บทที่ 917 บีบบังคับให้สารภาพ

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 917 บีบบังคับให้สารภาพ

ขณะที่เข้าใกล้โลงศพ หัวใจของฉินเทียนพลันประหม่าอย่างอดไม่ได้

โลงศพนี้มีมานานนับพันปีแล้ว หากเขาเปิดนั่นคือสิ่งของต้องห้ามของประวัติศาสตร์หรือไม่?

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหม่ามากยิ่งขึ้นอย่างไม่อาจอธิบายได้นั่นก็คือเขารู้สึกว่าภายในโลงศพนี้ แม้ว่าจะลมหายใจจะหนักอึ้ง แต่ทว่ากลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก

จะต้องเป็นความรู้สึกที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน!

จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้นได้อย่างไร? พระชายางูจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน!

ถ้าหากไม่ใช่เพราะซูซู ไม่ได้ตามหาเห็ดหลินจือเลือด เขาก็จะไม่มีทางกระทำเรื่องที่ไม่เคารพต่อประวัติศาสตร์เช่นนี้

เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กัดฟันแน่น วางมือลงบนโลงศพอย่างเชื่องช้า ใช้แรงเพียงเล็กน้อย ด้วยเสียงเสียดสีดังขึ้น ฝาโลงศพถูกดันออกไปเล็กน้อย

ขณะนี้ ทุกคนล้วนแต่กำลังกลั้นหายใจ สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังด้านในของโลงศพ

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ภายในโลงศพอย่างชัดเจน ภายในสายตาของทุกคนต่างสั่นไหวและหวาดผวา

ผ้าไหมผ้าแพรกลายเป็นขี้เถ้า

เครื่องประดับทองและเงินนั่นหมองหม่นแล้วเพราะเปรอะฝุ่น

อดีตกาล ราชาผู้ทรงเสน่ห์ พระชายางูผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นสาวงามจากรุ่นสู่รุ่น ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่ซากกระดูกขาว

แต่ทว่า ด้านข้างกระดูกขาวนั้นมีงูยักษ์สีขาวราวกับหิมะกำลังขดตัวอยู่!

เมื่อได้รับการรบกวนและทำให้รู้สึกถึงความตื่นตระหนก ดวงตาสีแดงทับทิมของมันจึงเปิดออก เผยให้เห็นถึงความเยือกเย็นเล็กน้อย

“ฟ่อ ฟ่อ!”

เมื่อเห็นงูขาว ราชางูที่อยู่ด้านนอกพลันเลื้อยเข้ามาในทันใด งูทั้งสองตัวแลบลิ้นออกมาพร้อมกัน จ้องมองฝูงชนด้วยสายตาเป็นปรปักษ์

และใต้ท้องของงูขาวนั้นมีรังไข่สีขาวอยู่รังหนึ่ง

ฉินเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ท้ายที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ราชางูจะให้ความสนใจกับโลงศพมากถึงขนาดนี้ มันยอมตายดีกว่าหนีจากไป ที่แท้เป็นเพราะงูตัวเมียตัวหนึ่งกำลังวางไข่อยู่ภายในโลงศพ

ราชางูกำลังปกป้องพระชายางูของตนเอง

“พี่เทียน คุณดูที่ปากของโครงกระดูกสิ? ไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่มาก” ไป๋หลิงเอ่ยเตือนด้วยเสียงแผ่วเบา

จากนั้นฉินเทียนก็สังเกตเห็นว่าภายในกะโหลกศีรษะมีเม็ดไข่มุกขนาดเท่าไข่ไก่

ไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่ขนาดนี้จะต้องเป็นของหายากแน่ เมื่อพระชายางูตาย ฮุนโหวได้ให้คนนำไปใส่ไว้ภายในปากของหล่อนอย่างแน่นอน

นี่สามารถเป็นหลักฐานยืนยันได้ ฮุนโหวนั้นรักใคร่และหลงใหลพระชายางูผู้นี้มากเพียงใด

ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต่างแดนส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ รูปโฉมจะต้องงดงามมากเพียงใด ถึงได้รับการโปรดปรานจากราชา? ฉับพลันฉินเทียนเกิดความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

ภายในหัวใจนั้นแอบคาดหวังให้ศพยังคงสภาพ เพื่อที่จะได้ยลโฉมความงานของอดีตเมื่อพันปีก่อน

แต่ทว่านั้นก็ไม่สามารถเป็นไปได้แล้ว

แม้ว่าความงดงามจะเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน ท้ายที่สุดก็ยังคงกลายเป็นเพียงกระดูกขาว ทำให้ผู้คนพลันทอดถอนหายใจ

“นายทำอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้!”

