หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เซียวอวี๋ก็ลุกขึ้นและเริ่มออกตามหาคนอื่นๆภายในบึงตะวันลับ

ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แต่พิจารณาดูแล้ว เขาก็ตัดสินใจจะเดินทางเป็นเส้นตรง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง ไม่ใช่พื้นที่ลุ่มน้ำหรือบึง และนั่นหมายความว่าที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่บึงตะวันลับ หลังจากเดินทางเป็นเวลากว่าหนึ่งวัน เซียวอวี๋ก็ยังไม่ทราบว่าตัวเขาอยู่ที่ใดกันแน่ สุดท้ายเขาก็เลือกเดินทางไปอีกทิศหนึ่ง ผ่านไปสองวัน ในที่สุดเขาก็ได้เห็นควันไฟ เบื้องหน้าเป็นเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง หากแต่ผู้คนภายในเมืองสวมเครื่องแต่งกายแปลกตา ไม่คล้ายเป็นชาวเถียนสื่อ หากแต่คล้ายชาวหยุนเมิ่ง “นี่เราถูกส่งมาที่อีกด้านของบึงตะวันลับ? ทำไมเราถึงถูกส่งมาเมืองแปลกๆนี่ได้?” เซียวอวี๋พูดไม่ออก ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาเท่าไร เมืองแห่งนี้มีคนอยู่ไม่มากนัก เซียวอวี๋เดินเข้าเมืองไปพร้อมกับอิลิดันและคาเอล อิลิดันและคาเอลได้สวมผ้าคลุมปกปิดตัวตนไว้แล้ว มิเช่นนั้นด้วยรูปลักษณ์อันมีเอกลักษณ์ของทั้งสองย่อมนำมาซึ่งเรื่องยุ่งยาก เซียวอวี๋ไม่ต้องการมีปัญหา ดังนั้นการทำตัวไม่เป็นจุดสนใจย่อมดีกว่า เซียวอวี๋เดินทอดน่องอยู่พักหนึ่งก่อนจะพบกับร้านเหล้าขนาดเล็ก ทั้งสามเข้าไปด้านในและสั่งไวน์กับอาหารมาสองสามอย่าง พวกเขาตัดสินใจเติมท้องให้เต็มก่อน จากนั้นค่อยสอบถามสถานการณ์ของที่นี่ เซียวอวี๋เดินทางมานานโดยไม่มีของกินดีๆตกถึงท้อง ดังนั้นเมื่อมาถึงร้านอาหารทั้งที เขาย่อมต้องกินให้อิ่มหนำสำราญ สำหรับอิลิดันและคาเอล อาหารไม่ได้ดึงดูดพวกเขา ดังนั้นจึงยืนอยู่ด้านหลังของเซียวอวี๋ราวผู้คุ้มกัน อิลิดันนั้นเพียงดูดซับพลังธาตุก็พอแล้ว อาหารไม่ค่อยมีผลเท่าใด ขณะที่คาเอลเองก็รับประทานแต่อาหารเอลฟ์ที่สร้างโดยฐานทัพเอลฟ์ ต่อให้มันจะจืดชืดไร้รสชาติ แต่คาเอลบอกว่าอาหารพวกนั้นมีอารยะกว่า ในเรื่องนี้ เซียวอวี๋เพียงกลอกตาแต่ไม่พูดอะไร อย่างไรเสีย ทั้งสองก็เป็นลูกน้องของเขา เขาย่อมเคารพประเพณีและนิสัยของพวกเขา ขณะที่เซียวอวี๋ลงมือจัดการอาหารอยู่นั้น คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในร้านพลางส่งเสียงเอะอะ หลายคนกุมด้ามดาบที่บั้นเอวและวิ่งขึ้นมาบนชั้นสองที่เซียวอวี๋อยู่ ชายที่คล้ายเป็นหัวหน้ายกขวานขึ้นพาดบ่าเดินไปหยุดกลางห้อง “คุณหนูของเราต้องการรับประทานอาหารที่นี่ พวกเจ้าจงไสหัวไปซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคาย” เหล่าผู้ที่นั่งกินอาหารอยู่เมื่อได้ยินเช่นนั้นต่างก็ไม่ต้องการมีปัญหา ดังนั้นจึงรีบลุกลงไปยังชั้นล่าง มีแต่เซียวอวี๋ที่ยังตักอาหารกินอย่างไม่แยแสใดๆ โต๊ะอื่นๆลงจากชั้นสองไปหมดแล้ว มีเพียงกลุ่มของเซียวอวี๋ที่ยังอยู่ ชายที่เป็นหัวหน้าเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย มันคุ้นเคยกับการอยู่เหนือกว่ามาตลอด แต่วันนี้กลับมีคนกล้าขัดคำสั่งของเขา นี่จะไม่ให้มันโมโหได้อย่างไร? “หูหนวกเรอะ?” ชายที่เป็นหัวหน้าเดินไปทางเซียวอวี๋และจามขวานเข้าที่โต๊ะ ตอนที่ชายผู้นี้ก้าวเดิน พื้นไม้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนทรงพลังผู้หนึ่ง เซียวอวี๋จิ้มชิ้นเนื้อส่งเข้าปาก จากนั้นก็หยิบเหยือกน้ำผลไม้เทรินใส่แก้วพลางพึมพำ “เสียงหมาเห่านี่มันน่ารำคาญจริงๆ” ชายผู้เป็นหัวหน้าพลันเดือดดาล มันไม่คิดจะต่อปากต่อคำ หากแต่พุ่งหมัดไปยังเซียวอวี๋ทันที แม้มันจะสังเกตุเห็นอิลิดันและคาเอล กระนั้นกลับไม่ใส่ใจใดๆ สองคนนี้คงเป็นผู้คุ้มกันของไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่ แต่แล้วจะอย่างไร? ตัวมันเป็นนักรบขั้นที่สี่ระดับสุดยอด ดังนั้นย่อมมีคุณสมบัติเย่อหยิ่งต่อหน้าคนส่วนใหญ่ในทวีปนี้ ดังนั้นมันจึงตัดสินใจจะมอบบทเรียนให้แก่เซียวอวี๋ กระทั่งทุบตีให้พิการ อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามันประเมินเซียวอวี๋ต่ำทรามไปแล้ว สายตาของมันช่างคับแคบ ยังมีคนอีกมากในโลกที่แข็งแกร่งกว่ามัน และวันนี้มันก็บังเอิญมาเตะเจอแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว ฝ่ามือของมันพลันเปลี่ยนเป็นสีเทาและบวมพองจนไม่คล้ายเป็นมือของมนุษย์ จากนั้นฝ่ามืออันแข็งแกร่งราวกับคีมเหล็กก็คว้าหมัดของมันไว้จนไม่อาจขยับแม้สักนิ้ว ยังไม่จบเพียงเท่านั้น มือที่ยื่นมาจับหมัดของมันไว้พลันมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกโชนขึ้นมา เพลิงเขียวไม่มีผลต่อมือข้างนั้น แต่ไม่ใช่กับหมัดของชายที่เป็นหัวหน้า หมัดที่ต่อยออกไปจึงถูกเผาจนไหม้เกรียมทันที “อ๊ากกกกก…..” ชายที่เป็นหัวหน้าร้องโหยหวนพลันชักมือกลับและพยายามจะตัดมือข้างนั้นทิ้งโดยเร็ว กระนั้นมันกลับขยับร่างไม่ได้ ดูเหมือนมันจะถูกเวทบางอย่างสะกดตรึงเอาไว้ จู่ๆก็มีร่างของปีศาจขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในห้วงสมองของชายผู้เป็นหัวหน้า เป็นปีศาจที่น่าหวาดกลัวที่สุดที่มันเคยพบเห็นในชีวิต ร่างของปีศาจตนนั้นห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงขณะที่ส่งเสียงหัวเราะเขย่าขวัญ ชายผู้เป็นหัวหน้ารู้สึกราวกับร่างกายถูกเผาทั้งเป็น จากนั้นก็ถูกสับเป็นชิ้นๆ “หัวหน้า เกิดอะไรขึ้น?” เห็นบุรุษร่างใหญ่มีท่าทางไม่สู้ดี เหล่าผู้ติดตามก็พากันชักดาบโถมเข้ามา อย่างไรก็ตาม ขณะที่จวนจะถึงตัวของหัวหน้าผู้นั้น พวกมันก็พลันรู้สึกตัวเบาหวิว ร่างกายของพวกมันเริ่มลอยเคว้งในอากาศ คาเอลไม่ได้เรียกคทาออกมาด้วยซ้ำ แค่เพียงกระดิกนิ้วก็สามารถจัดการคนทั้งหมดได้ หลังจากบรรลุถึงขั้นที่ห้าแล้ว ความชำนาญด้านเวทมนตร์ของคาเอลก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาสามารถควบคุมองค์ประกอบเวทมนตร์ถึงขั้นน่าสะพรึง