TB:บทที่ 212 มัตสึชิตะ

 

ในตอนที่ส่วนหัวของหอกถูกควงอยู่นั้น อักษรรูนบนระฆังทองก็เริ่มทำงาน

ยิ่งอักษรรูนหมุนเร็วขึ้นเท่าไหร่ หอกสีเงินของหลินหนี่ก็ยิ่งถูกบีบและโค้งงอมากขึ้นเท่านั้น

ในตอนที่อักษรรูนทุกตัวเรียงตัวเป็นอักขระโบราณชุดหนึ่ง พลังมหาศาลก็ได้พุ่งออกไป

หอกสีเงินที่ไม่สามารถต้านพลังได้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นพลังที่พุ่งมาได้โจมเข้ากับร่างของหลินหนี่เข้าอย่างจัง ในตอนที่ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ เลือดสีสดได้ไหลทะลักออกมาปากของเขา แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา เดี๋ยวสิ นายอาการหนักขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังทำหน้าฟินได้อีกล่ะ นายเพี้ยนไปแล้วป่ะเนี่ย!

 

ตุบ!

หลังจากกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร หลินหนี่ก็ได้ลงจอดบนพื้น

การระเบิดพลังครั้งนี้ทำให้เฉินหลงใช้พลังไปไม่น้อย เขาพักหายใจให้ร่างกายสงบลงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปตามทางที่หลินหนี่ลอยไป

ในตอนที่เฉินหลงเดินมาถึงตัวหลินหนี่ เขาได้กรอกยาชนิดหนึ่งเข้าไปในปากของอีกฝ่าย

ในตอนนี้ หลินหนี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทันทีที่เขาได้เห็นหน้าเฉินหลง เขากลับระบายยิ้มแห่งความสุขออกมา ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยเลือดก็ตาม ช่างเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่ามองเอาเสียเลย

 

“ระฆังทองของนายอยู่ในขั้นสิบสองแล้วใช่ไหม? ระฆังทองชั้นสิบสองนี่ทรงพลังจริงๆ อึก ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันแพ้…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว เก็บพลังของนายเอาไว้เถอะ” เฉินหลงจ้องมองหลินหนี่ที่ยังฝืนพูดกับเขาอยู่ เจ็บขนาดนี้แล้วยังมีแรงพูดอีกหรอ จริงๆเลย

เฉินหลงขอชื่นชมหลินหนี่จริงๆ ในตอนที่เขาใช้ลมปราณกดจุดชีพจรตัดโลหิตต่อสู้กับอีกฝ่าย เขามีสิทธิ์ถอยและป้องกันการโจมตีได้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เลือกที่จะไม่ถอยไปแม้แต่ก้าวเดียว เฉินหลงละอยากจะถามอีกฝ่ายจริงๆว่าทำเขาถึงได้อดทนได้ขนาดนี้นะ

 

“อะ.. เอาเลยสิ! ตอนนี้ชีวิตของฉันอยู่ในกำมือของนายแล้ว มา จัด..จัดการฉันซะตอนนี้เลยสิ แค่กๆ” หลินหนี่ยังคงพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม

“หึ ฉันนี่ไม่สุภาพเอาซะเลย” ด้วยเหตุนี้ เฉินหลงกำหมัดไปทางด้านหน้า

เมื่อเห็นมือของเฉินหลงที่กำเข้าหากันตรงหน้าเขา หลินหนี่ก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แต่บนใบหน้าของเขายังคงประดับด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ ครั้งนี้เขาแพ้เฉินหลงแล้ว เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ตายคามือของเขา

แต่นอนรออยู่สักพัก เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงการโจมตีใดๆ เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา

 

ในตอนนี้ เฉินหลงไม่ได้ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว แต่ในร่างกายของเขามีพลังประหลาดที่ค่อยๆรักษาอาการบาดเจ็บตามร่างกายของเขาอยู่

“สุดยอด! น่าสนใจ! นายมันน่าสนใจจริงๆ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ในตอนนี้รู้ว่าพลังที่คอยรักษาตามร่างกายของเขามาจากเฉินหลง หลินหนี่ถึงกับต้องหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เฮ้อ ไอ้หมอนี่มันเพี้ยนจริงๆนั่นแหละ

แต่เพราะหัวเราะมากไปหน่อย มึนจึงกระทบกับบาดแผลตามร่างของเขา ทำให้เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยิ้มได้

“เฉินหลง! ฉันจะเขียนเรียงความเรื่องความรักของนายที่มีต่อฉันให้ ฉันจะยอมปล่อยนายไปก่อนก็ได้ ครั้งหน้าถ้าฉันมีโอกาส ฉันจะฆ่านาย!” หลินหนี่ที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นตะโกนออกมาดังๆ

