวกเขา หากท่านโจมตีด้วยกําลังทั้งหมด ท่านอาจตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน เขาจะใช้มันโจมตีท่าน”

 

ความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของสนามรบแห่งความโกลาหลคือการผนึกการโจมตีของศัตรูและสะท้อนกลับ

 

ลั่วเว่ยหยินกล่าวอย่างจริงจังและชาญฉลาด กระทั่งฟางหยวนยังต้องยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แม้ลั่วเว่ยหยินจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่การอนุมานของเขาถูกต้อง อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายใช้วิญญาณอมตะจากมรดกของไห่ฟานเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณอมตะจากสนามรบแห่งความโกลาหลเป็นส่วนสนับสนุนเท่านั้น

 

เซี่ยชาสูดหายใจลึกและมองอสูรประกาแรกกําเนิดด้วยสายตาเย็นชา

 

อสูรประกาแรกกําเนิดถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ พวกเขาล้วนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ทรงพลัง แต่เปรียบเทียบกับอสูรประกาแรกกําเนิด การโจมตีของพวกเขาก็ทําได้เพียงฝากรอยขีดข่วนเล็กๆเอาไว้บนร่างกายของศัตรูเท่านั้น

 

อสูรประกาแรกกําเนิดมีความแข็งแกร่งระดับแปด ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถทําสิ่งใดแม้พวกเขาจะพยายามอย่างหนักก็ตาม

 

สายตาของเซี่ยชาทําให้อสูรประกาแรกกําเนิดรู้สึกถึงภัยคุกคาม มันแยกตัวออกจากกลุ่มผู้อมตะภาคใต้และพุ่งเข้าโจมตีนางทันที

 

“เดรัจฉาน!” เซี่ยชาหัวเราะเย้ยหยัน กลิ่นอายของวิญญาณจํานวนมากปะทุออกมาจากร่างของนางและก่อตัวเป็นท่าไม้ตายอมตะ

 

กรรไกรสีเขียวหยกขนาดใหญ่เท่าช้างพุ่งเข้าเนื้อนลําคอของอสูรประกาแรกกําเนิด

 

กลิ่นดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ แสงแดด สายลม และต้นหญ้าลอยอบอวลอยู่ในอากาศ

 

อสูรประกาแรกกําเนิดมึนงงไปชั่วขณะก่อนที่เลือดจะพุ่งออกมาจากบาดแผลบนลําคอของมัน

 

อาการบาดเจ็บปลุกธรรมชาติที่ป่าเถื่อนของมันขึ้นมา มันพุ่งเข้าโจมตีเซี่ยชาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

 

เซี่ยชาไม่หลบแต่ก่อนที่อสูรประกาแรกกําเนิดจะโจมตีนาง ร่างของนางก็อันตรธานหายไปราวกับฟองสบู่แตก

 

หลังจากนั้นกรรไกรสีเขียวหยกก็บินเข้าโจมตีอสูรประกาแรกกําเนิดอีกครั้ง

 

เมื่อเซี่ยชาหายตัวไป ความสนใจของอสูรประกาแรกกําเนิดก็ถูกกรรไกรสีเขียวหยกดึงดูดไป ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด

 

“นี่คือกรรไกรฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยชา มันทรงพลังจริงๆ” ข้อมูลปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนที่เฝ้ามองอยู่

 

เซี่ยชามีท่าไม้ตายอมตะหนึ่งชุดที่ประกอบด้วยสี่ท่า กรรไกรฤดูใบไม้ผลิเป็นหนึ่งในนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด มันแหลมคมและทรงพลังมาก กระทั่งร่างกายที่แข็งแกร่งของอสูรประกาแรกกําเนิดก็ไม่สามารถป้องกันมันได้

 

ฟางหยวนรู้สึกอิจฉา

 

นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้

 

มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณมีท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดเช่นกัน แต่ฟางหยวนขาดวิญญาณอมตะระดับแปดที่จําเป็น แม้เขาจะสามารถดัดแปลงและใช้วิญญาณอมตะระดับหกหรือระดับเจ็ดแทน แต่พลังอํานาจของมันจะตกลงจากระดับแปด

 

วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพียงดวงเดียวที่ฟางหยวนมีคือวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันสามารถใช้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะอันเชิญอสูรปี ปีแห่งโชคร้าย และอื่นๆ

 

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีสามารถเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาต่อสู้เพื่อฟางหยวน

 

ท่าไม้ตายอมตะปีแห่งโชคร้ายจะส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งโชค

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะทั้งสองไม่สามารถโจมตีได้เหมือนกรรไกรฤดูใบไม้ผลิที่จะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้โดยตรง

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องการท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา

 

“ฉับ ฉับ”

 

อสูรประกาแรกกําเนิดไม่สามารถแข่งขันกับกรรไกรฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยชา มันได้รับบาดเจ็บทั่วร่างและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

 

เซี่ยชาเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวแต่อสูรปีระกาแรกกําเนิดกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของนางได้อย่างชัดเจน

 

“สมกับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ย ความแข็งแกร่งนี้อยู่ในระดับเดียวกับสมาชิกวังสวรรค์” ฟางหยวนถอนหายใจ

 

เมื่อเห็นอสูรประกาแรกกําเนิดกําลังจะตาย ค่ายกลวิญญาณอมตะก็ถูกกระตุ้นใช้งานและนําอสูรประกาแรกกําเนิดออกจากสนามรบทันที

 

“ส่งมาให้ข้า” ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสกําหราบอสูรปีระกาแรกกําเนิดและทําให้มันกลายเป็นทาสของเขา

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงได้รับทาสอสูรปีแรกกําเนิดอีกครั้ง

 

เขาเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาต่อสู้กับผู้อมตะภาคใต้ขณะเดียวกันก็หลอกใช้ผู้อมตะภาคใต้เพื่อทําให้อสูรปีแรกกําเนิดอ่อนแอลงก่อนจะกดขี่มันเป็นทาส

 

วิธีการนี้เคยถูกใช้ในทะเลทรายตะวันตกเมื่อวังสวรรค์ไล่ล่าเขา

 

แต่วิธีการเดิมสามารถใช้ได้ตราบเท่าที่มันยังใช้ได้ผล

 

เซี่ยชากําลังจะฆ่าอสูรประกาแรกกําเนิดและคิดว่าจะได้รับทรัพยากรอมตะระดับแปดที่ล้ำค่า แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะหายไปอย่างกะทันหัน

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้สบถสาปแช่งด้วยความโกรธขณะที่การแสดงออกของเซี่ยชาเปลี่ยนเป็นมืดครื้ม แต่นางยังเผยรอยยิ้ม “ในที่สุดเจ้าก็เผยจุดอ่อน เจ้าต้องการเก็บเกี่ยวอสูรปีแรกกําเนิดตัวอื่นอีกหรือไม่?”

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะจะไม่เปิดเผยข้อบกพร่องหากมันขนส่งเพียงอสุรปีทั่วไป แต่เมื่อมันขนส่งอสูรปีแรกกําเนิด มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง นั่นทําให้เซี่ยชาได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

 

ดังคาด หลังจากนั้นนางก็ค้นพบแกนกลางที่สองและทําลายมัน

 

แต่เสียงโห่ร้องยินดีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลับอยู่ได้ไม่นาน หลังจากแกนกลางที่สองถูกทําลาย มันกลับกลายเป็นเกลียวแสงและปล่อยกองทัพอสูรูปีออกมาอีกครั้ง

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง