ตอนที่ 314 ต้าจี้ซือ

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลันรับฟังอย่างละเอียด มิน่าเล่าคืนนี้ตอนที่จวิ้นอ๋องได้เจอยมราชฉู่เจียงถึงมีความเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรง

 

 

“ไอหยินในร่างของเจ้าคล้ายคลึงกับของเขามาก หากไม่อาจสลายออกไป ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องพบเจอเข้าแน่” เจียงชวี่ปิ้งมองดูนางอีกครั้ง “คุณหนูน้อยของจวนจวิ้นอ๋องในวันนี้ ก็อาจจะเป็นเจ้าในวันหน้า”

 

 

ตู๋กูซิงหลันไร้คำพูด เจียงชวี่ปิ้งอุตส่าห์เปิดเผยออกมาถึงเพียงนี้ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว”

 

 

ชือหลีที่รับฟังอยู่อีกด้านหนึ่งตอนนี้ในสมองของนางมีแต่เรื่องการดูดซับไอหยาง

 

 

เรื่องการตามหาบุรุษนี้ไม่ยาก คนในเมืองกู่เย่วก็มีไม่น้อย คิดจะจับบุรุษมาสักคนไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรเลย

 

 

หลังจากเจียงชวี่ปิ้งจากไปแล้ว เพียงครู่เดียว นางก็ไปคว้าเอาบุรุษมาผู้หนึ่ง

 

 

เป็นไอ้หนุ่มน้อยโอหังที่อยู่ในจวนจวิ้นอ๋องผู้นั้น

 

 

“ไอ้หนุ่มนี้รูปร่างแข็งแรง ให้เจ้าดูดพลังไปสักหน่อย อย่างมากก็แค่หลับไปสิบวันครึ่งเดือน เจ้าลงมือเถอะ” คนถูกชือหลีจัดการจนสลบไสลไปแล้ว ถึงขนาดนอนแผ่สองสลึงอยู่ตรงหน้าตู๋กูซิงหลัน

 

 

หนุ่มน้อยผู้นี้หลับไหลจนใบหน้าเคลิบเคลิ้ม สองมือก่ายกอดหัวไหลตนเองเอาไว้ “คุณหนูน้อย ผู้น้อยชมชอบท่านมากจริงๆ …”

 

 

สลบไปแล้วยังจะละเมอเพ้อพกความฝันออกมาอีก

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูจนปวดฟัน นางเงยหน้าขึ้นมามองดูชือหลี ถามนางว่า “ตกลงเจ้ารู้หรือไม่ ว่าการดูดซับไอหยางที่จริงแล้วหมายความว่าอะไร?”

 

 

ตีให้ตายตู๋กูซิงหลันก็ไม่อยากจะเชื่อว่านางจะใสซื่อได้ขนาดนั้น ท่าทางวางตัวเป็นพี่สาวของชือหลีดูอย่างไรก็สมควรเป็นผู้ชำนาญการ ไก่แก่แม่ปลาช่อน

 

 

นางกำหมัดขึ้นมา สีหน้ายับย่น สุดท้านก็ตัดสินใจเปิดกะโหลกให้อีกฝ่าย

 

 

นางกระแอมเสียงครั้งหนึ่ง กล่าวตามตรงอย่างไม่ห่วงหน้าตาว่า “คือกิจกรรมระหว่างสามีภรรยา เข้าใจไหม?”

 

 

ชือหลี “…..”

 

 

“เจียงชวี่ปิ้งไอ้คนไร้ยางอาย ทำไมถึงได้มาสั่งสอนให้เด็กสาวทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้!” ชือหลีถึงกับระเบิดลง มือหนึ่งก็คว้าหนุ่มน้อยดวงตกผู้นั้น โยนกลับเข้าไปในจวนจวิ้นอ๋อง

 

 

หลังจากนั้นนางก็กลับมาไตร่ตรองถึงปัญหาสำคัญ …..คนที่คู่ควรจะกระทำเรื่องอย่างว่ากับ ‘ร่างเนื้อ’ ของตู๋กูซิงหลันก็ใช่ว่าจะไม่มี?

 

 

ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวัน ชือหลีก็รู้สึกว่าใต้หล้านี้มีอยู่เพียงผู้เดียว

 

 

“หรือไม่ก็ เจ้าลองทบทวนถึงโอรสสวรรค์ต้าโจวดูหน่อยเป็นไร?” ยามที่ชือหลีกลับมาที่ข้างกายตู๋กูซิงหลันอีกครั้ง ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว

 

 

ตู๋กูซิงหลันกำลังหลับไหลสะลึมสะลือ กลับถูกประโยคนี้ของนางทำเอาสะดุ้งตื่นขึ้นมา

 

 

“เขาชอบเจ้าจะตายไป ให้เจ้าดูดซับไอหยางเสียหน่อยต้องเต็มใจอย่างยิ่งแน่นอน?” ชือหลีนั่งลงที่ข้างกายนาง “เมื่อชอบใครสักคน ย่อมสามารถสละได้ทุกสิ่งเพื่อคนๆ นั้น ข้าว่านะ เขาจะต้องยินดีมากแน่ๆ”