หลินหนี่ได้กระอักเลือดออกมาอีกรอบ

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หลินหนี่เห็นว่าอาการบาดเจ็บตามร่างกายของเขาดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้

“ฝีมือของเฉินหลงช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ” หลังจากนั้นหลินหนี่ก็พยายามลุกขึ้นนั่ง และเริ่มปรับลมหายใจพร้อมกับทำการรักษาตัวเอง

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหนี่ เฉินหลงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ พึมพำว่า “ไอ้บ้านี่…”

ขนาดว่าหลินหนี่ได้รับบาดเจ็บยังหลงเหลือความคิดที่จะฆ่าเขา เฉินหลงไม่ได้รู้สึกแย่ที่มีศัตรูแบบนี้ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร มันอาจเป็นแรงปลักดันให้เขาก้าวต่อไปได้ก็ได้

 

หลังจากนั้นเฉินหลงเดินกลับหาแก๊งห้าสีของดาบาร์

หลังจากที่ได้รับชมการต่อสู้ระหว่างเฉินหลงกับหลินหนี่ ชายหัวหมออย่างดาบาร์ก็ได้เข้าใจพลังที่แท้จริงของเฉินหลง ก่อนหน้านี้ ที่คนๆนี้ได้สู้กับคนทั้งห้า อีกฝ่ายแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามเลยสักนิด

ดาบาร์พยายามปั้นยิ้มบนใบหน้า แต่รอยยิ้มนั้นกลับบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียดสุดๆ ถ้าพี่จะยิ้มแบบนี้ ผมว่าพี่อย่าฝืนเลยดีกว่า

“ไม่ต้องกลัว อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ผมจะไม่ฆ่าพวกคุณ แล้วผมก็จะปล่อยพวกคุณให้เป็นอิสระ แต่! ก่อนจะไป ต้องกินนี่ก่อนนะ” ว่าแล้ว เฉินหลงก็หยิบผลซื่อสัตย์ออกมาพร้อมกับกัดมันหนึ่งคำ แล้วยื่นไปที่ปากของดาบาร์และพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม

“จริงเหรอ!? ถ้าฉันกินแล้ว นายจะปล่อยฉันไปจริงๆใช่ไหม?” ดาบาร์หันไปถามเฉินหลง

 

ถึงเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าผลไม้นี้ต้องเก็บซ่อนพลังบางอย่างอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่กิน ก็หนีไม่ได้น่ะสิ!

“ใช่แล้ว! คนอย่างผมพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว!” เฉินหลงรับประกัน!

หลังจากจ้องมองเฉินหลงอยู่ครู่หนึ่ง ดาบาร์ก็ยอมอ้าปากแล้วกัดผลซื่อสัตย์เข้าไป

หลังจากนั้น เฉินหลงก็กัดผลซื่อสัตย์แล้วส่งให้อีกสี่คนที่เหลือ

เมื่อถึงตาของเจสสิก้า เธอไม่อยากกินผลซื่อสัตย์ที่เฉินหลงกัดมันไปแล้ว แต่เธอก็ถูกเฉินหลงบังคับให้กินมันเข้าไป ถ้าเขาอยากได้ลูกน้องเพิ่ม เขาก็ต้องไร้ความปราณี!

วิธีนี้ ทำให้เฉินหลงมีลูกน้องที่มีระดับกำเนิดเพิ่มขึ้นมาอีกห้าคน

 

หลังจากนั้น เฉินหลงก็เดินกลับไปหาหลินหนี่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีลมหายใจ เขาจึงพาดาบาร์และคนอื่นๆขึ้นเรือยอทช์และไปจากเหาะนี้ในทันที

หลังจากที่เรือแล่นออกจากฝั่ง เฉินหลงได้ต่อสายไปหาลั่วฮุ่ย

หลังจากรู้ว่าเฉินหลงปลอดภัยดี ลั่วฮุ่ยก็รู้สึกโล่ง อย่างไรก็ตามในตอนที่เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถไล่ตามเฉินหลงไปได้ เขาก็ทำได้แค่รู้สึกผิดที่จะต้องบอกว่าถ้าเขากลับมาแล้ว พวกเราค่อยไปด้วยกันอีกครั้ง

ส่วนกู่เหวิน เฉินหลงไม่รู้ว่าเธออยู่บนเรือ และกู่เหวินเองไม่รู้ว่าเฉินหลงอยู่บนเรือเช่นกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคลาดกันนั่นเอง

นอกจากนี้การที่เขาโกงเงินคนทั้วไป เกรงว่าเรื่องนี้ พวกเขาคงต้องหาวิธีเอาตัวรอดด้วยตัวเองเท่านั้น

 

หลังจากที่วางสาย เฉินหลงถามดาบาร์ว่า “คุณรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”

