“คุณมันต่ำช้า! ถึงใช้วิธีที่สกปรกแบบนี้!”
หลังถูกยิงยาชาใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว เย่เทียนก็รู้สึกขาอ่อน แล้วล้มลงกับพื้น จึงตะโกนด่าทอฟู่เซิ่งหนานที่กำลังเดินเข้ามา
“การทหารไม่มีการเบื่อหน่ายเล่ห์กล!”
ฟู่เซิ่งหนานยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “จะว่าไป ตอนนี้แม้แต่แกเป็นมิตรหรือศัตรูก็ยังไม่รู้ ใช้กลอุบายแล้วมันผิดตรงไหน?”
“ครั้งนี้ผมมันซวยเอง ไม่ว่าคุณอยากรู้เรื่องอะไรผมยอมพูดทุกอย่าง แต่ว่า…..”
เย่เทียนพูดไม่ออก เบ้ปากไปยังเหล่าชายฉกรรจ์ที่ถือปืน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ยอมจำนนว่า “เรื่องพวกนี้มันมีผลกระทบเป็นวงกว้าง คุณต้องให้พวกเขาออกไปก่อน”
“พวกนายออกไปกันก่อน!”
ฟู่เซิ่งหนานออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึม พอเห็นว่าเย่เทียนถูกยิงยาชาแล้ว จึงได้ผ่อนคลายลง และได้ออกคำสั่งกับชายฉกรรจ์เหล่านั้นไป
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่ดูเหมือนหัวหน้าได้ก้าวออกมา พูดพร้อมขมวดคิ้วว่า “คุณฟู่แบบนี้มันไม่…..”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้มันถูกยิงยาชาใส่แล้ว ถ้าไม่ถึงชั่วโมงมันไม่มีทางลุกขึ้นได้อย่างแน่นอน”
ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ ฟู่เซิ่งหนานก็ได้โบกมือขัด “ทำไม? ฉันแค่ไปพักร้อน กลับมาพวกนายก็ไม่อยากฟังคำสั่งฉันแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่กล้าครับ”
พอเห็นฟู่เซิ่งหนานกำลังทำท่าจะโมโห ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าก็ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี
ทันใดนั้น ชายฉกรรจ์ติดอาวุธสิบกว่าคนที่เหมือนดังรูปแกะสลักก็เดินออกจากห้องไปอย่างมีระเบียบ ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าได้ออกไปเป็นคนสุดท้ายก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูด้วย
ตอนนี้ในห้องก็เหลือแค่พ่อหม้ายแม่หม้ายแค่สองคนแล้ว เย่เทียนถึงได้ถามไปว่า “ซ เซิ่งหนาน คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมาถึงแล้ว?”
“เชื่อว่าแกน่าจะรู้ดีว่าสิ่งที่ฉันถนัดที่สุดก็คือเรื่องเขตแดน การที่จะสืบหาเบาะแสของแกนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย”
ฟู่เซิ่งหนานส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ในเมื่อแกไม่ใช่ทั้งคนของกิลด์ทหารรับจ้าง และไม่ใช่คนของกิวด์แห่งความลับ แล้วทำไมแกถึงรู้จักฉันดีขนาดนี้?”
แล้วเย่เทียนก็ได้เข้าใจทุกอย่าง รู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ไว้ตอนแรกนั้นผิดทั้งหมด การที่ฟู่เซิ่งหนานจะไปกิลด์แห่งความลับด้วยตนเอง ไม่ใช่เพราะต้องการไปสืบหาคนคลั่งเลย และไม่ใช่เพราะรายชื่อ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่แม้แต่จะโทรศัพท์สักสายอย่างแน่นอน
เป้าหมายจริงๆ ของเธอ คิดว่าคงตั้งใจทดสอบดูว่าตนเป็นคนของกิลด์แห่งความลับรึเปล่าสินะ?
ยังไงซะ ในเมื่อตนได้เข้าร่วมกับกิลด์แห่งความลับแล้ว กิลด์แห่งความลับก็ต้องตรวจเช็กประวัติของตนอย่างละเอียดแน่นอน กิลด์ทหารรับจ้างกับกิลด์แห่งความลับนั้นสู้กันมาเกือบร้อยปีแล้ว แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายต้องส่งสายของตัวเองเข้าไปแฝงตัวไม่น้อยอยู่แล้ว!