 

 

ตู๋กูซิงหลันปวดฟันอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ไร้ยางอายถึงขนาดจะไปดูดซับไอหยางของลูกชายตนเองได้

 

 

อย่าว่าแต่….ในร่างของเขามีแต่ไอหยินเอ่อล้น มีไอหยางที่ไหนกัน

 

 

นางส่ายศีรษะ ปิดการสนทนากับชือหลี “เรื่องนี้ต่อไปอย่าได้พูดถึงอีกเลย”

 

 

หากจะสลายไอหยินภายในร่าง สมควรมีวิธีอื่นๆ อีก

 

 

………………

 

 

ภายในจวนจวิ้นอ๋อง เหลียงเซิงเซิงหลับไหลไปสามวันสามคืนเต็มแล้ว

 

 

เหลียงจวิ้นอ๋องทั้งปวดใจทั้งหงุดหงิด ทำเอาเขาถึงกับส่งกองทัพออกไปตามล่า ‘จอมปีศาจ’ ชุดแดงตนนั้น

 

 

อีกด้านหนึ่ง บนภูเขาฝูซางซาน

 

 

บนยอดเขาสูง ภายใต้พระจันทร์เต็มดวงสีเลือด ในมือของฉู่เจียงกำลังถือศีรษะมนุษย์เล่นอยู่

 

 

เขาเอนร่างพิงอยู่บนต้นสนใหญ้ต้นหนึ่ง แสงจันทร์ทอทาบลงมา ตกลงบนร่างของเขา

 

 

ริมหูได้ยินเสียงสายลมหวีดหวิว เสียงวิญญาณคร่ำครวญและเสียงหมาป่าเห่าหอนปะปนกัน ในซุ่มเสียงที่ปนเปอยู่นี้เอง พลันมีเสียงขลุ่ยลอยออกมา

 

 

ฉู่เจียงขมวดคิ้วน้อยๆ พลางหันกลับไปดู ก็เห็นเงาดำร่างหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้

 

 

คนผู้นั้นมีแต่หมอกดำรายล้อมอยู่ทั่วร่าง กระทั่งแสงจันทร์ยังไม่อาจส่องลงผ่านเข้าไป

 

 

เสียงขลุ่ยเคลียคลออยู่ครู่หนึ่ง เสียงวิญญาณคร่ำครวญและหมาป่าเห่าหอนก็เงียบหายไป

 

 

“จากกันเนิ่นนานหลายปี ยมราชฉู่เจียงยังคงมีสง่าราศีเช่นเดิม” เขากล่าวเบาๆ ประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ

 

 

ฉู่เจียงกวาดตามองเขาช้าๆ “อย่าได้มากล่าววาจามากมารยาทกับข้า ผ่านมาตั้งนานหลายปีแล้ว เจ้ากลับมาคืนถิ่นฐาน มีจุดประสงค์อันใด?”

 

 

คนผู้นั้นหัวเราะน้อยๆ “คนล้วนจากไปหมดแล้ว กลับมาเยี่ยมเยือนเท่านั้น”

 

 

พูดแล้ว เขาก็พลิกตัวขึ้นมาบนต้นสน ยืนอยู่ข้างกายฉู่เจียงพลางมองลงไป

 

 

เมื่อมองจากบนภูเขาฝูซางลงไปเบื้องล่าง เห็นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสีแดงระเรื่อ วิญญาณแค้นมากมายนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ในภูเขา โดยเฉพาะด้านในที่อยู่ลึกลงไปนั้น ยิ่งสามารถได้ยินเสียงโหยหวนดังออกมาตลอดเวลา

 

 

ราวกับว่าแต่ละฉากแต่ละตอนในเหตุการณ์นั้นกำลังแสดงอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

 

 

ฉู่เจียงเดาะศีรษะมนุษย์บนมือ มุมปากขยับยก สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย “วิญญาณแค้นเหล่านี้แต่เดิมล้วนเป็นพสกนิกรของเจ้า ตอนนี้กลับต้องมามองดูพวกเขาร่ำไห้ แต่เจ้ากลับไม่มีปฏิกริยาใดๆ ดียิ่งนัก ผ่านมานานหลายปีในที่สุดก็ละทิ้งได้แล้วสินะ”

 

 

พอถูกเขาทักขึ้นมาเช่นนี้ หมอกดำทำที่อยู่บนร่างของคนผู้นั้นก็สั่นสะท้านขึ้นมา

 

 

“เรื่องผ่านไปนานแล้ว แคว้นกู่เย่วล่มสลายไปเนิ่นนานแล้ว” น้ำเสียงของเขายิ่งแหบพร่าลงไปกว่าเดิม

 

 

“ที่มาคราวนี้ เพื่อจะมาบอกเจ้า โอรสสวรรค์แคว้นโจวมาแล้ว” พลางโยนหยกสีดำขนาดเท่าเล็บมือให้กับเขา

 

 

“หยกสรรพชีวิต?” ฉู่เจียงหรี่ตา “เจ้ามอบของชิ้นนี้ให้ข้าทำไม?”