“นายท่าน ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากญี่ปุ่นมากนัก” ดาบาร์รีบตอบ

ดาบาร์เป็นคนเลือกเกาะร้างที่ไร้สิ่งมีชีวิตแห่งนี้ แน่นอนว่าเขาจะตองรู้จักพื้นที่ตรงนี้เป็นอย่างดี

“ใกล้กับญี่ปุ่น? ดี ถ้างั้นพวกเราไปญี่ปุ่นกันเถอะ!” เมื่อเขาได้ยินว่าที่นี่อยู่ไม่จากญี่ปุ่นใกล้ เฉินหลงก็ได้บอกเรื่องนี้กับดาบาร์

เฉินหลงยังจำคนที่ตั้งใจขโมยของจากบริษัทของเขาไปได้ ในหมู่คนพวกนั้น ยังมีคนที่ได้รับคำสั่งจากปีศาจญี่ปุ่น และผู้ส่งสารคือผู้นำแห่งบริษัทมัตสึชิตะ ที่คุ้นเคยกับคนจีนเป็นอย่างดี

 

อย่างที่ทราบกันดีว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ในอันดับต้นๆของโลกทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความสามารถครอบคลุมของประเทศเป็นสองรองลงมาจากสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวเท่านั้น แต่บางอย่างในประเทศนี้ก็ได้ล้ำหน้าสหรัฐอเมริกาไปแล้ว

แม้ว่าเฉินหลงจะดูถูกประเทศที่รับใช้ชาตินี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศนี้ เพราะมันล้ำสมัยจริงๆ

อาจเป็นเพราะรูปแบบโครงสร้างของชาติของพวกเขาในแง่มุมต่างๆ ทำให้พวกเขามีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ไม่ธรรมดา

 

บริษัทเทคโนโลยีมัตสึชิตะเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงมากในประเทศญี่ปุ่น

หลังจากลงจากที่เกาะโยโกฮาม่า เฉินหลงก็พาคนทั้งห้าไปที่โตเกียว

ถึงเฉินหลงจะไม่รู้ว่ามัตสึชิตะ สึชิ จะมีหน้าตาแบบไหน แต่เขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง ตราบใดที่คุณค้นหาชื่อเขาในอินเทอร์เน็ต คุณจะได้เห็นหน้าตาของเขาทันที ถ้าเขาอยากรู้ว่าหน้าตาของอีกฝ่ายเป็นยังไง ของแบบนี้ง่ายนิดเดียว ทันทีที่เครื่องดักจับเล็งเป้าไปที่เขา อีกฝ่ายก็ไม่มีทางหลบซ่อนจากสายตาของเขาไปได้

 

ที่วิลล่าแห่งหนึ่งในย่านกินซ่า โตเกียว มัตสึโมชิกำลังระบายความหงุดหงิดของตัวเองอยู่ จากที่เห็น ตัวเขาไม่ค่อยสูงและอายุสี่สิบปี เขาเป็นแค่ปีศาจตัวเล็กๆธรรมดาตัวหนึ่ง แต่ออกจะมีนิสัยหยาบคายนิดหน่อย

ความหงุดหงิดของเขาถูกส่งไปยังเด็กสาวหน้าตาสะสวยสองคนในชุดนักเรียน ที่น่าจะมีอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี

ทั้งแส้ ทั้งเทียน เสียงของหญิงสาวที่กำลังร้องขอความเมตตาสามารถทำให้ความหงุดหงิดของมัตสึชิตะลดลงได้

ฉันใช้เงินเป็นพันล้านดอลลาร์เพื่อขอให้แก๊งซากุระไปจัดการ แต่มันก็ยังทำไม่สำเร็จ ถึงแก๊งซากุระจะคืนเงินห้าร้อยล้านมา แต่ฉันก็ยังเสียเงินตั้งห้าร้อยล้านอยู่ดี บัดซบ!

 

เขารู้ดีว่าแก๊งซากุระเป็นองค์กรแบบไหน เขาจึงไม่กล้าเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงต้องระบายความโกรธที่เขามีกับเด็กสาวจนสมใจ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มัตสึชิตะ สึชิได้ออกแรงหวดแส้ที่อยู่ในมือหนักขึ้นเล็กน้อย

เด็กสาวทั้งสองเปรียบดั่งบุปผา แม้ว่ามัตสึชิตะจะทำให้พวกเธอได้รู้จักโลกอีกใบ พวกเธอก็ทำได้แค่อดทนเท่านั้น

เศรษฐกิที่เจริญก้าวหน้า แต่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็มีมากเช่นกัน คนรวยสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ส่วนคนที่ไม่มีเงินก็มีหน้าที่อดทนเยี่ยงสุนัขรับใช้เท่านั้น!