พอคิดได้อย่างนั้น เย่เทียนกลับไม่ได้ตอบกลับฟู่เซิ่งหนาน แต่กลับถามไปว่า “จริงสิ เย่เย่เซิงเกอยังอยู่มั้ย?”
“แกรู้จัก เย่เย่เซิงเกอด้วยเหรอ”
ฟู่เซิ่งหนานจ้องมองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด แต่ไม่นานก็ตั้งตัวได้ แล้วแสร้งทำเป็นโมโห “แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตอบคำถามฉันมาเดี๋ยวนี้!”
“ในเมื่อ เย่เย่เซิงเกอยังอยู่ ถ้าอย่างคุณก็นอนไปก่อน ผมขอไปดูที่นั่นแปบหนึ่งนะ!”
เย่เทียนที่เห็นอย่างนั้น ทำไมจะไม่เข้าใจสถานการณ์ ระหว่างที่พูดก็ได้ยื่นมือออกมา แล้วเตะไปที่ตัวของฟู่เซิ่งหนานเบาๆ
“แก! ทำไมถึง…..”
ฟู่เซิ่งหนานนึกไม่ถึงว่าเย่เทียนจะฟื้นฟูได้เร็วขนาดนี้ เธอถึงกับตกใจ ใบหน้าของเธอแสดงความรู้สึกที่แตกตื่นออกมาอยากที่จะถอยหลังทันที
แต่ว่า พอเธอถอยหลังได้สองก้าว เธอก็รู้สึกหน้ามืด ขาทั้งสองหมดแรงแล้วล้มลงพื้นไป แล้วไม่สามารถขยับตัวได้อีกแม้แต่จะพูดยังทำไม่ได้
“กะอีแค่ยาชายังคิดจะล้มผม? คิดว่าผมจัดการง่ายขนาดนั้นเลย? คอยดูว่าผมจะจัดการกับคุณยังไง!”
เย่เทียนเบ้ปาก ส่งรอยยิ้มอันชั่วร้ายให้ฟู่เซิ่งหนานที่กำลังนอนโกรธแค้นอยู่บนพื้น ดึงเด็กสาวมาแล้วตบไปที่ก้นของเธออย่างแรง
ตอนนี้ฟู่เซิ่งหนานได้ถูกเย่เทียนสะกัดจุดไปแล้ว จึงไม่สามารถขยับตัวได้ แต่สีหน้ากลับแดงก่ำขึ้นมา
“เอาล่ะ ผมยังมีธุระต้องไปทำ คุณก็นอนหลับให้สบายนะ!”
เย่เทียนไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น แล้วตีก้นไปอีกหลายทีถึงทำให้ความอึดอัดในใจได้ระบายออกไปบ้าง
ตอนที่กำลังจะเดินจากไป แต่พอเห็นฟู่เซิ่งหนานที่นอนอยู่บนพื้นก็ไม่ใช่เรื่อง เขาจึงลงไปโอบหญิงสาวเพื่อจะพาเธอขึ้นไปนอนบนเตียง
แต่ว่า พอเห็นหญิงสาวกลางอกที่หน้าตาสะสวย เย่เทียนก็อดนึกถึงความพัวพันระหว่างทั้งคู่เมื่อชาติที่แล้วไม่ได้ เขาถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วขณะแล้วโน้มตัวลงไปจูบปากของหญิงสาว
“อู้อู้!”
