ได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายนั่น ทุกคนก็พลันตระหนักได้ว่าตอนนี้กูดาลได้เข้ายึดร่างของออกุสตุสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เดิมทีมันต้องการใช้ร่างของอิลิดันเพื่อฟื้นคืนกำลังทั้งหมด แต่ในเมื่อมันยังครองร่างของอิลิดันไม่ได้ อีกทั้งออกุสตุสยังแปรพักต์ เช่นนั้นมันก็มีเพียงต้องยึดร่างของออกุสตุสมาใช้ก่อน แม้จะสู้ร่างของอิลิดันไม่ได้ แต่ร่างนี้ก็ยังครอบครองพลังของวอร์ล็อคชั้นสูง หากใช้ดีๆก็ยังไม่เลวร้ายนัก เมื่อออกุสตุสถูกกูดาลยึดร่างไป พวกนักผจญภัยก็ไม่มีเป้าหมาย ตอนนั้นเอง วิหารทั้งหลังก็ถูกม่านแสงครอบคลุมไว้ทั้งหมด ทุกคนเริ่มโจมตีม่านแสงเพื่อหวังสลัดหลุดออกไป ตอนนี้ที่พวกเขากระวนกระวายจะออกไปจากที่แห่งนี้ กระนั้นเซียวอวี๋กลับไม่กังวลแต่อย่างใด นั่นก็เพราะกูดาลเองก็ยังอยู่ที่นี่ หากม่านแสงล้อมกักพวกเขาทั้งหมดไว้ เช่นนั้นกูดาลเองก็ย่อมติดร่างแหนี้ไปด้วย เมื่อกูดาลล่วงรู้อยู่แล้วว่าออกุสตุสจะหักหลังมัน เช่นนั้นมันย่อมต้องทราบวิธีออกจากที่นี่ ดังนั้นเซียวอวี๋จึงเฝ้าดูกูดาลไม่ยอมคาดสายตา กูดาลย่อมมองความคิดของเซียวอวี๋และคนอื่นๆออก แม้มันจะต้องการสังหารมนุษย์ทุกคนที่นี่ แต่อิลิดันและคาเอลกลับเป็นขวากหนามชิ้นใหญ่จนยากจะลงมือได้ กูดาลไม่ได้ลงมือใส่ฝ่ายมนุษย์ หากแต่หันไปสั่งรวมพลพวกออร์คปีศาจ “พวกมนุษย์เล็กจ้อย นับว่าวันนี้พวกเจ้าโชคดี แต่ครั้งต่อหน้าจะเป็นวันตายของพวกเจ้า เมื่อกองทัพของข้ายาตราสู่แผ่นดินใหญ่ ทวีปแห่งนี้จะต้องมาศิโรราบต่อข้า ฮ่าฮ่าฮ่า….” กูดาลเริ่มท่องมนต์ลึกลับ พร้อมกับเสียงร่าย วงเวทขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งหมด พลังมิติอันรุนแรงเริ่มทะลักจากวงเวทแล้วก่อตัวเป็นประตูมิติ “วงเวทเคลื่อนย้าย!” เซียวอวี๋ร้องโพล่งออกมา กูดาลคิดจะใช้ประตูมิติหลบหนีนี่เอง เดิมวิธีนี้ไม่ได้อยู่ในแผนการของกูดาล หากแต่เป็นออกุสตุสที่เตรียมทางหนีทีไล่นี้ไว้ เมื่อประตูมิติมั่นคง กูดาลก็พุ่งเข้าไป เกิดแสงสว่างวาบ ร่างของกูดาลพลันหายไป เมื่อทุกคนเห็นพวกกูดาลหลบหนีด้วยประตูมิติ พวกเขาก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นหนทางเดียวหรือไม่ ดังนั้นผู้คนพลันกรูกันไปทางประตูมิติ อย่างไรก็ตาม เนื่องเพราะที่นี่มีคนมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่อาจเข้าไปได้พร้อมกัน สถานการณ์เช่นนี้จำต้องมีใครบางคนลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ “ทั้งหมดหยุด! หากใครยังกล้าก้าวไปข้างหน้า บิดาจะให้อิลิดันเป่ามันให้กระจุย!” เซียวอวี๋ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูมิติ สองข้างขนาบด้วยอิลิดันและคาเอล ตอนนี้กูดาลไม่อยู่แล้ว ฮอรัสเองก็ฉวยโอกาสที่ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่กูดาลหลบหนีกลับแดนนรก ดังนั้นตอนนี้อิลิดันและคาเอลจึงกลายเป็นสองผู้ที่เข้มแข็งที่สุด ณ ที่นี่ มีสองคนนี้ขวางหน้าประตู ผู้ใดยังจะกล้า? เซียวอวี๋กล่าวด้วยเสียงอันดัง “ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนมีโอกาสออกจากที่นี่ แต่นั่นจะต้องเป็นไปอย่างมีระเบียบ ยื้อแย่งกันไปก็มีแต่ทำให้ช้าลง เข้าแถวตามการจัดของข้า และหากมีใครกล้าละเมิด เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิข้าเหี้ยมโหด” มองดูเซียวอวี๋ตะโกนบอก ที่ข้างกายยืนไว้ด้วยสองขุนพลแกร่ง ทุกคนก็เงียบลงอย่างเชื่อฟัง เมื่อเห็นทุกคนสงบลงแล้ว