เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตกใจอะไร หยิบขวดดินเผาออกมาจากอกแล้วเทเม็ดยาออกมา แล้วป้อนยาให้เขาหนึ่งเม็ด เดินออกมาด้านนอก แล้วสั่งชิงหลวนที่คอยเฝ้าเวรอยู่ว่า “รีบไปต้มยามาชามหนึ่งที”
ชิงหลวนตอบรับ แล้วไปต้มยา
หัวหน้าคนชุดดำเห็นท่าทางที่ตกใจของนางก็เลยตกใจไปด้วย จึงถามอย่างร้อนรนว่า “แม่นางเมิ่ง ซื่อจื่ออาการแย่อย่างนั้นหรือ” พวกเขาเป็นองครักษ์เงาของหวงฝู่อี้เซวียน การออกเดินทางครั้งนี้ เพราะอี้เซวียนมีองครักษ์หลวง องครักษ์เงาเลยไม่สะดวกที่จะตามมาด้วย เลยไม่ได้มาด้วยกัน ต่อมารู้ข่าวว่าแม่นางเมิ่งออกจากเมืองมา เลยคาดเดาว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับหวงฝู่อี้เซวียนเป็นแน่ เลยสั่งให้พวกเขาตามมาอย่างใกล้ชิด ถ้าหากว่าหวงฝู่อี้เซวียนเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องรอให้อ๋องฉีออกคำสั่งหรอก องครักษ์เงาเหล่านี้ก็ต้องตายตามไปด้วย ดังนั้น ตอนนี้จึงตกใจเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องตกใจ เจ้าเฝ้าตรงนี้ให้ดี อี้เซวียนให้ข้าดูแลเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดปลอบใจเขา
หัวหน้าองครักษ์เงามักจะอยู่ข้างกายของหวงฝู่อี้เซวียนเสมอ จึงรู้ว่าศาสตร์การแพทย์ของเมิ่งเชี่ยนโยวล้ำเลิศ เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้จึงสบายใจ และรับรองว่า “แม่นางเมิ่งเชิญดูแลเจ้านายอย่างสบายใจเถิด ถ้าหากว่ามีคนกล้ามาก่อความวุ่นวาย ข้าน้อยจะไม่ปล่อยมันไปเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กลับเข้าไปด้านในห้อง เห็นใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนแดงขึ้นเรื่อยๆ เลยเกิดความคิด ดูท่าแล้วว่าไวรัสในครั้งนี้รุนแรงมาก ทำให้อี้เซวียนตัวร้อนเป็นระยะๆ ไม่ต้องพูดถึงคนที่เหลือเลย ยาต่างๆ จากที่มีน้อยอยู่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะไม่พอใช้เอา อีกทั้งจดหมายเร่งด่วนก็เพิ่งส่งไปเมื่อวาน ถึงเมืองหลวงเร็วที่สุดก็น่าจะประมาณวันนี้ รอให้ฮ่องเต้ออกคำสั่งรวบรวมยาส่งมาที่นี่ ถึงแม้จะรวบรวมจากเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ก็ตามอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองวัน ถ้าเป็นเช่นนั้นคนที่ติดเชื้อเหล่านี้… นางไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว
ชิงหลวนต้มยาเสร็จเรียบร้อย ยืนตะโกนเรียกนางอยู่ด้านนอก
เห็นว่าใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนแดงขึ้นเรื่อยๆ เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟัน ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปข้างนอก หยิบกระดาษพู่กันมาเขียนข้อความ แล้วถือเอาไว้ที่มือ รอให้ถึงตอนที่ไปรับยามา ก็ตะโกนเรียก “ชิงหลวน” แล้วโยนจดหมายให้กับนาง
ชิงหลวนเปิดออก ดูข้อความที่อยู่ด้านในชัดเจนแล้ว สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แล้วเดินไปที่ด้านหน้าของหัวหน้าองครักษ์เงา แล้วให้เขาดูข้อความ
ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วเดินไปที่หม้อต้มยาอย่างไม่ได้นัดหมาย โค้งตัวลงไปหยิบถุงยาสำหรับคนที่มีอาการหนักออกมา แล้วซ่อนเอาไว้
ฟ้ามืดแล้ว นายทหารที่ยืนเฝ้าเวรยามอยู่ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย เลยหาที่ดีๆ เอาไว้หลับนอนตั้งนานแล้ว ไม่มีคนเห็นการกระทำของพวกเขาอย่างแน่นอน
