บทที่ 85 คุณชายออกโรง โดย Ink Stone_Romance
บ้านของอวี๋หวั่นอยู่ห่างจากทางเข้าหมู่บ้านมาก ทำให้ไม่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น เสียงเดียวที่เธอได้ยินก็คือเสียง ‘ฉ่าๆ’ ของหยวนเซียวที่ทอดอยู่ในน้ำมัน แต่ไม่รู้ว่าเธอหูแว่วไปเองหรือไม่ เพราะเธอรู้สึกราวกับว่ามีคนอยู่ด้านนอกประตู
มือซึ่งกำลังถือตะเกียบทอดหยวนเซียวอยู่นั้นชะงักลง เธอเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังประตู
เด็กน้อยทั้งสามรีบหดหัวกลับเข้าไป
อวี๋หวั่นก้มหน้าไปทอดหยวนเซียวต่อ
เด็กน้อยทั้งสามโผล่หน้าออกมา
อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ!
เด็กน้อยทั้งสามรีบหดหัวกลับเข้าไปอีก!
อวี๋หวั่นยังคงเลิกคิ้ว ขณะที่เธอได้ข้อสรุปว่าตนเองคิดมากเกินไป ก็ได้ยินเสียง ‘กร็อบ’ ดังมาจากหลังบ้าน
น้องคนเล็กเผลอไปเหยียบกิ่งไม้เข้า
เขาตัวแข็งทื่อราวกับศพ!
อวี๋หวั่นขมวดคิ้วด้วยความหวาดระแวง “ใคร?!”
เด็กน้อยขนลุกซู่!
อวี๋หวั่นวางตะเกียบลง หยิบท่อนไม้ขึ้นมา ทันใดนั้นเองเถี่ยตั้นน้อยก็พุ่งตรงเข้ามา “ท่านพี่ ท่านพี่ แย่แล้วละ! ในหมู่บ้านเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
อวี๋หวั่นถูกเถี่ยตั้นน้อยดึงความสนใจไปได้สำเร็จ เธอวางท่อนไม้ลง แล้วจับเถี่ยตั้นน้อยซึ่งเกือบชนเข้ากับเตาไฟ พร้อมกล่าวว่า “พี่บอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว? ในครัวมีไฟ เจ้าไม่ควรมาวิ่งเล่นในนี้”
“ขะ…ข้ารู้หรอกน่า! แต่ข้ารีบ” เถี่ยตั้นน้อยกล่าวอย่างร้อนรน
อวี๋หวั่นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แล้วเช็ดบนในหน้าของเขาซึ่งไม่รู้ว่าไปเปื้อนโคลนมาได้อย่างไร “ถ้ารีบก็ค่อยๆ พูด”
เถี่ยตั้นน้อยย่ำเท้าด้วยความวิตก “ขะ…ข้า ข้าค่อยๆ พูดไม่ได้หรอก ไฟลนก้นแล้ว!”
เด็กคนนี้ รู้จักคำว่าไฟล้นก้นแล้วหรือ?
เด็กใช้คำพูดของผู้ใหญ่ ทำไมฟังแล้วรู้สึกดีใจอย่างนี้ล่ะ?
อวี๋หวั่นกล่าวพลางเช็ดหน้าให้เขาว่า “ได้ งั้นเจ้าพูดมา พี่ฟังอยู่”
“คนจากหมู่บ้านซิ่งฮวามาแล้ว! พวกเขาจะมาขุดหมู่บ้านของพวกเรา!”
