ฮ่องเต้ไม่ได้ปล่อยโม่ อวี้เอ้อร์ไปง่ายๆ เขายังคงถามขึ้น “เจ้าจะช่วยองค์ชายสามได้หรือไม่?”
“ไม่ได้เพคะ!” โม่ อวี้เอ้อร์ ตอบด้วยน้ำเสียงที่แข็งทื่อ
ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของหมอหลวงฉิน ฮ่องเต้ก็จะไม่เชื่อว่านางมีทักษะทางการแพทย์ ดังนั้นฮ่องเต้จึงต้องข่มขู่นางขึ้น “ถ้าองค์ชายสามตาย เจิ้นก็จะฝังบิดาของเจ้าไปกับเขาด้วย”
ฮ่องเต้ไม่ล้อเล่น แต่โม่ อวี้เอ้อร์ ก็ยังไม่ได้พูดอะไรเพื่อยอมรับ
หมอหลวงฉินและพระสนมโจว แอบรู้สึกเป็นกังวล ทั้งสองคนนี้ไม่ได้คาดหวังว่าโม่ อวี้เอ้อร์ จะหยิ่งยโสถึงเพียงนี้ นางถึงกลับไม่สนใจแม้แต่เรื่องความตายของบิดาของนางเอง
ภายใต้สถานการณ์หนักอึ้งดังกล่าว หมอหลวงฉินไม่สามารถทำอะไรได้ แต่พระสนมโจวไม่ยอมแพ้ให้กับโม่ อวี้เอ้อร์ จู่ๆ นางก็คว้ามือของนางเอาไว้และพูดขึ้น “อวี้เออร์พี่หญิงคนนี้ขอร้องเจ้า ข้าขอร้อง จื่ออันเป็นบุตรชายของฮ่องเต้ เจ้าสามารถทำให้หัวใจของเจ้าอ่อนลงและช่วยเขาได้หรือไม่? แล้วพี่หญิงคนนี้จะตอบแทนเจ้าแม้กระทั่งชีวิตหลังความตาย ”
“ข้าไม่สามารถช่วยเขาได้” โม่ อวี้เอ้อร์ ยังคงปฏิเสธ พระสนมโจวไม่สนใจนางยังคงขอร้องและร้องไห้ต่อไป
ฮ่องเต้ไม่สามารถบอกได้ว่าโม่ อวี้เอ้อร์ กำลังบอกความจริงหรือไม่ แต่เมื่อเห็นการแสดงออกที่น่าตกใจของหมอหลวงฉิน ฮ่องเต้ก็ช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น
เมื่อเทียบกับหมอเทวดาโม่ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ฮ่องเต้จะเชื่อคำพูดของหมอหลวงฉินมากกว่า เพียงแต่ว่า คำพูดของโม่ อวี้เอ้อร์ ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ของปลอม
ดูเหมือนว่าเขาต้องลองอีกที!
ดวงตาของฮ่องเต้เปลี่ยนไปและเขาก็ตะโกนขึ้น “อวี้เอ้อร์ เจิ้น จะถามเจ้าอีกครั้งว่าเจ้าจะช่วยองค์ชายสามหรือไม่?”
