บทที่ 84 มาหาถึงหน้าประตู โดย Ink Stone_Romance
คนจากหมู่บ้านซิ่งฮวามาถึงในช่วงเวลาสายัณห์
ที่แท้ ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันไปยกหยึ่ง แม้ว่าคนจากหมู่บ้านซิ่งฮวาจะชนะ แต่ราคาที่พวกเขาต้องจ่ายจากการกระทำในครั้งนี้นั้นมีมหาศาล
ส้นรองเท้าขนาด 39 ของป้าไป๋ ลอยพุ่งออกจากปากประตู ไปกระแทกฟันหน้าของคนผู้หนึ่งหลุด ภรรยาของเขาจึงมาคิดบัญชีกับนาง กลับถูก ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าพระกาฬ[1]’ ซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน จิกจนศีรษะของนางล้านไปเกือบครึ่งหนึ่ง
ซวนจื่อผอมแห้งแรงน้อย ดูแล้วมิได้น่ากลัวเท่าไรนัก แต่ทุกคนมองเขาผิดไป เขากอดต้นขาของอีกฝ่ายและกดคนผู้นั้นปางตาย ในตอนแรกก็มิได้รู้สึกอะไร ทว่าเมื่อกลับบ้านไปถอดกางเกงดู มารดามันเถอะ! ขาครึ่งท่อนของเขานั้นบ่วมเบ่ง!
คนจากหมู่บ้านซิ่งฮวาโกรธยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ไปตามบ้านของแต่ละคน หมายจะลากพวกเขามาฆ่าให้ตายคาหมู่บ้านเหลียนฮวา
พวกเขาบ้างก็ถือจอบ บ้างก็ถือเสียม รังสีอาฆาตพลุ่งพล่าน ราวกับว่าหากพวกเขาพบเทพเจ้าก็จะฆ่าเทพเจ้า พบพระก็จะฆ่าพระก็มิปาน
บรรดาสตรีต่างสนทนากันอยู่ที่บ่อน้ำเก่าใกล้ทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อเหลือบไปเห็นชาวบ้านหน้าตาเกรี้ยวกราดกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา พวกนางต่างก็ตกใจกันยกใหญ่
“เกิดอะไรขึ้นกันนี่” ชุ่ยฮวาซึ่งเป็นภรรยาของนายพรานเอ่ยถามขึ้น “ใครหรือ?”
นางเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่นาน มองไปก็เห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ทว่าป้าจางกลับจดจำผู้ที่เดินนำหน้าได้ดี เขาคือเกาซื่อไห่ อันธพาลหัวไม้แห่งหมู่บ้านซิ่งฮวา
เดี๋ยวก่อน เจ้าดาวเคราะห์อัปมงคลดวงนี้จะมาที่หมู่บ้านของเราด้วยเหตุใด
หลังจากปะติดปะต่อเรื่องที่ได้ฟังในตอนกลางวัน ป้าจางก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่มิใช่เรื่องดี จึงกล่าวกับภรรยาของนายพรานว่า “เร็ว…ไปเรียกผู้ใหญ่บ้าน!”
“อื้ม!” สตรีอายุน้อยเร่งรุดไป
เมื่อผู้ใหญ่บ้านและนางเฉินมาถึง ป้าไป๋และชาวบ้านบางคนก็ได้ยินเรื่องนี้แล้ว
จากนั้น เหล่าชาวบ้านก็สังเกตเห็นบาดแผลบนใบหน้าของป้าไป๋ ผู้ใหญ่บ้าน และซวนจื่อ ทว่ายังมิทันได้ถามอะไร ผู้ใหญ่บ้านก็เอ่ยปากขึ้นอย่างไม่ยี่หระ “เกาซื่อไห่! พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เกาซื่อไห่ปักเสียมในมือลงบนพื้นอย่างเกรี้ยวกราด แล้วกล่าวโดยปราศจากความหวาดกลัวใดๆ ว่า “ทำอะไร? แน่นอนว่ามาขุดแม่น้ำไงเล่า!”
“ขุดแม่น้ำ? เขาพูดถึงอะไรรึ”
“นั่นสิ หมู่บ้านเราจะขุดแม่น้ำหรือ?”
คนหมู่บ้านเหลียนฮวารู้สึกสับสน
สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านดูย่ำแย่ เกาซื่อไห่หัวเราะลั่น “ที่แท้ เจ้าก็ยังมิได้บอกพวกเขา หมู่บ้านเหลียนฮวาจะถูกเปลี่ยนเป็นแม่น้ำแล้วมิใช่รึ?”