ฉับพลันฉินเทียนส่งเสียงร้องดังลั่น

เดิมทีขณะที่จิตใจของเขากำลังเหม่อลอย เฝิงเปียวรีบเหยียดมือออกมาและคว้าคัมภีร์ขนาดเล็กเล่มหนึ่งออกไปจากโลงศพ

ไม่รู้ว่าคัมภีร์ขนาดเล็กเล่มนี้ทำมาจากวัสดุชนิดใด กาลเวลาผันผ่านนานนับพันปีกลับยังไม่เน่าเปื่อย

“วิชายุทธ์”

“นี่จะต้องเป็นวิชายุทธ์ประหลาดจากต่างแดนอย่างแน่นอน พระชายางูจะต้องพึ่งพาวิชายุทธ์นี้ เช่นนั้นแล้วจะทำให้ผู้คนมีจิตใจเคลิบเคลิ้มและหลงใหล”

“เร็วเข้า ปกป้องวิชายุทธ์” เกาชาวตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น

เพียงเสี้ยววินาที กลุ่มคนที่ต่างถอยร่นออกไป กลับล้อมวงอีกครั้งและเผชิญหน้ากับฉินเทียน

ขณะนั้นหัวใจของฉินเทียนพลันเต้นตึกตัก หรือว่าจะมีวิชายุทธ์ประหลาดของต่างแดนจริงงั้นหรือ?

เขาจ้องมองเฝิงเปียว และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่เป็นสิ่งของของประเทศชาติ ไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่สามารถเก็บเป็นทรัพย์สินส่วนตัวได้!”

เฝิงเปียวหัวเราะเสียงดัง เขาจ้องมองเหมยควนและเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “หัวหน้าเหมย คุณเองก็นับได้ว่าเป็นคนของประเทศ คุณพูดมา สิ่งนี้คือของคุณชายของพวกเราหรือไม่?”

“ตอนนี้ฉันได้มอบมันให้กับคุณชายเกา ใครจะกล้าว่าอะไร?”

ขณะกล่าว เขายื่นคัมภีร์ให้แก่เกาชาว

เหมยควนในฐานะหัวหน้าเล็กคนหนึ่งแห่งมังกรซ่อนรูป สมาชิกใต้บัญชาการหลายคนของเขา นอกจากยิ้มอย่างเก้ๆกังๆแล้วก็ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะผายลมออกมา

“ฉันจะดู ด้านในมันคืออะไรกันแน่!”

เกาชาวแทบรอไม่ไหว เขารีบเปิดคัมภีร์ในทันที หลังจากที่อ่านจบ เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

“ท่าทางประหลาดนี้คืออะไรกัน?”

“พี่เฝิง หญิงสาวคนนี้ฝึกฝนกังฟูหรือเปล่า?” เขายื่นคัมภีร์ให้กับเฝิงเปียว

เฝิงเปียวจ้องมองอย่างละเอียด ใบหน้าแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ ลังเลอยู่ชั่วขณะ เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณชาย เกรงว่าพวกเราจะตกหลุมพรางเข้าแล้ว”

“กระบวนท่านี้ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับโยคะ…”

“โยคะงั้นหรือ?”

“คุณกล่าวว่าพระชายางูนี้กำลังฝึกฝนโยคะหรือ?” สีหน้าของเกาชาวดูสับสน

เมื่อฉินเทียนนึกถึงบางสิ่ง อดไม่ได้ที่จะหลุดเสียงหัวเราะออกมา ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว

“แอก…”

“ที่แท้การที่ฮุนโหวนั้นหลงใหลในพระชายางูนี้ก็เป็นเพราะว่าพระชายางูนั้นเป็นยอดฝีมือแห่งการโยคะงั้นสินะ”

“ต่างแดน ใช่แล้ว นั่นเป็นแหล่งกำเนิดของโยคะ”

ไป๋หลิงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ทำไมเล่นโยคะเป็นแล้วสามารถทำให้ผู้คนหลงใหลได้ล่ะ?”

“โยคะนั้นมีเสน่ห์พิเศษอะไรงั้นหรือ?”

“เอ่อ…” ชั่วขณะหนึ่งฉินเทียนเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายอย่างไร

“บัดซบ!” เกาชาวโยนคัมภีร์เล่มเล็กลงบนพื้น เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ฮุนโหวผู้นี้ไม่เคยเห็นโลกกว้าง!”

“หลงใหลหญิงต่างแดนคนหนึ่ง เพียงเพราะหล่อนรูปร่างดีและมากด้วยเขบ็จขบวน!”

“ถุย!”

“ช่างทำร้ายจิตใจของฉันเสียจริง!”

ทุกคนต่างยิ้มด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด

รูปร่างดีและมากด้วยเขบ็จขบวน? ราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง ไป๋หลิงเงียบงันและใบหน้าแดงก่ำ

“ไม่มีวิชายุทธ์ ฉันก็ต้องการสมบัติเหล่านี้ อีกทั้งยังต้องการไข่มุกราตรีด้วย!”