ฟู่เซิ่งหนานเบิ่งตาโตทันที แต่ว่าตอนนี้เธอขยับตัวไม่ได้ ทำได้แค่ส่งเสียงขัดขืนออกมาจากทางลำคอนิดหน่อยเท่านั้น
และเพราะเสียงร้องเบาๆ นี้ ทำให้เย่เทียนดึงสติกลับมาได้ จึงรีบพูดกับเด็กสาวพร้อมกับฝืนยิ้มออกไปว่า “ขอโทษทีพอดีผมควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณอย่าได้ใส่ใจเลยนะ”
พูดจบ เย่เทียนที่ทำเรื่องไม่ดีจะกล้าอยู่ต่อได้ยังไง เขารีบอุ้มฟู่เซิ่งหนานขึ้นเตียง แล้วออกไปจากทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
เย่เย่เซิงเกอเป็นหนึ่งในสถานที่ละลายทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสามเหลี่ยมทมิฬ ถ้าไม่เคยไปที่เย่เย่เซิงเกอ ก็คงไม่มีหน้าไปพูดว่ามาถึง สามเหลี่ยมทมิฬแล้ว เห็นได้ชัดว่าเย่เย่เซิงเกอนั้นมีชื่อเสียงขนาดไหน
เย่เทียนขับรถมาเซราติที่เคยเป็นของฟู่เซิ่งหนานมาถึงสถานที่ละลายทรัพย์แห่งนี้ หยิบธนบัตรใบหนึ่งออกมาพร้อมกับกุญแจรถแล้วโยนให้เด็กรับรถ พร้อมกับพูดเตือนไปว่า “ระวังหน่อย อย่าทำให้รถของฉันเป็นรอยล่ะ”
พูดจบ เย่เทียนก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องละลายทรัพย์แห่งนี้
พอเข้ามาถึงข้างใน บรรดาพนักงานผู้หญิงที่คอยต้อนรับลูกค้าตรงหน้าประตูก็พากันมาที่เย่เทียน พนักงานสาวที่ยืนอยู่นอกสุดได้รีบเดินเข้ามาทันที
“คนสวย ผมมาหาเหมยกุ้ยครับ!”
เย่เทียนที่เห็นอย่างนั้น ก็ได้หยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าอีกหลายใบ แล้วยัดคอเสื้อตรงหน้าอกของหญิงสาว
“เหมยกุ้ย?!”
ตอนแรกพนักงานต้อนรับสาวยังดีใจอยู่เลยที่ลูกค้าเป็นคนใจกว้าง แต่พอได้ยินสิ่งที่เย่เทียนพูด เธอถึงกับชะงักอยู่กับที่ “คุณบอกว่ามาหาใครนะคะ?”
“คุณไม่ได้หูฝาด คนที่ผมจะมาหาก็คือเจ้านายของคุณ เหมยกุ้ย!”
เย่เทียนพูดย้ำอีกครั้ง “แค่บอกผมว่าเธออยู่ที่ไหนก็พอแล้ว เดี๋ยวผมจะไปหาเอง”
ระหว่างที่พูด เย่เทียนก็ได้หยิบธนบัตรออกมาอีกกำหนึ่งยัดใส่คอเสื้อตรงหน้าอกของหญิงสาวอีกครั้ง
พนักงานต้อนรับสาวมองเห็นอย่างชัดเจน ธนบัตรพวกนั้นอย่างน้อยๆ ก็เท่ากับเงินเดือนสองเดือนของเธอ มองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าไม่มีใครสนใจ เธอจึงกดเสียงให้เบาลง “เวลานี้บอสน่าจะอยู่ในโซนวีไอพีค่ะ”
“คนสวย ขอบใจนะ”
เย่เทียนพยักหน้าด้วยความพอใจ หมุนตัวแล้วเดินตรงไปยังโซนวีไอพี
ระหว่างทาง เย่เทียนก็เห็นหลายคนที่ดื่มจนเมา กำลังฉวยโอกาสล่วงเกินหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ อย่างเต็มที่ แล้วเขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างแรง
แน่นอนว่า เขาไม่ได้ตำหนิชีวิตที่ต่ำทรามของคนพวกนี้ เพราะมันทำให้นึกถึงความทรงจำอันไม่เอาไหนในชาติที่แล้วที่คล้ายๆ กันก็เท่านั้น
ไม่นานมานี้ เขาเองก็เคยหลงใหลในสถานที่แบบนี้มาก่อน ตั้งแต่สาวงามผู้ดีมีระดับไปจนถึงสาวขายบริการ เขาแทบจะลองมาหมดแล้ว แต่เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาละเลยคนรอบตัวไป
ปั้ง!
เย่เทียนที่จมอยู่ในความทรงจำมากเกินไปจึงไม่ได้ระวังสิ่งที่อยู่รอบตัว รู้สึกแค่ว่ามีอะไรบางอย่างกระแทกมาจากทางด้านหลัง ทำเอาโซเซไปข้างหน้าตั้งหลายก้าวและเกือบล้มหน้าคว่ำเลยด้วยซ้ำ
“แกนี่แม่งเดินไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างรึไง!”
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะทันได้หันไป มีเสียงด่าทอดังเข้ามาในหูแล้ว…..