“อะไรนะ หมู่บ้านของพวกเราจะถูกเปลี่ยนเป็นแม่น้ำอย่างนั้นรึ? ใครบอกกัน” บิดาของซวนจื่อเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง
ซวนจื่อคอตก
บิดาของซวนจื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาตบเข้าที่ศีรษะของบุตรชาย “เจ้ารู้มานานแล้วใช่หรือไม่? ถามว่าเจ้าไปตีกับใครมา เจ้าก็บอกว่าหกล้ม! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ปริปากสักนิด! เจ้าอยากให้ข้าตายเร็วหรืออย่างไร!”
ผู้ใหญ่บ้านเข้าไปห้าม กล่าวว่า “พ่อของซวนจื่อ เป็นข้าเองที่ไม่ให้เข้าพูด”
เรื่องที่หมู่บ้านเหลียนฮวาจะถูกขุดให้กลายเป็นแม่น้ำนั้นได้กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเราอาศัยอยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แม้ว่าจะยากจนข้นแค้น ทว่าก็เป็นบ้านของพวกเขา บัดนี้เกาซื่อไห่บอกว่าบ้านเรือนของพวกเขาจะหายไป เพราะจะกลายเป็นแม่น้ำอย่างนั้นหรือ?
“ผายลมมารดาเจ้าเถอะ!” ป้าไป๋ยืนเท้าเอว “เห็นโท่งๆ ว่าหมู่บ้านที่จะกลายเป็นแม่น้ำคือหมู่บ้านซิ่งฮวาของพวกเจ้า! ใครจะไปคิดว่าคนไร้ยางอายอย่างพวกเจ้าจะใช้วิธีสกปรก! ทำให้หมู่บ้านพวกข้าต้องรับเคราะห์แทน!”
ป้าจางอธิบายให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ฟังว่า “ที่จริงแล้วต้องเป็นหมู่บ้านซิ่งฮวา ต้องขุดที่ดินของพวกเขาไปสามสี่หมู่ แต่พวกเขาไม่ยอม บีบบังคับให้นายอำเภอต้องเปลี่ยนมาเลือกหมู่บ้านของพวกเรา หมู่บ้านของพวกเราเล็กขนาดนี้ หากขุดแม่น้ำผ่าน ที่ดินจะหายไป บ้านเรือนจะหายไป หลุมฝังศพบรรพบุรุษก็จะหายไปด้วย!”
“เกินไปแล้ว!”
“นั่นสิ หมู่บ้านของพวกเรามีพื้นที่เพียงเท่านี้ หากขุดเป็นแม่น้ำ แล้วทุกคนจะไปอยู่ที่ไหนกัน?”
“ไอ้หยา จริงด้วย…”
หมู่บ้านเหลียนฮวามีขนาดเล็ก หลายปีมานี้เป็นหมู่บ้านที่มิได้รับความสนใจมากที่สุดในตำบลเหลียนฮวา เรียกได้ว่าหมู่บ้านอื่นๆ พร้อมใจจะเหยียบหัวหมู่บ้านเหลียนฮวา เรื่องดีมิยักวนมาถึง เรื่องร้ายก็ต้องพบพาน ยกตัวอย่างเช่นเรื่องทหาร ได้ยินว่าหมู่บ้านซิ่งฮวาขอให้ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านไม่ต้องออกรบ โดยใช้เหตุผลเรื่องการพัฒนากสิกรรมและปศุสัตว์ หมู่บ้านของพวกเขามีคนไม่เพียงพอ จึงจำต้องไปเกณฑ์จากหมู่บ้านอื่นแทน ว่ากันว่าคนจากหมู่บ้านโดยรอบต่างถูกเกณฑ์ไปมากกว่าเดิม ที่น่าสงสารที่สุดเห็นจะเป็นหมู่บ้านเหลียนฮวา เดิมทีจะส่งไปเพียงสิบคน กลับต้องส่งไปครอบครัวละคน
สองปีต่อมาบุตรชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านก็เสียชีวิตในสงคราม
จ้าวเหิงเป็นบุตรชายคนเดียวของบ้าน ตามหลักแล้วก็มิได้อยู่ในรายชื่อ แต่หากในปีนั้นเขามิได้สอบเป็นถงเซิงได้ ก็คงถูกจับไปออกรบเช่นกัน
เกาซื่อไห่แค่นเสียง ‘หึ’ “รู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าคงจะไม่ยอม ได้ พวกเจ้าดูนั่น!”