ที่ห้องเล็ก เมิ่งเชี่ยนโยวเอายาให้หวงฝู่อี้เซวียนดื่มเข้าไป แล้วยืนมองเขาอยู่ข้างๆ จนกระทั่งฟ้าสาง ความร้อนในตัวของเขาถึงจะลดลง
หมอหลวงเจียงและอีกสามคนตื่นแต่เช้ามาผลัดเปลี่ยน เห็นขอบตาดำของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว แนะนำว่า “แม่นางเมิ่ง ท่านไปพักผ่อนก่อนเถิด ซื่อจื่อให้พวกเราดูแลเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “เมื่อวานนี้อี้เซวียนตัวร้อนอีกแล้ว ข้าเลยป้อนยาให้กับเขา อาการตัวร้อนเพิ่งจะทุเลา เกรงว่าคนอื่นๆ ก็น่าจะ…” พูดยังไม่ทันจบ ก็โดนนายทหารคนหนึ่งมารายงานด้วยท่าทีที่ตกใจว่า “หมอหลวง ท่านรีบไปดูทีเถิด คนไข้ที่ดีขึ้นแล้วเมื่อวาน ตอนนี้ตัวร้อนขึ้นมาอีกแล้วขอรับ”
หมอหลวงเจียงไม่สามารถสนทนากับเมิ่งเชี่ยนโยวได้อีกต่อไป เพราะต้องไปที่ห้องใหญ่ทางนั้น ยุ่งวุ่นวายกันไปอีกรอบ ให้จางเจ๋อหวยสั่งคนต้มยา ให้ทุกคนดื่ม หมอหลวงและคนอื่นๆ ถึงได้โล่งไปอีกหนึ่งที
ส่วนจางเจ๋อหวยยืนอยู่ที่ตรงด้านหน้าของหม้อ โล่งว่างไม่มีอะไรเลย เลยรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าจะมีใบสั่งยาแล้วอย่างไร ไม่มีตัวยาแล้ว ผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี
หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ต่างก็ถอนหายใจ จากนั้นก็คิดถึงปัญหาใหญ่อันนี้ ก็ตกใจในทันทีทันใด ไม่ว่าอย่างไรจะต้องมีตัวยาครบครันถึงจะสำเร็จได้ ต่อให้แม่นางเมิ่งมีความสามารถเก่งกาจขนาดไหน แต่หากไม่มีตัวยาก็เท่านั้น
เหมือนจะเห็นภาพของคนที่กำลังจะตาย ทั้งในและนอกสถานกักตัวต่างเงียบสงัด
เวลาสายแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตัวร้อนขึ้นอีก แต่เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่กล้าห่างจากเขา มองจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา
ในทันทีทันใดก็มีเสียงดีใจของชิงหลวนดังเข้ามา “นายหญิง ท่านรีบมาดูสิเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวอยากจะลุกขึ้น แต่เป็นเพราะนั่งนานจนเกินไป เลยทำให้ร่างกายชาไปหมด ยืนได้สักพักถึงจะดีขึ้น เมื่อเดินไปด้านนอก ก็เห็นเหวินซื่อเดินเข้ามาในสถานกักตัว กำลังมุ่งหน้ามาที่ห้องเล็กแห่งนี้
เมิ่งเชี่ยนโยวทำหน้านิ่งแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ใครให้เจ้าเข้ามาที่นี่ ออกไปเดี๋ยวนี้”
เหวินซื่อชะงักไป มองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขยับปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง คนที่อยู่ด้านนอกสถานกักตัวก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน
ชิงหลวนเอ่ยปาก อยากจะบอกว่าเหวินซื่อมาส่งยา แต่ก็โดนเมิ่งเชี่ยนโยวพูดตัดด้วยความโกรธว่า “ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง ข้าบอกให้เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่ออกไป อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” เมื่อพูดจบ ก็หยิบมีดพกของต้นขึ้นมาถือไว้ที่มือ
เหวินซื่อตกใจเป็นอย่างมากจึงถอยหลังกลับไป แล้วพูดว่า “ยัยบ้าเอ้ย จะดุขนาดนี้ไปทำไมกัน”
เก็บมีดเข้าที่ แล้วเดินไปยืนห่างจากริมเขตกักตัวสามเมตร แล้วพูดอย่างโกรธว่า “นี่เป็นเขตมีเชื้อ เจ้าไม่รู้หรือไง เดินราวไม่กลัวความตาย เบื่อจะมีชีวิตต่อไปแล้วหรือ!”