เซียวอวี๋ก็พยักหน้าก่อนจะชี้ไปยังกลุ่มภาคีอาชาเหล็ก “พวกเจ้าไปก่อน” ได้ยินดังนั้นสมาชิกของกลุ่มอาชาเหล็กก็มีสีหน้ายินดี ภายใต้การนำของยอดฝีมือผู้หนึ่ง พวกเขาก็เดินไปยังประตูมิติไป ก่อนจะออกไป ยอดฝีมือผู้นำกลุ่มก็หันมากล่าวกับเซียวอวี๋ “นามข้าคือ คาโซ่” เซียวอวี๋พยักหน้ารับ คาโซ่นำกลุ่มของเขาผ่านประตูมิติไป จากนั้นเซียวอวี๋ก็ให้พวกนักผจญภัย ต่อด้วยกลุ่มหัตถ์เงินของอลอนโซ่ ดังนั้นที่นี่จึงเหลือพียงกลุ่มของเซียวอวี๋ ลีโอนาโด นิโคลัสและโรเบิร์ต เซียวอวี๋จงใจรั้งพวกโรเบิร์ตไว้ที่นี่ โรเบิร์ตต้องการจะโวยวาย แต่ก็จำต้องปิดปากเงียบเมื่อมองไปยังอิลิดันและคาเอล อีกทั้งทุกคนที่นี่ต่างก็ยอมทำตามกฏของเซียวอวี๋ หากว่าเขาเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีปัญหา เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นศัตรูของส่วนรวม ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงข่มกลั้น มองม่านแสงที่กำลังครอบคลุมลงมาจากฟ้า เซียวอวี๋ก็ยิ้มกล่าวกับโรเบิร์ต “หึหึ…ลอร์ดโรเบิร์ต เชิญท่านสนุกอยู่ที่นี่ให้เต็มอิ่ม ข้าไม่ส่งนะ” กล่าวจบเซียวอวี๋ก็นำกองกำลังของเขาผ่านประตูมิติไปตามด้วยอิลิดันและคาเอล พวกนิโคลัสและลีโอนาโดเองก็รีบตามไปติดๆ “ไอ้ชาติชั่ว!” โรเบิร์ตคำราม ตอนนี้ม่านแสงใกล้มาถึงพวกเขาแล้ว โรเบิร์ตรีบวิ่งไปยังประตู พวกลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็รีบวิ่งตามไป “พาข้าไปจากที่นี่!” โรเบิร์ตตะคอกใส่จอมมนตราขั้นที่หกที่ชื่อ บรอน บรอนรวบคว้าแขนเสื้อของโรเบิร์ตและพุ่งไปยังประตูมิติสุดกำลัง แต่ขณะที่ไพร่พลที่เหลือกำลังจะวิ่งผ่านประตูมิติ ประตูมิติก็พลันส่งเสียงเสียดหูและพังครืนลงมา ………………….. แสงสว่างส่องแยงตา เซียวอวี๋พบว่าตัวเขาพลันมาอยู่ในเมืองทรุดโทรม กวาดสายตามองรอบข้างแล้ว เขาก็ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตแต่อย่างใด “นี่ไม่ใช่ประตูมิติแบบเจาะจง ตอนนี้เรามาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้” เซียวอวี๋กระโดดขึ้นไปบนกำแพงที่พังทลายพลางป้องตากวาดมองโดยรอบ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เซียวอวี๋ก็หันไปมองอิลิดันกับคาเอล แต่เขาก็พบว่าสองคนนั้นหย่อนก้นนั่งกับพื้นไปเรียบร้อย พลังงานภายในร่างของทั้งสองยังปั่นป่วน ดูเหมือนทั้งสองจะพยายามควบคุมมันอยู่ เซียวอวี๋พลันเข้าใจสถานการณ์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะดูดซับพลังเกินตัวไปหน่อย และเพื่อปรับตัวพวกเขาจำต้องสงบใจควบคุม ด้วยเหตุนี้เซียวอวี๋จึงจำต้องทำหน้าที่คอยคุ้มกัน เขาเอนกายพิงกำแพงพลางเฝ้ามองดูทั้งสอง ในระหว่างนั้นเซียวอวี๋ก็เริ่มนับคำนวณการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ แม้จะเกิดการสูญเสียอยู่บ้าง มีไพร่พลนักรบล้มตายไปกว่าครึ่ง กระนั้นก็ยังถือว่าเขาได้กำไรมากโขอยู่ เมื่อเซียวอวี๋หันไปมองทั้งสองอีกครั้ง เขาก็พบว่าอิลิดันและคาเอลได้ตื่นขึ้นแล้วพร้อมกับพลังที่เสถียรมั่นคง แต่เมื่อหรี่ตาสำรวจอย่างละเอียด เซียวอวี๋ก็ร้องสุดเสียง นั่นเพราะพลังของทั้งอิลิดันและคาเอลได้ย้อนกลับไปอยุ่ในขั้นที่ห้าเช่นเดิมแล้ว ชัดเจนว่าเป็นเพราะพลังจากมรดกที่ตกทอดทิ้งไว้ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาทะยานพุ่งพรวดอย่างชั่วคราว แต่หากต้องการให้คงอยู่แบบถาวร เช่นนั้นก็ได้แต่ต้องก้มหน้าก้มตาเก็บระดับไป “เจ้าระบบเฮงซวย ต้องยิบย่อยวุ่นวายขนาดนี้เชียว?”