เขากล่าว และกวักมือเรียกคนที่อยู่ด้านหลัง
คนผู้นั้นก็คือหลี่ขาเป๋ ผู้ที่โดนส้นรองเท้าของป้าไป๋กระแทกจนฟันหน้าหลุดออกไป
ได้ชื่อว่า ‘ขาเป๋’ แต่เขามิได้พิการแต่อย่างใด เพียงแต่เมื่อสมัยเด็กเขาเคยขาหัก และต้องใช้ไม้เท้าพยุง จึงได้ชื่อนี้มาก็เท่านั้น
หลี่ขาเป๋หยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ กล่าวด้วยช่องฟันหน้าซึ่งมีลมลอดผ่านว่า “เห็นชัดแล้วหรือไม่? กระดาษขาวหมึกดำ[2] ประทับตราจากทางการ! เรื่องการขุดแม่น้ำที่หมู่บ้านเหลียนฮวา คงต้องฝากพวกเราจัดการเสียแล้ว!”
เขาไม่รู้หนังสือ ถือเอกสารกลับหัวเสียแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านก็รู้หนังสือไม่มากนัก เขาอ่านอย่างตะกุกตะกัก เขาอ่านคำว่าหมู่บ้านเหลียนฮวาและแม่น้ำออก ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวกับการซ่อมแซมทางน้ำจริงๆ บัดนี้ไม่เหลือแม้แต่โอกาสในการต่อรอง…
เมื่อชาวบ้านเห็นว่าผู้ใหญ่บ้านไม่กล่าวอะไร หัวใจของพวกเขาก็หล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ในขณะที่ผู้คนกำลังจะสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าผู้ใดตะโกนโพล่งขึ้นมา “เอ๋? ซิ่วไฉสกุลจ้าวมิได้รู้จักนายอำเภอหรอกหรือ?”
จ้าวเหิงเป็นผู้มีการศึกษา อาจารย์ให้ความสำคัญกับเขา แนะนำให้เขาเป็นอาจารย์ของบุตรชายนายอำเภอ และแน่นอนว่าคนในหมู่บ้านยังไม่รู้เรื่องนี้
ฝูงชนหันขวับไปทางต้นเสียง ซึ่งก็คือนายพราน
นายพรานกระแอม แล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าไปในตำบลมาเมื่อวันที่หนึ่ง เห็นว่าเขาเข้าไปในจวนนายอำเภอ”
มิน่าเล่า เขาจึงมิได้ไปไหว้หลุมศพของบิดา ที่แท้ก็ไปจวนนายอำเภอนั่นเอง
“เขา…เขาเข้าไปได้แม้แต่จวนนายอำเภอ ความสัมพันธ์ต้องไม่เลวเป็นแน่ หากจะให้เขาช่วยพวกเราพูด…”
ประโยคหลัง นายพรานมิได้กล่าวต่อ แต่ทุกคนย่อมรู้ดี
จ้าวเหิงทำความผิด และถูกชาวบ้านด่าทอ ผู้ใหญ่บ้านยิ่งยื่นคำขาดกับเขา ว่าหากไม่นำเงินมาคืนอวี๋หวั่นภายในสามเดือน ก็ต้องออกจากหมู่บ้านเหลียนฮวาไป ในครั้งนี้ หากจะให้จ้าวเหิงมาช่วยเหลือพวกเขา นั่นมิได้หมายความว่าคนทั้งหมู่บ้านติดหนี้เขาหรอกหรือ?
แต่นี่ยังนับว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่ารักษาวัวเสียอีก!
………………
ณ สกุลจ้าว จ้าวเป่าเม่ยกล่าวด้วยความพึงพอใจว่า “พี่ใหญ่ ท่านเจรจากับนายอำเภอได้แน่นอนใช่หรือไม่?”
แน่นอนว่าจ้าวเหิงทำได้ เขาร่ำเรียนมาหลายปีถึงเพียงนี้ย่อมมิได้เสียเปล่า เรื่องขุดแม่น้ำนี้ มิได้คณนามือเขาหรอก เขามีวิธีที่ทำให้หมู่บ้านซิ่งฮวาพึงพอใจ และทำให้หมู่บ้านเหลียนฮวาได้รับความเสียหายน้อยที่สุด
จ้าวเป่าเม่ยเลิกคิ้ว พร้อมกับกล่าวว่า “พวกเราจะไม่ช่วยเปล่า เมื่อเรื่องนี้สำเร็จ ผู้ใหญ่บ้านจักต้องขับไล่คนสกุลอวี๋ออกไป!”
…………………………………
[1] กรงเล็บกระดูกขาวเก้าพระกาฬ เป็นชื่อของวิชายุทธ์จากนิยายเรื่อง ‘มังกรหยก’ ของจินยง (กิมย้ง)
[2] กระดาษขาวหมึกดำ เปรียบเปรยว่ามีหลักฐานชัดเจน มิอาจปฏิเสธได้