เหวินซื่อเบะปาก แล้วพูดอย่างไม่สนใจว่า “เจ้าก็อยู่ข้างใน ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะติดเชื้อแน่นอน”
“ชิงหลวน ให้ยาเขาหนึ่งเม็ด แล้วส่งเขาออกจากหลินเฉิงเดี๋ยวนี้ ถ้าหากว่าเขาไม่ยอม ก็ตัดขาของเขาแล้วโยนลงไปในคลอง จะได้ไม่ต้องตายต่อหน้าข้า ต้องให้ข้าเป็นธุระเก็บศพเขาอีก” เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น
ชิงหลวนไม่ได้ตอบรับในครั้งนี้ ทำเพียงแค่หยิบขวดดินเผาขึ้นมาแล้วเดินไปที่เหวินซื่อ
เหวินซื่อก็บอกว่า “ยัยบ้า ข้าก็แค่มีน้ำใจเอายามาส่งให้เจ้า แต่เจ้ากลับตอบแทนข้าเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว
หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ต่างดีใจเป็นอย่างมาก
เหวินซื่อพูดจบ ก็รับขวดยามา เปิดออก แล้วเทเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด นำใส่เข้าปาก แล้วเอาขวดดินเผาคืนชิงหลวน
เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยความสงสัย “ส่งยาอะไร ใครใช้ให้เจ้ามาส่ง”
“จะมีใครใช้ให้ข้ามาส่ง ตอนที่เจ้าออกมาจากเมืองหลวง ชาวเมืองเขาก็รู้กันหมดแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่หลินเฉิง ก็เดาได้ว่าทางนี้จะต้องขาดยาอย่างแน่นอน ก็เลยทำตามที่ก่อนหน้านี้เจ้าให้คนเอายามาส่งสองคันรถน่ะ ข้าจะบอกให้นะ ยัยบ้า เจ้ายังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอีก ตอนที่ข้ามาก็รีบแทบตาย ไม่ง่ายเลยนะที่จะมาได้เร็วขนาดนี้ ข้าได้ยินแล้วว่ายาของพวกเจ้าทางนี้ใช้หมดแล้ว ข้ามาได้ทันเวลาพอดี” พูดจบ ก็มีความได้ใจเล็กน้อย
ยาที่ทำขึ้นมาเองมีฤทธิ์ได้แค่ป้องกันเท่านั้น ไม่มีตัวยาที่ต้องการ แต่ว่า สามารถต้มให้กับคนที่ไม่ติดเชื้อกินได้ ป้องกันเสียหน่อย อีกทั้งเขายังเป็นถึงทายาทของร้านยาเต๋อเหริน ร้านยาเต๋อเหรินมีสาขาทั่วทั้งรัฐอู่ เปิดสาขาย่อยเต็มไปหมด ถ้าหากว่าเขารวบรวมยาได้ล่ะก็ จะต้องเร็วกว่าฮ่องเต้อย่างแน่นอน
สีหน้ากลับเป็นปกติ เมิ่งเชี่ยนโยวถามว่า “ถ้าหากว่ารวบรวมยาจากร้านยาเต๋อเหรินที่ใกล้ที่สุดนี้ จะต้องใช้เวลประมาณเท่าไร”
เหวินซื่อยื่นมือออกมาชูหนึ่งนิ้ว “หนึ่งชั่วยาม”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำสัญญาณให้จางเจ๋อหวยเอาใบสั่งยาของเมื่อวานให้กับเขา บอกว่า “ทำตามใบสั่งยานี้ เอาไปให้เถ้าแก่สาขาย่อยของเจ้า ให้พวกเขาส่งยามาภายในหนึ่งชั่วยาม”
เหวินซื่อรับมาดู ตอนที่เห็นชื่อยาเหล่านั้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “ไม่มีปัญหา จะเอาเท่าใด”
“มีเท่าใด เอามาเท่านั้น ส่วนเรื่องเงิน รอให้จัดการโรคระบาดเสร็จก่อน กลับไปที่เมืองหลวงค่อยให้”
เหวินซื่อโบกมือ “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้น ข้าจะรีบเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ เจ้าสั่งให้คนเอาไปให้ที่ร้านยาทางเขตชายแดนหลินเฉิงก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าบอกว่า “นอกจากชายแดนหลินเฉิงแล้ว ก็ส่งจดหมายให้กับร้านยาเต๋อเหรินที่อื่นด้วย ให้พวกเขาเอายามาส่งให้เร็วที่สุด”
เหวินซื่อตอบรับ
จางเจ๋อหวยได้สั่งให้คนเอากระดาษพู่กันมาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหวินซื่อหาที่เรียบๆ เขียนจดหมาย แล้วประทับตราของตนเอง
“กัวเฟย เจ้าสั่งให้คนเอาไปส่งให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วยิ่งดี” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง
กัวเฟยรับจดหมาย แล้วรีบส่งคนไปส่งให้กับร้านยาเต๋อเหรินที่อยู่ใกล้ๆ
หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ เมื่อเห็นทุกสิ่งอย่างนี้แล้ว ก็วางใจ ส่วนหมอหลวงหนุ่มคนนั้นกลับยืนนิ่งเอาแต่มองพวกเขา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่