ตอนที่ 199-2 ก่อนที่ประตูนรกจะปิด

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่นั้น หวงฝู่อี้เซวียนก็พูดออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “น้ำ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดขึ้นมาในทันทีทันใด ไม่ทันได้รอให้เหล่าหมอหลวงทั้งหลายได้ทันได้ตั้งตัว นางก็พุ่งตัวออกไปทันที วิ่งออกไปที่รั้วสถานกักตัว แล้วสั่งว่า “น้ำ น้ำอุ่น เอาน้ำอุ่นมาเร็วเข้า” 

 

 

ชิงหลวนและจูหลีก็รีบเอาน้ำอุ่นเทใส่แก้วมาให้  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา แล้วรีบวิ่งกลับไปที่ห้องเล็กๆ นั้น แล้วค่อยๆ ให้หวงฝู่อี้เซวียนดื่ม ตามองจ้องไปที่เขาไม่กะพริบ  

 

 

หน้าผากของหวงฝู่อี้เซวียนมีน้ำเหงื่อไหลออกมาเป็นหยดๆ แล้วก็ไหลออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าที่แดงก่ำของเขาก็ค่อยๆ มลายหายไป หมอหลวงเจียงดีใจเป็นอย่างมาก จ้องมองเขาตาไม่กะพริบเช่นเดียวกัน  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่งทันทีว่า “เร็วเข้า เอาน้ำมาอีก” 

 

 

มีหมอหลวงท่านหนึ่งหยิบแก้วน้ำขึ้นมา รีบวิ่งออกไปด้านนอก ไม่นานก็เอาน้ำเข้ามา 

 

 

แล้วก็ให้หวงฝู่อี้เซวียนดื่มเข้าไปอีก หยดน้ำเหงื่อบนใบหน้าของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใช้มือล้วงเข้าไปด้านในเสื้อของเขาโดยไม่อายคนที่อยู่ด้วย ตัวของเขาเปียกชุ่มไปหมด นางดีใจเป็นอย่างมาก “ได้ผลแล้ว” 

 

 

คำพูดของนาง หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ พอได้ยินก็ดีใจจนแทบกระโดดขึ้น “ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดก็มีวิธีรักษาโรคระบาดนี้แล้ว ชาวบ้านรอดแล้ว” 

 

 

เหงื่อบนใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว จึงเอาผ้าห่มออกโดยไม่รู้ตัว เมิ่งเชี่ยนโยวกดปลายผ้าเอาไว้แน่น ดูเหมือนกับว่าจะเปิดไม่ออก ร่างกายก็ร้อนขึ้นไปอีก จึงโกรธมาก ใช้เท้าถีบผ้าห่มออก 

 

 

หมอหลวงเจียงเห็นเช่นนั้น เห็นถึงผลของการกระทำของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็เลยคุกเข่าลง แล้วกดที่ปลายผ้าห่มอีกมุมหนึ่ง หมอหลวงอีกสามคนเห็นเช่นนั้น ก็คุกเข่าลงช่วยด้วย 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนถีบผ้าห่มไม่ออก จิตใจกระวนกระวาย เหงื่อทั้งบนใบหน้า บนตัวก็ออกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน เสื้อผ้าของเขาก็ชุ่มไปด้วยน้ำเหงื่อ ส่วนเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงงงวย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจเป็นที่สุด  

 

 

ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตาทั้งสองข้างลง มองไปที่นางอย่างไร้สติ แล้วหลับตาลงไปอีกครั้ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกเขาเบาๆ “อี้เซวียน!” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ลืมตาขึ้นมาในทันทีอีกครั้ง ดึงสติกลับมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “โยวเอ๋อร์” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ตาแดง แล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตอบรับเบาๆ ว่า “หิว” 

 

 

นางชะงักไป แล้วตามด้วยท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก พอจะเปิดปากพูด 

 

 

หมอหลวงเจียงก็ยืนขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจจนถึงที่สุด วา “ข้าจะไปเอาข้าวมาให้ซื่อจื่อ” เมื่อพูดจบ หมอหลวงก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

หมอหลวงที่เหลือก็ตาโต ไม่อยากจะเชื่อสายตา ต่างก็สงสัยว่าตนเองมองผิดไปหรือไม่ หมอหลวงเจียงก็อายุห้าสิบแล้ว เวลาเดินปกติก็จะเดินช้าๆ แต่ว่าตอนนี้กลับวิ่งเป็นเด็กวัยรุ่น ถ้าหากว่าไม่ได้เห็นกับตา จะพูดอย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง 

 

 