ขณะที่เถี่ยตั้นน้อยเล่นอยู่กับเด็กคนอื่นๆ ก็ไปได้ยินเรื่องที่ชาวบ้านทะเลาะกันเข้า เขาได้ยินมาไม่มาก แต่นำเรื่องมารวมกัน ที่จริงคนโง่ก็ยังสามารถนำเรื่องนี้มาปะติดปะต่อกันได้
คิดไม่ถึงว่าฉลองปีใหม่ได้ไม่เท่าไร ก็ต้องมาพบกับเรื่องหนักใจเช่นนี้อีก
เถี่ยตั้นน้อยรีบมาบอกอวี๋หวั่น มิได้รอฟังจนถึงตอนสุดท้าย เขาจึงพลาดเรื่องที่ชาวบ้านจะเรียกจ้าวเหิงมาช่วย
เขากังวลจนร้องไห้ออกมา “ท่านพี่ จะทำอย่างไรดี คนของหมู่บ้านซิ่งฮวามากันมากมายขนาดนี้! หมู่บ้านของพวกเราจะไม่เหลือแล้วใช่หรือไม่”
“เจ้ารออยู่ที่บ้าน พี่จะไปดูเอง” อวี๋หวั่นดับไฟในเตา แล้วเดินไปยังทางเข้าหมู่บ้าน
อีกด้านหนึ่ง เด็กน้อยทั้งสามก็เดินเตาะแตะกลับบ้านด้วยขาสั้นๆ ของพวกเขา
เมื่อเข้ามาในบ้าน ก็ชนเข้ากับลุงวั่นซึ่งถือถาดใส่ขี้เถ้าที่ได้จากการเผาหญ้า
ลุงวั่นทำความสะอาดบ้านจนฟ้ามืด ไหนเลยจะรู้ว่าจะไปชนเข้ากับเจ้าก้อนขาวๆ ทั้งสาม ทันทีที่ชนพวกเขา มือก็สั่น ถาดใส่ขี้เถ้าพลันคว่ำลง
ขี้เถ้าหกลงใส่เด็กน้อยทั้งสามคน
‘เจ้าก้อนสกปรก’ อ้าปากและบ้วนขี้เถ้าออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์…
“ไอ้หยา!” หลังจากที่ตระหนักได้ว่าตนเองเพิ่งทำให้หายนะบังเกิด ลุงวั่นก็ตกใจจนหัวใจชราๆ ของเขาแทบจะหยุดเต้น!
หกรดใครไม่หก ไฉนต้องไปหกรดเด็กดื้อสามคนนี้ด้วย!
ลุงวั่นเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการป่วนตำหนักสวรรค์ครั้งนี้เอาไว้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าทั้งสามคนมิได้แม้แต่จะมองเขา เพียงแต่เดินเตาะแตะผ่านเขาไป
ลุงวั่นผู้มีสีหน้ามึนงง “…”
คงมิใช่ความฝันหรอกกระมัง?
ทั้งสามคนเดินไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาโดยไม่พูดไม่จา
เยี่ยนจิ่วเฉามองเด็กทั้งสามประหนึ่งพวกเขาเป็นลูกสัตว์ที่คลานขึ้นมาจากกองดิน เขากระโดดโหยง แล้วกล่าวอย่างรังเกียจว่า “อย่าเข้ามา!”
หมายความว่าเข้าไปได้!
ทั้งสามคนไม่เพียงเข้าไปหาเขา ทั้งยังใช้มือน้อยๆ ซึ่งเปรอะเปื้อนขี้เถ้าของพวกเจา จับเข้าที่นิ้วมือของเยี่ยนจิ่วเฉา
หนึ่งคนจับหนึ่งนิ้ว ขนาดกำลังพอเหมาะ
คุณชายเยี่ยนผู้ซึ่งถูกบุตรทั้งสามจับมือเป็นครั้งแรก ใช้พลังอันแรงกล้าเพื่อระงับความปรารถนาที่จะนำบุตรทั้งสามจับโยนใส่ตะกร้าแล้วล้างสักหนึ่งร้อยครั้ง มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
ทั้งสามใช้แรงน้อยๆ ของเด็กดึงเขาลงมา
แต่นี่คือลูกๆ ของเขา ต่อให้ขยับก้นเพียงเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าพวกเขาจะตดเป็นเสียงอย่างไร
เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้ว หันไปบอกกับอิ่งลิ่วซึ่งขัดพื้นจนแทบกระอักเลือดว่า “เอาละ พอก่อน เจ้าไปดูว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
อิ่งลิ่วรู้สึกปานประหนึ่งยกภูเขาออกจากอก!