“พวกนายจงฟัง สิ่งของทุกอย่างที่อยู่ภายในสุสานแห่งนี้ จะต้องเก็บกลับไปให้ฉัน!”

ความดีใจที่เปล่าประโยชน์ เกาชาวนั้นไม่ยินยอม เขาต้องการนำสมบัติเครื่องประดับโบราณทั้งหมดกลับไปเพื่อชดใช้

“แฮ่ม เอ่อคือ คุณชายเกา—” เหมยควนแสดงท่าทางอึดอัดเล็กน้อย อยากจะกล่าวบางสิ่ง

เกาชาวโบกมือไปมาและเอ่ยอย่างไม่แยแส “วางใจเถอะ ไม่ได้ให้พวกคุณมาเสียเที่ยวอย่างแน่นอน”

“ในเมื่อพวกคุณมาแล้วและได้เห็นแล้ว เช่นนั้นก็จะได้รับส่วนแบ่ง”

เหมยควนและคนอื่นต่างลอบกลืนน้ำลาย เห็นหีบสมบัติมากมายอยู่รอบตัว นัยน์ตาแสดงความปรารถนาและความโลภอย่างอดไม่ได้

เกาชาววิ่งตรงไปยังโลงศพ เขาต้องการไข่มุกราตรีที่อยู่ภายในปากของพระชายางู

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าราชางูต้องปกป้องงูตัวเมีย เป็นช่วงเวลาสำคัญที่งูตัวเมียกำลังวางไข่ ดังนั้นตราบใดที่เขาไม่ยั่วยุพวกมัน งูทั้งสองตัวเพื่อที่จะปกป้องตนเอง พวกมันจะไม่เป็นฝ่ายริเริ่มการจู่โจม

เขาเพียงแค่ต้องการนำสมบัติไปก็เท่านั้น

“คุณชาย ระวัง!” เฝิงเปียวเห็นเงาของร่างกายหนึ่งฉายผ่านไปบริเวณด้านหน้าของเขา เขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากนั้นเขาโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนของเขาเตรียมพร้อมเข้าไปช่วยเหลือ

แต่ทว่ากลับช้าไปก้าวหนึ่ง

“อย่าขยับ!”

เพียงแค่แสงวาบผ่าน ฉินเทียนก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเกาชาว มือข้างหนึ่งของเขาคว้าคอของเกาชาวไว้

“ไอ้หนู รีบปล่อยคุณชายของพวกเราเสียเถอะ!”

“ไม่อย่างนั้นฉันยิงแน่!”

คนของเกาชาวที่อยู่รอบด้านต่างก็แสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยว ทุกคนต่างเพ่งเล็งมายังฉินเทียนอีกครั้ง

ฉินเทียนเอ่ยเย้ยหยัน “พวกคุณสามารถยิงได้เลย แต่ฉันรับรองว่าคนแรกที่จะต้องตายก็คือคุณชายของพวกคุณ”

ขณะที่เขากล่าว มือของเขาก็เพิ่มกำลังขึ้นเล็กน้อย

ฉับพลันเกาชาวก็ส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว

“อย่า!”

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

“คุณฉิน อย่าได้หุนหันพลันแล่น!”

“ไอ้สุนัข ยังไม่รีบวางปืนลงอีก! คุณฉิน พวกเรามาพูดคุยกันดีๆเถอะ”

“นายต้องการส่วนแบ่ง60%ใช่ไหม? งั้นตกลง ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ของพวกเรา สิ่งของที่นี่คุณเอาไปได้เลย60%!”

ฉินเทียนส่ายศีรษะ “สิ่งของที่นี่ฉันไม่ต้องการ นายเองก็ไร้คุณสมบัติที่จะได้รับไปเช่นกัน”

“บอกฉัน ภายในสุสานฮุนโหว พวกนายพบอะไรกันแน่?”

เขารู้ เกาชาวและคนอื่นจะต้องค้นพบสมบัติล้ำค่าภายในสุสานฮุนโหวอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อค้นพบสมบัติแล้วก็ยังต้องการสมบัติอีก เช่นนั้นพวกเขาจึงได้ให้ความสนใจกับการค้นหาสุสานโบราณเช่นนี้ต่อ

ก่อนหน้านี้คิดว่าหลังจากค้นพบสถานการณ์ของสุสานพระชายางูแล้วเขาค่อยใช้โอกาสเปิดปากเกาชาว ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขานั้นจะไม่ต้องลำบากขนาดนั้นอีกแล้ว

ในเมื่อเรื่องนี้ถูกเผยต่อสาธารณะแล้ว เขาเองก็ไม่ถือสาที่จะบีบคั้นเอาความด้วยการทรมาน