คำตอบของโม่ อวี้เอ้อร์ ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป”ไม่สามารถช่วยเขาได้เพคะ”
“ในเมื่อเจ้าไม่สามารถช่วยองค์ชายสามได้ แล้วเจ้าจะมีประโยชน์อะไร มาลากนางออกไปและตัดศีรษะของนางเสีย! “อารมณ์ของฮ่องเต้เปลี่ยนไป ราวกับว่าทุกความรักของเขาก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น ทุกคนรู้สึกตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ แม้แต่พระสนมโจวก็คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตามโม่ อวี้เอ้อร์ ไม่ได้ตกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะนางเชื่อมั่นว่าฮ่องเต้จะไม่ฆ่านาง
ผู้หญิงที่ไม่กลัวความตายและมีความงดงามเป็นภัยคุกคามใหญ่ในวังหลัง
ในขณะนี้พระสนมโจวได้ทำเครื่องหมายให้โม่ อวี้เอ้อร์ เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนางแล้ว
องครักษ์หลวงที่เข้ามาและลากตัวโม่ อวี้เอ้อร์ออกไป โม่ อวี้เอ้อร์ไม่ได้ต่อสู้ แต่เมื่อฮ่องเต้และพระสนมโจวคิดว่านางไม่กลัวความตายจริงๆ โม่ อวี้เอ้อร์ก็เปิดปากของนางขึ้น “ฝ่าบาท แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ช่วยองค์ชายสามได้ แต่หม่อมฉันก็รู้ว่ามีใครคนหนึ่งที่สามารถช่วยเขาได้”
“ใคร” ฮ่องเต้ไม่กลัวที่จะสูญเสียผู้หญิงคนหนึ่งในวังหลังของเขา โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่กลัวความตาย
แต่เมื่อเห็นตาที่จริงจังของโม่ อวี้เอ้อร์ ฮ่องเต้ก็ได้แต่แอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เป็นเสี่ยวหวางเฟย หลิน ชูจิ่วเพคะ “โม่ อวี้เอ้อร์พูดชื่อของหลิน ชูจิ่วออกมาในขณะที่กัดฟันของนาง นางเกลียดหลิน ชูจิ่วที่คว้าตำแหน่งของนางไป ถ้าไม่ใช่เพราะนาง นางก็จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ถ้าหลิน ชูจิ่ว ไม่มีตัว นางก็จะเป็นผู้หญิงของเสี่ยวหวางเย่ นางไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ นอนอยู่ข้างเตียงกับผู้ชายที่น่าขยะแขยง
โม่ อวี้เอ้อร์ เกลียดหลิน ชูจิ่ว เข้าไปที่กระดูก แต่นางไม่ได้แสดงให้เห็นในดวงตาและใบหน้าของนาง ราวกับว่านางเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น
“หลิน ชูจิ่วหรือ?” หลังจากได้ยินชื่อหลิน ชูจิ่ว จากปากของพ่อและลูก อารมณ์ของฮ่องเต้ก็ไม่ดีมาก
“หลิน ชูจิ่ว? นางสามารถรักษาจื่ออันได้หรือ”แม้ว่าพระสนมโจวจะเกลียดหมอเทวดาโม่และโม่ อวี้เอ้อร์ แต่คราวนี้สิ่งที่นางต้องการก็คือให้บุตรชายของนางหายขาด
ดังนั้นไม่ว่าอะไรที่ทั้งสองคนแนะนำมา นางก็จะลองดู
“เพคะ” โม่ อวี้เอ้อร์ ตอบโดยไม่ลังเล”ทักษะทางการแพทย์ของนางดีมาก ทักษะของนางไม่ด้อยไปกว่าบิดาของหม่อมฉันแม้แต่น้อย “โม่ อวี้เอ้รอ์ ยอมรับว่านางเป็นสุนัขจิ้งจอก แต่แล้วจะอย่างไร?
ตราบเท่าที่ฮ่องเต้เชื่อคำพูดของนางและเรียกหลิน ชูจิ่วเข้าวัง และหลิน ชูจิ่วจะล้มเหลวในการรักษาเสี่ยว จื่ออัน และชีวิตของนางก็จะจบลงอย่างอนาถ!
หลิน ชูจิ่วรู้สึกหดหู่มากเพราะเสี่ยวเทียนเหยาก็ยังคงกีดขวางเธอ ทำให้เธอไม่สามารถเข้าไปในวังได้ เมื่อองค์ชายสามอาเจียนออกมาเป็นเลือด เธอก็ถูกระบบการแพทย์ลงโทษอีกครั้ง
หลังจากการลงโทษเสร็จสิ้น ระบบการแพทย์ที่ไร้ความปราณีและไร้เหตุผล ก็เตือนเธออีกครั้งว่าชีวิตของเสี่ยว จื่ออัน กำลังตกอยู่ในอันตราย เธอต้องไปรักษาเขาให้เร็วที่สุด!