หลังจากที่การลงโทษของระบบการแพทย์สิ้นสุดลง หลิน ชูจิ่วก็ล้มลงไปที่เตียงอย่างไร้เรียวแรง

       คราวนี้ การลงโทษเจ็บปวดและยาวนานกว่าครั้งก่อน เมื่อการลงโทษเสร็จสิ้นลง ร่างกายของหลิน ชูจิ่วก็เต็มไปด้วยเหงื่อ เธอดูเหมือนปลาที่ออกมาจากน้ำ

       หลิน ชูจิ่วไม่ใช่คนที่ไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดได้ แต่การลงโทษของระบบการแพทย์ก็ไร้มนุษยธรรมเกินไป หลิน ชูจิ่วช่วยไม่ได้ที่จะร้องไห้เนื่องจากความเจ็บปวด เมื่อทหารด้านนอกได้ยินเธอร้องไห้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะมา พวกเขาจึงไปรายงานต่อเสี่ยวเทียนเหยาแทน

“หวางเย่ หวางเฟย ล้มป่วยอีกครั้งแล้วขอรับ” ทหารไม่ทราบสถานการณ์ของหลิน ชูจิ่ว ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้คำว่า ‘ป่วย’ ได้เท่านั้น

       ตอนนี้เสี่ยวเทียนเหยา ไม่จำเป็นต้องใช้รถเข็นของเขาอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินรายงานของทหาร เขาก็รีบวิ่งไปที่ลานของหลิน ชูจิ่วด้วยเท้าของเขาแทน หทารหันออกไปเพื่อที่จะตามเขาไป แต่เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไปแล้ว … …

       สถานที่ที่หลิน ชูจิ่ว อาศัยอยู่ อยู่ไกลจากลานด้านหน้า ดังนั้นแม้ว่า เสี่ยวเทียนเหยาจะรีบแค่ไหน เขาก็ถือว่ามาช้าเกินไปเพราะ เมื่อเขามาถึงหลิน ชูจิ่วก็สามารถลุกขึ้นได้แล้ว

*ปัง*

       เสี่ยวเทียนเหยาพังประตูให้เปิดออก เมื่อหลิน ชูจิ่วลุกขึ้น เธอก็เงยหน้าขึ้นและเห็นดวงตาที่เย็นชาของเสี่ยวเทียนเหยา เสี่ยวเทียนเหยา เห็นใบหน้าของหลิน ชูจิ่ว ซีดและริมฝีปากที่ถูกกัดของเธอก็มีเลือดออกมา เพราะเธอยังไม่ได้มีเวลาที่จะเช็ดมันออก

       ทั้งสองต่างก็จ้องมองกันอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไร ความรู้สึกของพวกเขาเพิ่งจะกลับมาปกติอีกครั้ง หลังจากที่ทหารก้าวเข้ามาและยกประตูที่พังออกไป

       หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสี่ยวเทียนเหยา ก็หยุดความเงียบลงและถามขึ้น”เกิดอะไรขึ้น” หลิน ชูจิ่ว ดูอ่อนแอและดูเหมือนป่วยหนัก

       หลิน ชูจิ่วลดศีรษะและหลีกเลี่ยงสายตาของเสี่ยวเทียนเหยา จากนั้นก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส “ข้าไม่ได้บอกท่านไปแล้วหรือว่ามันเป็นเพียงโรคเก่ากำเริบเท่านั้น” หลิน ชูจิ่ว ยังคงใช้คำพูดเดียวกัน เธอไม่สนใจว่าเสี่ยว เทียนเหยาจะเชื่อหรือไม่

“อาการโรคเก่ากำเริบหรือ?” เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเทียนเหยาไม่เชื่อ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ถามอะไรเพราะชุย แซนเหย่และองค์หญิงฟูอาน ก็อยู่ที่นั่น เขาไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องของหลิน ชูจิ่ว

“ท่านดูไม่ออกหรือ?” หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่เชื่อเธอ แต่แล้วจะอย่างไร?

       เสี่ยวเทียนเหยาไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอโกหกหรือไม่

“เจ้าต้องการหมอหรือไม่?” ข้อเท็จจริงอยู่ต่อหน้าของเขา ดังนั้นมันต้องเป็นความจริง เสี่ยวเทียนเหยา ไม่เชื่อคำพูดของหลิน ชูจิ่ว แต่เหมือนกับที่หลิน ชูจิ่ว กำลังคิด เขาไม่มีหลักฐานอะไรเขาจึงเชื่อได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น

“ไม่ ข้าสบายดี ข้าเพียงแค่ต้องพักผ่อนเท่านั้น” หลิน ชูจิ่วพูดขึ้น แต่เธอกำลังงอร่างของเธอเหมือนผักดองเค็ม ก่อนจะพูดขึ้น”หวางเย่ ข้าอยากจะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าขอตัว ”

       คำพูดของหลิน ชูจิ่ว หมายถึงให้ เสี่ยวเทียนเหยา ออกไปข้างนอก แต่ผลก็คือเสี่ยวเทียนเหยา เพียงแค่เคลื่อนไหวไปด้านข้างและหลีกทางให้หลิน ชูจิ่วเท่านั้น

       หลิน ชูจิ่วมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินผ่านเขาไปอย่างเงียบ ๆ และหยิบเสื้อผ้าของเธอไปที่ห้องน้ำ

       ก่อนหน้านี้ เธอได้สั่งให้คนน้ำอุ่นมาไว้ให้เธอแล้ว ดังนั้นเธอเพียงแค่ต้องตรงไปที่อ่างอาบน้ำเท่านั้น สำหรับเสี่ยวเทียนเหยานะหรือ? หลิน ชูจิ่วไม่คิดว่าผู้ชายที่ยุ่งเหมือนเขาจะรอคนอย่างเธอ

       อ่างอาบน้ำเพียงแค่ถูกคั่นด้วยผนังกระดาษจากห้องนอนเท่านั้น แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้เห็น แต่เสียงน้ำไหลลงจากร่างกายของหลิน ชูจิ่วก็สามารถผ่านออกไปได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ

       เสี่ยวเทียนเหยาเป็นผู้มีศิลปินศิลปะการต่อสู้ การได้ยินของเขามีความไวกว่าคนธรรมดาหลายเท่า ในห้องที่เงียบสงบเช่นนี้ เสียงของน้ำที่ไหลจึงดังมากกว่าปกติหลายเท่า

       เพียงแค่ฟังมัน เสี่ยวเทียนเหยา ก็คาดเดาได้ว่าน้ำไหลจากบ่าของหลิน ชูจิ่ว ลงไปที่อ่างอาบน้ำ และเมื่อเขาหลับตาลง เขาก็สามารถนึกถึงภาพที่แท้จริงออกมาได้

       นี่มันเป็นการทรมานอย่างแท้จริง!