เขาเดินออกไปประหนึ่งได้รับชัยชนะ ภายใต้สายตาซึ่งเต็มไปด้วยความริษยาและเคืองแค้นของอิ่งสือซันและลุงวั่น!
อิ่งลิ่วอยากจะค่อยๆ สืบความ ทว่ากำลังของเขามิอาจทำได้ เพียงครู่เดียวเขาก็ ‘สืบ’ จนรู้เรื่องราวทั้งหมด
“คุณชาย มีคนบุกเข้ามาในหมู่บ้าน ต้องการจะขุดแม่น้ำ”
“เดิมทีไม่ควรขุดที่หมู่บ้านนี้ ทว่าหนังสือจากทางการส่งลงมาแล้ว เกรงว่าจะรักษาหมู่บ้านนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว”
“คุณชาย หลังจากวันนี้ เพื่อนบ้านของท่านจะไม่ใช่แม่นางอวี๋อีกต่อไป หากแต่เป็นปลาในแม่น้ำ”
เด็กน้อยทั้งสามร้องไห้โฮออกมา!
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบไปมองเด็กดื้อทั้งสามที่กำลังร้องไห้จนแทบขาดใจ แล้วกล่าวเนิบๆ ว่า “เรียกจูเสวียนเหนียนมาพบข้า!”
ลุงวั่นกระวีกระวาดตามมา จนเกือบหกล้มไปเสียแล้ว!
จูเสวียนเหนียน หรือใต้เท้าจูผู้นี้คือเสนาบดีกรมโยธาธิการอันยิ่งใหญ่ เขามียศเป็นถึงขุนนางระดับสาม หากจะเรียกเขามาด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ จะมิใช่การฆ่าเป็ดด้วยมีดฆ่าวัวหรอกหรือ…
แต่เพียงชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง ลุงวั่นก็นึกถึงครั้นเยี่ยนจิ่วเฉาอายุสิบหกปี ให้คนนำป้ายคำสั่ง เร่งรุดไปเชิญราชครูจากเมืองหลวงมาแก้ปัญหาที่เมืองเยี่ยน
ไหนเลยจะรู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาแค่เปิดบทละครรักที่ซื้อมาจากตลาด พร้อมเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อ้อ ท่านราชครู ตัวอักษรตัวนี้อ่านว่าอย่างไรหรือ?”
ราชครู “…”
ราชครูโกรธจนล้มหมอนนอนเสื่อไปสามเดือนเต็มๆ
และเมื่อเขาอายุสิบเจ็ดปี…
สิบแปด สิบเก้า ยี่สิบ…มากจนลุงวั่นนับไม่หวาดไม่ไหว สรุปแล้ว หากไม่มากเรื่องมากความ ก็คงไม่ใช่คุณชายบ้านเขา
ลุงวั่นสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามกดความรู้สึกอยากยกมือขึ้นมาตบเรื่องบ้าบอเหล่านี้ออกไป เขาค่อยๆ กล่าวว่า “จะว่าไปเรื่องนี้ก็ไม่ยาก ไยต้องลำบากไปไกลด้วยเล่า? คุณชายจะทนเห็นคุณชายน้อยร้องไห้ได้นานเพียงนั้นเลยหรือ?”
เด็กน้อยทั้งสามพยักหน้า
ลุงวั่นถอนหายใจ “ข้าดูแล้ว นายอำเภอได้ตัดสินใจไปแล้ว ได้ ข้าจะไปเรียกนายอำเภอมา จะได้ขยับเขยื้อนกระดูกเฒ่าเหล่านี้สักหน่อย”
“ท่านจะใช้โอกาสนี้หนี ไม่ขัดพื้นแล้วใช่หรือไม่เล่า?” อิ่งสือซันกล่าวได้ตรงจุด
ลุงวั่นผู้ซึ่งถูกแทงใจดำ “…”
องครักษ์พวกนี้ ไม่น่ารักเอาเสียเลย!
…………………………………