กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1802 หนอนกู่ปะทะแมลงพิษ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาบาดเจ็บเกินกว่าจะพูดได้ หรือเพราะเขาขี้เกียจเกินกว่าจะตอบกลับมา เหวินเส่าอี๋จ้องมองอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร
หลังจากนั้น สิ่งที่พวกเขาทำนั้นทำให้ฮวาอิ่งโกรธจนแทบระเบิดออกมา
มีคนมากมายต้องการพลังของนางแต่ก็ไม่สามารถทำได้
คนพวกนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ปฏิเสธมันอย่างนั้นหรือ
พลังภายในลดลงอย่างต่อเนื่อง พลังของนางลดลงจากขั้นกลางของระดับมนุษย์เหลือเพียงแค่ขั้นสูงสุดของระดับเจ็ด ลงมาขั้นต้นระดับเจ็ด ขั้นกลางระดับหก จนกระทั่งถึงขั้นกลางระดับห้า
ใบหน้าของฮวาอิ่งเต็มไปด้วยความโกรธอันบิดเบี้ยว
แววตาของนางเต็มไปด้วยความดุร้าย ปล่อยหนอนกู่จำนวนมากออกมากัดกินร่างของกู้ชูหน่วน
“อาหน่วน……”
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนไปทันที เขารีบลุกขึ้นอย่างรีบร้อนแต่ก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง
หนอนกู่ไม่ได้เพียงแค่มีพิษร้ายแรง แต่มันยังสามารถควบคุมร่างกายของผู้อื่นได้ หากถูกมันกัดเข้าไป อาหน่วนของเขาอาจจะกลายเป็นหุ่นเชิดได้ในทันที
และหนอนกู่จำนวนมากขนาดนี้ พุ่งเข้าหานางจากทั่วทิศทางในช่วงเวลาสำคัญของมหาเวทย์ดูดพลัง นางจะหลบการโจมตีของพวกมันได้อย่างไร
เยี่ยจิ่งหานอยากจะเข้าไปช่วย แต่เขาก็ไม่สามารถขยับร่างกายของตนเองได้ ไม่รู้ว่าจะช่วยนางได้อย่างไร
จอมมารและเหวินเส่าอี๋ก็ทำได้เพียงเปล่งเสียงออกมาด้วยความเป็นห่วง
ฮวาอิ่งมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายพร้อมกับเวทมนตร์อันยอดเยี่ยม แม้ว่าเวลานี้นางกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางหมดหนทางที่จะรับมือ
“กล้าทำร้ายพี่หญิงของข้า ไม่ว่าฟ้าถล่มหรือดินทลาย ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจกับสิ่งที่เจ้าทำลงไปในวันนี้ แคก แคก แคก……”
ฮวาอิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
กู้ชูหน่วนไม่ต้องการดูดซับจากมหาเวทย์ดูดพลัง และนางก็ไม่สามารถใช้วรยุทธ์ของนางออกมาได้
หากเป็นเช่นนี้ต่อก็ยากที่จะปกป้องตนเอง แล้วนางจะต่อกรกับหนอนกู่ได้อย่างไร
ฮวาอิ่งมีหนอนกู่เป็นหมื่นตัว ขอแค่นางไม่ตาย หนอนกู่พวกนี้ก็ไม่มีวันจากไป
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเยือกเย็น มองไม่เห็นเหมือนกันว่านางทำได้อย่างไร ตะขาบ แมงป่อง ตั๊กแตนพิษ งู และสัตว์มีพิษอื่น ๆ คลานขึ้นมาอย่างหนาแน่น
จากนั้นพวกมันก็สู้กับหนอนกู่
ป่าไผ่อันยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยสัตว์มีพิษ จำนวนที่มากมายทำให้แค่เห็นก็รู้สึกขนหัวลุก
รูม่านตาของจอมมารหดตัวลง เขารีบโผเข้ากอดเยี่ยจิ่งหาน
“มีตะขาบเต็มไปหมดเลย ข้ากลัว”
“เจ้า……เจ้าทำอะไรของเจ้า……ปล่อย……ปล่อยข้า……ข้า……ข้าหายใจไม่ออก……ข้าหายใจไม่ออกแล้ว”
พลังภายในของเยี่ยจิ่งหานหมดลง ร่างกายของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงประกอบกับการบาดเจ็บสาหัส
ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากอ้อมกอดของจอมมารไปได้
เขาถูกรัดแน่นจนกลอกตาขาว
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยเห็นเช่นนั้นก็รีบไปวิ่งดึงมือของจอมมารออกจากร่างของเขา
จอมมารดึงมือออกมาและกอดไปที่เอวของเหวินเส่าอี๋แทน นำศีรษะซุกไปในอ้อมแขนของเขา
น่าเวทนาที่เหวินเส่าอี๋มีแผลถูกแทงอยู่ตรงท้อง
เมื่อถูกจอมมารโผกอดเข้าไป เลือดที่กว่าจะหยุดลงตรงบาดแผลของเขาก็ไหลออกมาอีกครั้ง
เขาขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด
เหวินเส่าอี๋ต้องการที่จะสลัดจอมมารออกไป แต่เช่นเดียวกับเยี่ยจิ่งหาน เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
เขาถูกรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
เจี้ยงเสวี่ยอยากจะเข้าไปช่วย
ชิงเฟิงห้ามเขาเอาไว้
“เขาคือหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า เป็นศัตรูกับพวกเรา หากเขาตายอยู่ที่นี่ มันจะส่งผลดีกับพวกเรา”
“เจ้าอย่าลืม เขาเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่ของนายท่าน มีเรื่องบาดหมางอันใดก็ควรปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองในภายหลัง พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินใจแทนนายท่าน”
โชคดีที่เจี้ยงเสวี่ยเข้ามาช่วย ไม่เช่นนั้นเหวินเส่าอี๋คงถูกรัดจนตายไปแล้ว
“ตะขาบ ตะขาบเต็มไปหมดเลย”
“คุณชายม่อ ท่านเป็นถึงผู้นำของเผ่าปีศาจ แค่ตะขาบต่ำต้อยพวกนี้ มันทำให้ท่านรู้สึกหวาดกลัวอย่างนั้นหรือ?” ชิงเฟิง กลืนน้ำลาย
เขาพูดอย่างสงบ
ที่จริงเขาเองก็ขนลุกไปทั้งตัวและรู้สึกหวาดกลัวมากเช่นกัน
“เจ้าไม่กลัวเจ้าก็เข้ามา โอ๊ย…..แผลของข้า เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
กู้ชูหน่วนยิ้มให้กับฮวาอิ่งอย่างเยือกเย็น “เจ้ามีหนอนกู่ ข้ามีแมลงพิษ ลองมาดูกันว่าหนอนกู่ของเจ้าหรือแมลงพิษของข้าจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
สัตว์มีพิษกำลังต่อสู้กัน
หนอนกู่ล้มตายจำนวนมาก ซากศพกองอยู่บนพื้นอย่างหนาแน่น
แมลงมีพิษไม่ได้ดีไปกว่านี้มากนัก ซากศพของพวกมันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง