TB:บทที่ 214 เมดบาร์

 

เขาขอข้ามสิบแปดกระบวนท่าดาบแห่งนรกไปก่อนก็แล้วกัน เพราะตอนนี้เฉินหลงได้ให้ความสนใจกับดาบแห่งนรกที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า

แค่ได้ยินชื่อดาบแห่งนรกก็น่าเกรงขามแล้ว เมื่อได้เห็นดาบกับตาตัวเอง มันช่างน่าเกรงขามจริงๆ รูปร่างของมันคล้ายกับดาบสองคม มีน้ำหนักประมาณ 20 ชั่ง*เห็นจะได้ ใบมีดมีสีเข้มแต่กลับแหลมคมมาก เฉินหลงลองดึงผมของตัวเองออกมาหนึ่งเส้น แล้วนำเส้นผมไปทดลองความคมของมัน ผลปรากฏว่าดาบเล่มนี้สามารถตัดเส้นผมของเขาได้อย่างง่ายดาย โดยที่เขาไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย

ส่วนด้ามจับของดาบมีการแกะสลักขนาดเล็กเอาไว้หลายตัว เฉินหลงเลื่อนสายตาเข้าไปมองมันใกล้ๆ และพบว่ามันเป็นรูปแบบนรกคู่

 

อย่างไรก็ตาม รูปแกะสลักขนาดเล็กเหล่านี้ไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกในการถือดาบแต่อย่างใด

หลังจากที่ได้มองดูดาบแห่งนรกจนหนำใจแล้ว เฉินหลงก็ได้ศึกษาวิชาดาบนรกสิบแปดกระบวนท่า

วิชาดาบนี้มีทั้งหมดสิบแปดกระบวนท่า กระบวนท่าแต่ละกระบวนท่าสอดคล้องกับชั้นของนรก หากนำวิชาดาบนี้มาใช้ คู่ต่อสู้ก็จะถูกส่งไปยังนรกทันที

หลังจากศึกษาวิชาดาบแล้ว เฉินหลงได้ชักดาบออกจากฝัก เพื่อลองใช้กระบวนท่าที่หนึ่ง

ในตอนที่ลองใช้วิชาดาบ ทันใดนั้นเฉินหลงก็ได้ยินเสียงร้องของวิญญาณที่อยู่ในห้องนี้ ในเวลาเดียวกัน กระบวนท่านี้ไม่ได้ทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าดาบเล่มนี้สามารถสังหารคนได้ แค่เขาแกว่งดาบ ศัตรูก็ถูกสังหารแล้ว คราวนี้ ถ้าคู่ต่อสู้ขยับตัว ก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะตายไวขึ้น

 

‘เป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังมาก เหมือนกับว่าอีกฝ่ายถูกนรกกระชากลิ้นไป’ หลังจากลองใช้กระบวนท่าแรกไป เฉินหลงรู้สึกได้ว่ากระบวนท่า “กระชากลิ้น” นี้รุนแรงมากจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ด้วยวิชาดาบและดาบเล่มนี้ ในการต่อสู้กับศัตรูในอนาคต เขาไม่จำเป็นต้องใช้ระฆังทองอีกต่อไปแล้ว

 

‘อีกอย่าง ถ้าเจสสิก้ากลับมาแล้ว เราค่อยเข้าไปที่เกมตอนกลางคืนเพื่อฝึกวิชาดาบก็แล้วกัน สงสัยจัง ว่า ‘อสูรเกราะ’ จะสามารถป้องกันการโจมตีของวิชาดาบของเราได้ไหม’ เฉินหลงพึมพำอยู่ในใจ

 

‘อสูรเกราะเหล็ก’ เป็นอสูรชนิดหนึ่งระดับพลังลมปราณ เนื่องจากร่างกายสามารถกลายพันธุ์เป็นผิวหนังชั้นนอกที่แข็งแกร่งซึ่งแทบจะทำลายไม่ได้ ในขอบเขตพลังลมปราณ การผสมผสานนั้นยากกว่า ‘อสูรลิงจอมคลุ้มคลั่ง’ เสียอีก มันเป็นหนึ่งในการแปลงร่างอสูรที่ยากที่สุดในขอบเขตลมปราณ

 

สองชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเจสสิก้าและมัตสึชิตะก็ได้กลับมาที่วิลล่า

การที่เจสสิก้าเดินตามเขามาติดๆแบบนี้ ทำให้มัตสึโมชิไม่กล้าเล่นตุกติกเลยแม้แต่น้อย เพราะหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขาน่ากลัวอย่างกับนางมาร ขืนเขาทำอะไรตุกติกขึ้นมาจริงๆ มีหวัง อีกฝ่ายได้ลงมือฆ่าเขาอย่างไม่ลังเลแน่ เขาขอไม่เสี่ยงก็แล้วกัน คนอย่างเขารักตัวกลัวตาย

“นายท่าน ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในยูเอสบีอันนี้ค่ะ” เจสสิก้าส่งยูเอสบีให้เฉินหลงด้วยความเคารพ

หลังจากที่รับยูเอสบีมาแล้ว เฉินหลงก็ได้หันไปส่งยิ้มให้เจสสิก้า “เยี่ยมมาก”

 

“นายท่าน แล้วเรื่องเงิน จะให้ผมทำยังไงกับมันดีครับ?” มัตสึชิตะ สึชิคุกเข่าต่อหน้าเฉินหลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประจบประแจงอีกฝ่าย

“ดาบาร์ เอาหมายเลขบัญชีของคุณให้เขาไป” เฉินหลงกล่าว

ชายคนนี้ก็เป็นลูกน้องของเฉินหลง ยังไง พวกเขาก็ต้องอยู่ข้างกายเขา พวกเขาไม่มีทางทำอะไรลับหลังเขาแน่ นอกจากนี้ เขาก็ต้องให้พวกเขาได้กินได้ใช้เงินบ้าง เขาจึงให้อีกฝ่ายโอนเงินเข้าบัญชีดาบาร์เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน

ดาบาร์จึงรีบบอกหมายเลขบัญชีของแก๊งให้กับมัตสึชิตะ โดยที่มัตสึชิตะเองก็ได้โอนเงินหนึ่งพันล้านเข้าบัญชีของเขาไปอย่างไม่ลังเลเหมือนก่อนหน้านี้

 

หลังจากที่โอนเงินเข้าบัญชีตามคำสั่งแล้ว มัตสึชิตะ สึชิก็หันมามองเฉินหลงด้วยท่าทางที่เหมือนกับหมาปั๊กกำลังมองเจ้าของของมัน เขาตั้งตารอให้เฉินหลงพูดกับเขาว่า ‘เสร็จเรื่องแล้ว ไปได้’ อย่างมีความหวัง

“อ้อ ผมอยากรู้ว่าแก๊งที่เอาเงินของคุณไปชื่ออะไรแล้วก็พวกเขาอยู่ที่ไหน?” เฉินหลงเอ่ยถาม

“นายท่าน เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆครับ” ถึงเฉินหลงจะเตรียมใจกับคำตอบของอีกฝ่ายเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่ เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดี

“ถ้างั้น คุณติดต่อกับพวกเขายังไงล่ะ?” เฉินหลงถามต่อ

มัตสึชิตะได้บอกว่าเขาติดต่อกับแก๊งซากุระยังไงและมอบหมายงานให้คนพวกนั้นยังไงให้เฉินหลงเข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าสมาชิกของแก๊งซากุระมีใครบ้างอยู่ดี

 

“อืม… ก็แค่นั้นแหละ แต่การมาที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ พวกผมยังไม่ได้หาที่พักเลย เอาเป็นว่า พวกผมขออาศัยอยู่ที่นี่กับคุณก่อนสักสองสามวันได้ไหม?” ในตอนนี้เขารู้วิธีติดต่อกับแก๊งซากุระแล้ว เขาจะอยู่ที่นี่ต่อและหาโอกาสตามหาตัวพวกเขา ถ้าพวกเขามีปรมาจารย์ระดับกำเนิด ค่อยลักพาตัวเขามาเป็นพวกด้วย แต่ถ้าไม่มีก็อาจไว้ชีวิตหรือไม่ก็ไล่ฆ่าให้ตายๆไปให้หมดเลยแล้วกัน

“ไฮ้**! เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ละครับ เชิญพวกคุณพักได้ตามสบายเลยครับ! เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่บ้านซอมซ่อของมัตสึชิตะคนนี้จะได้เป็นที่พักพิงให้พวกคุณทุกคนในช่วงสองสามวันนี้!” มัตสึชิตะรีบตอนทันควัน นอกจากนี้บนใบหน้าของเขายังแสดงถึงการให้เกียรติอย่างยิ่งอีกด้วย

 

ส่วนในใจของเขากลับรู้สึกขมขื่น แล้วคนอย่างเขาจะใช้ชีวิตกับปีศาจพวกนี้ในบ้านของตัวเองได้ยังไงล่ะ? อ๊ากกกกก! ม่ายยยยยน้าาาาาาาา!

เฉินหลงไม่ตอบ ทำเพียงแค่ส่งยิ้มเท่านั้น

เฉินหลงรู้ดีว่ามัตสึชิตะคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่สนมันอยู่ดี ถ้ามัตสึชิตะ สึชิคนนี้รู้สึกยินดีอย่างที่เขาพูดไว้จริงๆ เฉินหลงคงจะประหลาดใจไม่น้อย

โชคดีที่วิลล่าของมัตสึชิตะ สึชิมีพื้นที่มากพอที่จะให้คนทั้งหกคนรวมถึงเฉินหลงอาศัยอยู่ได้

 

หลังจากพาเฉินหลงไปยังห้องพักแล้ว มัตสึชิตะ สึชิก็พร้อมชิ่ง แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวออกจากห้อง เฉินหลงก็ได้พูดขึ้นมาว่า “นี่ คุณอย่าคิดเรื่องหนีเลยนะ เสียแรงเปล่าๆ ยังไงพวกเขาก็จะไปตามตัวคุณมาให้ได้อยู่ดี ถ้าพวกเขาจับคุณได้ ขอบอกเลยว่าคุณจบไม่สวยแน่ เพราะยังไงตอนนี้พวกเราก็ไม่ต้องการคุณแล้ว ถ้าคิดจะทำอะไร ก็คิดให้ดีๆล่ะครับ อ้อ นี่ผมไม่ได้ขู่นะครับ ผมแค่เตือนด้วยความหวังดีเฉยๆ”

“นายท่าน! ผมไม่หนีหรอกครับ!” มัตสึชิตะ สึชิที่พร้อมหนีในตอนกลางคืน ได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลง ผมไม่หนีแล้ว ผมกลัวแล้ว ฮือออออ

 

หลังจากที่มัตสึชิตะเดินออกไปจากห้องแล้ว เฉินหลงก็ได้นำเครื่องสวมศรีษะออกมาแล้วสวมไว้บนศีรษะ เขาเข้าไปในเกมแล้วทำการฝึกวิชาดาบต่อ

สามวันต่อมา เฉินหลงได้เดินทางออกไปจากวิลล่าพร้อมกับดาบาร์เพื่อตามหาแก๊งซากุระที่มัตสึชิตะได้ติดต่อให้ก่อนหน้านี้

ด้วยระบบอัจฉริยะ ตราบเท่าที่เขาติดตามร่องรอยของมัตสึชิตะได้จากการการติดต่อกับเขาก่อนหน้านี้ เขาสามารถล็อคตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะกำจัดร่องรอยทั้งหมด แต่หลังจากที่ทำการติดต่อกับมัตสึชิตะแล้ว เขาก็ยังล็อคตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ด้วยการค้นหาของระบบอัจฉริยะ ซึ่งเป็นการบดขยี้ในระดับของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตาม เจสสิก้าได้รับคำสั่งให้จับตาดูมัตสึชิตะ เธอจึงไม่ได้ติดตามเจ้านายของเธอไป ทำให้ตอนนี้เธอไม่สบอารมณ์สุดๆ ต้องอยู่กับไอ้สุนัขนี่ หงุดหงิดเป็นบ้าเลย! ส่วนอีกฝ่ายที่เห็นเจสสิก้าอารมณ์ไม่ค่อยดี มัตสึชิตะจึงมีท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากเป็นพิเศษ เขากลัวว่านางมารคนนี้จะโมโหขึ้นมาแล้วทุบตีเขาอีก

 

หลังจากฝึกวิชาสิบแปดกระบวนท่าดาบแห่งนรกในเกมเป็นเวลาสามวัน ทำให้ตอนนี้เฉินหลงได้พัฒนาฝีมือจนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ อสูรเกราะประมาณหนึ่งพันหรือแปดร้อยตัวในเกม ไม่มีตัวไหนที่ไม่ตายด้วยน้ำมือของเฉินหลงเลยสักตัว

‘อสูรเกราะ’ เป็นสัตว์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่ง ก่อนการกลายพันธุ์มีเป็นร่างกายเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่หลังจากการกลายพันธุ์แล้ว ขนาดตัวของพวกมันก็จะขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับรถถัง และเปลือกนอกที่หุ้มร่างของมันก็จะแข็งแกร่งเหมือนกับเหล็ก ดังนั้นการโจมตีทั่วไปไม่มีทางจัดการพวกมันได้ง่ายๆ

อย่างไรก็ตาม กระบวนท่าดาบของเฉินหลงในการโจมตีแต่ละครั้งสามารถจัดการอสูรที่เหลือให้ตายได้ภายในดาบเดียว นอกจากนี้ ร่างกายของอสูรเกราะเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เปลือกของมันสามารถใช้เป็นเกราะป้องกัน กรงเล็บสามารถใช้เป็นอาวุธและอาหารได้ หลังจากใช้งานสามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งของพวกมันได้เล็กน้อย นอกจากพวกมันจะทำให้เฉินหลงสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองในเกมได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาในชีวิตจริงได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้น การวิวัฒนาการนี้ก็ยังห่างไกลจากขอบเขตพลังลมปราณอยู่ดี

 

ระบบอัจฉริยะได้ปักตำแหน่งในการติดต่อในครั้งนี้ที่บาร์แห่งหนึ่งในเมืองหยู่เทียนชวน จังหวัดซือกู เฉินหลงถึงกับอึ้งในทันทีที่เขาไปถึงบาร์ที่มีชื่อว่าบ้านเผิงไหล

เฉินหลงนึกว่าภายในบาร์แห่งนี้น่าจะเหมือนกับในหนังสักเรื่องที่มีพวกทหารรับจ้างกำลังนั่งดื่มกันอยู่ แต่สิ่งที่เฉินหลงได้เห็นกับตานี่มันเหนือความคาดหมายของเขาไปไกลแสนไกล

เพราะในตอนที่เขาได้เห็นคนสวมชุดเมด***ยืนอยู่หน้าประตูร้าน เฉินหลงนึกถึง ‘เมดคาเฟ่****’ ขึ้นมาทันที

 

 

 

 

* 斤 (jīn, จิน) 1 จิน เท่ากับ ครึ่งกิโลกรัม หรือ 500 กรัม มักเรียกจินว่า ชั่ง

 

 

**はい (ไฮ้)  = ค่ะ/ครับ

***ชุดเมด คือชุดสาวใช้น่ารักๆ

 

 

****เมดคาเฟ่ คือคอนเซ็ปท์คาเฟ่มีสาวๆ ใส่ชุดสาวใช้สไตล์ยุโรปสุดน่ารักคอยให้บริการลูกค้า