ดังนั้นเขาจึงใช้เวทมิติได้ตามต้องการ “โปรดยั้งมือไว้ไมตรี” ตอนนี้เอง เสียงนุ่มนวลชวนฟังเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ได้ยินเสียงนี้ เซียวอวี๋ที่ตักอาหารกินไม่สนใจสิ่งใดก็พลันหยุดมือทันที สายตาจับจ้องไปยังที่มาของเสียง เส้นผมสีทองยาวสลวยพร้อมรอยยิ้มหวานและเรือนร่างร้อนแรงพลันปรากฏขึ้นในสายตา “อะแฮ่ม..ไม่ทราบว่าคุณหนูท่านนี้มีนามว่ากระไร?” เซียวอวี๋ปั้นยิ้มสง่าพลางเอ่ยปากถาม สาวงามผู้นี้ถึงกลับมีเสน่ห์เสียยิ่งกว่าพี่สะใภ้สามของเขาอีก เป็นเพราะติดพันอยู่กับการต่อสู้มานาน เซียวอวี๋จึงมีความเครียดสะสมมหาศาล ดูผิวเผินเขาอาจจะมีท่าทีไม่แยแสต่อสิ่งใด แต่ในความจริงตัวเขาต้องแบกรับความกดดันเอาไว้มากมายนัก และครั้งนี้ตัวเขาก็ได้รับการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่จากวิหารดำ สถานการณ์ก็ไม่ได้จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรนัก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้มาพบพานกับสาวงามเช่นนี้ “ข้าชื่อสกาเล็ต ไม่ทราบว่าคุณชาย…” สกาเล็ตกล่าวพลางเดินมายังโต๊ะของเซียวอวี๋ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งลง นางจ้องมองเซียวอวี๋ราวกับกำลังจ้องมองคนรัก “ท่านปลดปล่อยคนของข้าได้หรือไม่? ข้าต้องขออภัยแทนเขาด้วย ข้าจะชดเชยให้คุณชายในภายหลัง” สกาเล็ตกล่าวเชิงขอร้อง เสียงอันนุ่มนวลของนางทำให้ผู้คนรู้คันยิบที่หัวใจ เซียวอวี๋หัวเราะพลางตอบ “เขาเพิ่งจะหยาบคายต่อข้า คงไม่อาจปล่อยไปโดยง่าย” อย่างไรเสียที่ข้างกายก็มีอิลิดันกับคาเอลอยู่ เขาย่อมไม่เกรงกลัวสิ่งใด ขณะที่อีกฝ่ายเองก็กริ่งเกรงต่อพวกเขา เรียกว่าตอนนี้เขาได้เปรียบเต็มประตู “ข้าจะชดเชยให้คุณชายได้อย่างไร?” สกาเล็ตจ้องตาเซียวอวี๋พลางถามเสียงนุ่ม เซียวอวี๋ที่ได้ฟังก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร ตอนนี้สกาเล็ตยอมถอยให้เขาตั้งแต่เริ่ม อีกทั้งเขาเองยังเป็นคนที่ผู้อื่นดีมาก็ดีตอบ “อิลิดัน ปล่อยเขา” เซียวอวี๋โบกมือ ได้ยินคำสั่งจากเซียวอวี๋ อิลิดันก็ยกเลิกเวท ชายผู้เป็นหัวหน้าพลันได้สติคืนมา ในแววตาของมันสะท้อนความกลัวอันไร้ก้นบึ้งออกมา มันเป็นฝันที่แปลกมาก ร่างกายของมันถูกเผาทั้งเป็น แต่ฝ่ามือของมันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ “การโจมตีทางวิญญาณ?” สกาเล็ตมองแววตาของชายผู้เป็นหัวหน้า นางสนิทกับเขาดี เขาคงถูกจู่โจมใส่วิญญาณเป็นแน่ มิเช่นนั้นต่อให้เขาถูกมีดกรีดเป็นชิ้นๆ แววตาของเขาก็ยังไม่แสดงออกถึงความกลัวเพียงนี้ เซียวอวี๋ยิ้มกล่าว “ท่านเพิ่งบอกว่าท่านจะชดเชยให้ข้า ไม่ทราบว่าท่านจะชดเชยข้าอย่างไร?” สกาเล็ตมองอิลิดันและคาเอลอย่างสนใจ นางยกมือลูบคางพลางกล่าวว่า “ข้าต้องการแลกเปลี่ยนกับนายน้อยท่าน ไม่ทราบว่าท่านสนใจหรือไม่?”