 

 

“เจ้าถูกกักอยู่ในเขาฝูซาง ติดอยู่ในกู่เย่วมาตั้งนานหลายปี หลายปีนี้ก็ดูดซับเอาไอหยินและวิญญาณแค้นในภูเขาฝูซางซานไปมากมายอย่างฮึกเหิม ก็มิใช่เพื่อจะได้ไปจากที่นี่ในสักวันหนึ่งหรอกรึ?” คนผู้นั้นหัวเราะเสียงเบา “ไอหยินในร่างของโอรสสวรรค์แคว้นโจวผู้นั้น มีมากพอจะให้เจ้าดูดซับ ทั้งยังเกินพอที่จะให้เจ้าทำลายการกักขังกลับมามีอิสระ ข้าคิดว่า เจ้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ”

 

 

ฉู่เจียงมิได้หวั่นไหว เพียงแต่ขยับมุมปากยิ้มเย็นออกมา “เจ้าเกลียดชังแคว้นต้าโจว จึงคิดจะใช้เราเป็นดาบหรืออย่างไร?”

 

 

“ต้าจี้ซือ เจ้าวางหมากได้ดีเกินไปแล้ว น่าเสียดาย…ข้าไม่ใช่ตัวหมากที่เจ้าจะสามารถใช้สอยหรือควบคุมได้”

 

 

พูดแล้ว ฉู่เจียงก็กวาดตาเหลือบมองดูหยกสรรพชีวิตในมือของเขาครั้งหนึ่ง “ของชิ้นนี้สำหรับผู้อื่นแล้วอาจจะเป็นสมบัติล้ำค่า แต่สำหรับข้าแล้ว ก็เป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้น”

 

 

“ยมราชฉู่เจียงย่อมไม่เหมือนผู้อื่นทั่วๆ ไป” คนชุดดำหัวเราะเสียงเบา แต่เขาก็มิได้รับเศษหยกคืนมา

 

 

“ไม่ทราบว่าแม่นางน้อยที่ชื่อเหลียงเซิงเซิงนั่น ในใจของฉู่เจียงท่าน ถือเป็นสมบัติล้ำค่าหรือไม่?”

 

 

แค่ประโยคเดียวก็ทำให้ดวงตาของฉู่เจียงเปลี่ยนเป็นอึมครึมได้สำเร็จ

 

 

“อย่าได้ตื่นเต้นไป ข้าเพียงแต่คิดจะแจ้งแก่ท่านสักคำเท่านั้น แม่นางน้อยที่เป็นยอดดวงใจของท่าน ได้กลายเป็นพระสนมกุ้ยเฟยแห่งต้าโจวแต่แรกแล้ว ท่านสิบปีจึงจะออกจากภูเขาสักครั้ง ย่อมต้องไม่ทราบเรื่อง”

 

 

“กุ้ยเฟย?” ดวงหน้าของฉู่เจียงอึมครึมลง ศีรษะมนุษย์ในมือถูกเขาบีบจนทะลุเป็นสองรูกว้าง

 

 

“ดูท่าแล้วคงจะไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ สินะ” คนผู้นั้นหัวเราะเสียงเย็นชา “ก็ไม่อาจโทษแม่นางน้อยผู้นั้นได้เช่นกัน ฮ่องเต้แคว้นโจวพอขึ้นครองราชย์ก็บีบบังคับแต่งตั้งนางเป็นกุ้ยเฟย มิใช่ว่าแม่นางน้อยผู้นั้นจะเต็มใจด้วยสักหน่อย”

 

 

พอเขาพูดจบ ศีรษะมนุษย์ที่ฉู่เจียงถือเอาไว้ในมือก็กลายเป็นแหลกเหลวไปแล้ว

 

 

เขาหันหน้าไปมองดูคนผู้นั้น ดวงตาลูกแก้วสีมรกตทอประกายเย็นยะเยือกออกมา “ต้าจี้ซือการยุแหย่จะใช้กับข้าได้ผลหรือ? เด็กน้อยในจวนจวิ้นอ๋องนั่น ก็เป็นแค่เหยื่อของข้าเท่านั้น เจ้าคิดว่าเพื่อนางแล้ว ข้าจะไปจัดการกับโอรสสวรรค์แคว้นโจวให้เจ้ารึ?”

 

 

คนผู้นั้นยักไหล่ สะบัดสองมืออกไป “ฉู่เจียงท่านยกย่องข้าเกินไปแล้ว ข้าก็เพียงแต่มาบอกความจริงกับท่านเท่านั้น ใช่แผนยุยงอะไรที่ใดกัน”

 

 

 

 

——

 

 

* 大祭司 (ต้าจี้ซือ) : ต้าจี้ซือ, มหาสมณะ , หัวหน้าพราหมณ์ผู้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของเจ้าแคว้น, นักบวชชั้นสูง

 

 

——

 

 

ไรท์: อืม ไม่ยุเลย เรียกว่าจุดไฟสาดน้ำมันดีกว่า

 

 

ถ้าหากเป็นแบบนี้ตอนหน้าพวกเขาก็ต้อง……

 

 

ตอนต่อไป “ความรักที่ต้องเก็บงำเอาไว้”