เมื่อได้ยินว่าซื่อจื่อฟื้นแล้ว อยากกินข้าวต้ม ชิงหลวนกับจูหลีและกัวเฟยต่างก็แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ 

 

 

จางเจ๋อหวยดีใจเป็นอย่างมาก สั่งให้คนรีบเอาข้าวต้มไปให้ หมอหลวงเจียงรับไว้ แล้ววิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ส่งให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบช้อนขึ้นมา แล้วป้อนหวงฝู่อี้เซวียนทีละคำๆ หลังจากป้อนหมด ก็เอาชามวางไว้ที่พื้น แล้วถามว่า “ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีความรู้สึกร้อนระอุในร่างกายแล้ว แล้วก็มีแรงด้วย” 

 

 

เมื่อพูดจบ ก็ยิ้มให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วร้องขอว่า “ห่มผ้าห่มที่บางกว่านี้ให้ข้าได้หรือไม่ ร้อนเกินไปแล้ว” 

 

 

เห็นอาการของเขาดีขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวแม้จะใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ก็ถามเขากลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าว่าอย่างไรล่ะ” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเห็นสีหน้าของนาง ก็ส่ายหน้า “ไม่ได้ ไม่ได้แน่นอน” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมา พร้อมกล่าวว่า “อดทนหน่อย รอให้ความร้อนในร่างกายของเจ้าหายไปก่อน เจ้าก็ไม่ต้องห่มผ้าห่มที่หนาขนาดนี้แล้ว” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง 

 

 

หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ต่างก็อ้ำอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปบอกกับหมอหลวงเจียงว่า “ร่างกายของอี้เซวียนแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันสูง ยังต้องใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะฟื้นขึ้นมา ข้าคิดว่าใบสั่งยาของพวกเราจะต้องแก้ไขเล็กน้อย ต้องเพิ่มขนาดยาเข้าไปอีก” 

 

 

หมอหลวงเจียงก็คิดถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เขาพยักหน้า “ใช่ ข้าคิดว่ายาขับเหงื่อควรที่จะเพิ่มเข้าไปให้มาก ส่วนอย่างอื่น พวกเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา ถ้าหากว่าเพิ่มยาเกินขนาดเข้าไป พวกเขาจะรับไม่ไหวเอา” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ยาที่เอาไว้กำจัดไวรัสก็เพิ่มเติมเข้าไปด้วย โดยเฉพาะคนที่มีอาการหนัก” 

 

 

หมอหลวงได้ยินคำว่าไวรัสเป็นครั้งที่สอง ไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไร จึงมองไปที่นางอย่างไม่เข้าใจ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้พูดชื่อของยาออกมา 

 

 

ทุกคนต่างก็มึนงงกันไปหมด นี่ล้วนเป็นยาที่หายากทั้งสิ้น 

 

 

หมอหลวงเจียงพยัก “ยาพวกนี้หายากอยู่แล้ว ถ้าหากว่าจะเพิ่มขนาดยาลงไปล่ะก็ เกรงว่าจะไม่พอต่อความต้องการเอาล่ะสิ” 

 

 

“ท่านเขียนจดหมาย ให้ใต้เท้าจางถวายรายงาน ส่งไปที่เมืองหลวงให้เร็วที่สุด ขอให้ฮ่องเต้ส่งยามาให้ ส่วนเรื่องตัวยา ทำทั้งหมดสองชุด ชุดแรกให้เพิ่มขนาดยา ให้คนที่มีอาการหนักดื่ม ส่วนคนที่มีอาการไม่หนักมาก ก็ดื่มยาปกติไปก่อน บรรเทากันไป” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 

 

 

หมอหลวงเจียงพยักหน้า แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก้มหน้า แล้วพูดกับหวงฝู่อี้เซวียนว่า “ข้าจะออกไปประเดี๋ยวหนึ่ง” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินออกไป 

 

 

หมอหลวงเจียงยืนอยู่ที่ริมเขตกักตัวตะโกนบอกจางเจ๋อหวยเรื่องคำสั่งของเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

จางเจ๋อหวยตอบรับ สั่งให้คนไปที่ว่าการนำรายงานกลับมา 

 

 

ด้านนอกเขตกักตัวมีคนชุดดำยืนอยู่มากมาย ก็คือคนที่เหลือทิ้งไว้ให้จัดการเรื่องที่โรงเตี๊ยมนั่นเอง เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมา ก็ทักทายว่า “แม่นางเมิ่ง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า รอให้หมอหลวงเจียงเขียนสูตรยาเสร็จ ก็รีบเอาพู่กันมาเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ ในนั้นเขียนเรื่องเกี่ยวกับที่หลังจากอี้เซวียนมาแล้วทำอะไรบ้าง รวมไปถึงเรื่องระหว่างทางที่นางโดนลอบฆ่าด้วย แล้วก็เรื่องที่หวงฝู่อี้เซวียนติดเชื้อจนต้องโดนกักตัว รวมถึงเรื่องที่เฮ่อเหลี่ยนกีดกันไม่ให้นางเข้าไปในสถานกักตัวด้วย เขาอยากใช้โอกาสนี้ในการกำจัดหวงฝู่อี้เซวียน เมื่อเขียนเสร็จก็ส่งให้กับคนชุดดำ บอกว่า “รีบจัดคนส่งไปที่เมืองหลวง ส่งให้กับท่านอ๋อง ให้เขาคิดหาวิธีกีดกันเฮ่อจาง แล้วก็เอาเรื่องที่เฮ่อเหลี่ยนทำไปรายงานกับฮ่องเต้ให้ได้” 

 

 

หัวหน้าของพวกคนชุดดำตอบรับ แล้วรับไป ส่งคนให้นำจดหมายไปส่งโดยทันที แล้วบอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “แม่นางเมิ่ง หน้าที่ของพวกเราก็คือพิทักษ์รักษาความปลอดภัยให้กับซื่อจื่อ จะอยู่เฝ้าที่นี่ไม่หายไปไหน ถ้าหากว่าท่านมีเรื่องอันใด ขอแค่สั่งมา” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนหยักหน้า 

 

 

ชิงหลวนเดินมาบอกว่า “นายหญิง ซื่อจื่อก็ฟื้นแล้ว ท่านควรกินอะไรเสียหน่อยนะเจ้าคะ” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนฟื้นขึ้นมา อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกหิวขึ้นมา “เตรียมอาหารมาให้ข้าที” 

 

 

ชิงหลวนตอบรับด้วยความดีใจ แล้วหันกลับไปจัดสำรับ 

 

 

จางเจ๋อหวยได้รับคำสั่งจากหมอหลวงเจียงแล้ว สั่งให้คนไปเอาหม้อใบใหญ่สองใบจากทางด้านนอกสถานกักตัวมา จัดขนาดยาตามที่เขาบอก แล้วต้มยาแบ่งเป็นสองหม้อ  

 

 

ชิงหลวนจัดสำรับเสร็จแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้เอากลับไปที่ห้องด้วย นั่งอยู่ตรงหน้าหวงฝู่อี้เซวียน แล้วกินอาหารไป 

 

 

เห็นนางกินเสียจนเสียภาพลักษณ์ หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกปวดใจยิ่งนัก บอกกับนางว่า “ช้าหน่อยๆ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่ค่อยชัดว่า “ใต้เท้าจางกำลังต้มยา อีกเดี๋ยวข้าก็จะต้องไปกับพวกหมอหลวงเพื่อเอาไปแจกจ่าย” 

 

 

ท่าทางของหวงฝู่อี้เซวียนซาบซึ้งเป็นอย่างมาก และหมอหลวงที่เหลือก็เลื่อมใสในตัวนางมากขึ้นไปอีก  

 

 

ยาต้มๆ เสร็จแล้ว มีนายทหารที่ใส่เสื้อหนาๆ เดินมาช่วยด้วย เมิ่งเชี่ยนโยวก็พานายทหารคนหนึ่งเดินมาที่ในห้องเล็ก แล้วป้อนยาให้กับองครักษ์หลวง หลังจากนั้นก็มาในห้องใหญ่ แล้วให้นายทหารเหล่านั้นป้อนยาตามอาการของแต่ละคน 

 

 

หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน ยุ่งวุ่นวายกันอยู่สองชั่วยาม ทุกคนก็ได้รับยาต้มกันถ้วนหน้า ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวและหมอหลวงเจียงกับคนอื่นๆ และเหล่าทหารทั้งหลาย ต่างก็เหนื่อยกันจนแทบจะหมดแรง 

 

 

เมื่อเสร็จแล้ว หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ก็กลับไปที่พักของตน ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปที่ห้องเล็กนั่น 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหลับไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เขาอย่างเบาๆ แล้วจ้องเขาตาไม่กะพริบ 

 

 

จนกระทั่งง่วงแล้วผล็อยหลับไป 

 

 

ในขณะที่กำลังมึนงงอยู่ ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกที่เจ็บปวดจากหวงฝู่อี้เซวียน จึงลืมตาขึ้นมาโดยทันที พบว่าหน้าของเขากลับมาแดงอีกแล้ว