บทที่ 95 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 95 ความลำบากใจ (2)
สองแขนของลั่วจื่อหานกอดแน่น “ไม่มีได้ยังไง เป่ยซี ฉันจะพาเธอกลับบ้าน กลับบ้านของเธอดีหรือเปล่า?”
“ตอนนี้ฉันไม่มีแล้ว พวกเขาไม่ต้องการฉันแล้ว ไม่คิดที่จะต้องการฉันแล้ว เป็นความผิดของฉัน ฉันทำให้บ้านของตัวเองพัง ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว” ลั่วจื่อหานอุ้มเธอขึ้นมา ปลอบใจอย่างอ่อนโยน
“เป่ยซี เธอเองมีบ้านนะ บ้านของเธออยู่ทางนั้น เธอลืมแล้วเหรอ?”
อี้เป่ยซีอึ้งไป จากนั้นก็ร้องไห้อีกครั้ง “ฉันไม่มี ฉันไม่มี ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีพี่น้อง ฉันไม่มีบ้าน ไม่มีบ้านแล้ว”
“เป่ยซี” ลั่วจื่อหานประกบริมฝีปากลงบนเปลือกตาของเธอ จากนั้นก็ประกบบนหน้าผากที่สะอาดสะอ้านของเธอ “จริงๆ นะ พวกเรามีบ้าน พวกเราไปดูก่อนดีหรือเปล่า?”
เขาพาเธอไปนั่งที่เบาะด้านข้างคนขับ กำลังจะอ้อมไปอีกฝั่ง อี้เป่ยซีกลับยื่นมือคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยความไร้ทางสู้และความหวาดกลัว ลั่วจื่อหานลูบหัวของเธอเบาๆ
“ฉันจะไปนั่งที่เบาะนั้น จะไม่ไปไหน ฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน โอเคไหม” อี้เป่ยซีจึงผ่อนคลายลง ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ประตูอีกบาน รอจนกระทั่งลั่วจื่อหานนั่งที่เบาะคนขับ เธอจึงโล่งอก
ลั่วจื่อหานขับรถ รู้สึกได้ถึงสายตาของเธอ รู้สึกสับสนในใจ ปกติแล้วเธอควรจะมีความแจ่มใสเหมือนดวงอาทิตย์ สุกใสเหมือนดวงดารา ไม่ควรจะกลัวจนเลิกลั่กเช่นนี้ ไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้ารัก ไม่กล้าต่อสู้ ไม่กล้าส่องแสงในตัวเอง ราวกับนักโทษที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน เริ่มเฆี่ยนตีตัวเองด้วยหนาม
“เป่ยซี พวกเราถึงแล้ว” อี้เป่ยซีมองดูอะพาร์ตเม้นต์ที่ตัวเองเช่า กรอกตาไปมา
“ขอบคุณ” เธอพูดเสียงเบา หันไปต้องการจะเปิดประตูรถ ลั่วจื่อหานยื่นมือดึงเธอไว้
“เป่ยซี” มือของเขาปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากของอี้เป่ยซี ทันใดนั้นก็กอดเธอแน่น “รู้สึกได้ไหม เธอกลับบ้านแล้ว เป่ยซี”
ราวกับคนที่กำลังจมน้ำคว้าขอนไม้เอาไว้ อี้เป่ยซีก็โอบเอวเขากลับ ซบอยู่บนไหล่ของเขาไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองคนกอดกันอย่างนี้ตลอดทั้งคืน เหมือนกับเด็กน้อยเร่รอนที่กอดเพื่อให้ความอบอุ่นแก่กันและกัน ลั่วจื่อหานลืมตา พระอาทิตย์ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว อี้เป่ยซียังคงขดตัวอยู่ ศีรษะหนุนตักของเขา เขายกมือขึ้น ปัดผมที่ปิดหน้าของเธอไปอีกข้างอย่างเบามือ มองดูใบหน้าของเธอที่หลับใหล มือหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของเธอ
น่าจะฝันร้าย อี้เป่ยซีพูดพึมพำเล็กน้อย เธอโค้งตัวไปข้างหน้าด้วยความอึดอัด ราวกับว่าชนอะไรบางอย่างเข้า อดไม่ได้ยื่นมือออกไปผลัก ถูกคนคว้าตัวไว้ เสียงหายใจหนักหน่วงในรถยิ่งหดหู่ขึ้นเรื่อยๆ
“อือ” อี้เป่ยซีดิ้นไม่หลุด จึงลืมตาขึ้นช้าๆ วินาทีต่อมาเกือบจะลื่นไหลออกไปจากตักของลั่วจื่อหานแล้ว ลั่วจื่อหานรีบคว้าตัวเธอ ประคองเธอขึ้นมา ใบหน้าแดงระเรื่ออย่างไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนกับใบหน้าของอี้เป่ยซี
“คือว่า ฉัน…เอ่อ…ไม่ได้ หา…” ต้องพูดยังไง? อี้เป่ยซีหน้าแดงก่ำ เมื่อครู่เธอยังยื่นมือออกไปสัมผัสเขาไม่ใช่เหรอ สองมือประสานอยู่ด้วยกัน อี้เป่ยซีแทบจะรอไม่ไหวที่จะสลัดมันทิ้ง แต่ว่าในสายตาของคนอื่นกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
ลั่วจื่อหานมองมือของเธอที่วางไว้ด้วยกัน เปลวไฟในดวงตาลุกขึ้นทันใด เขากระแอม “พวกเราไปอาบน้ำกันก่อนเถอะ”
“หา อ่อ ได้ๆๆ” อี้เป่ยซีออกไปจากรถอย่างรวดเร็ว รีบเปิดประตู ลั่วจื่อก็เดินตามเธอเข้าไปด้วย ทั้งสองคนไปเตรียมตัวกันคนละห้อง
น้ำเย็นในฤดูร้อนก็มีผลในตัวเองเช่นกัน ผ่านไปเนิ่นนาน ลั่วจื่อหานจึงเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ มีความเหนื่อยล้าเล็กน้อย เปิดประตูเดินเข้าห้องของอี้เป่ยซีโดยไม่รู้ตัว หยิบกล่องเสื้อผ้าใบเล็กออกมา จู่ๆ ลั่วจื่อหานก็เกลียดจิตใต้สำนึกของตัวเองมาก เพิ่งจะหันหลังกลับมาก็เห็นอี้เป่ยซีในผ้าขนหนู
ผมที่ดำสนิทปล่อยอยู่ข้างแก้มทั้งสองข้าง ยิ่งทำให้ผิวขาวเด่นชัดมากขึ้น ใบหน้าเนื่องจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จจึงเป็นสีชมพูระเรื่อ เหมือนผลลูกพีชที่มีน้ำค้างเกาะ ไหล่เปลือยเปล่าเผยอยู่ในอากาศ กระดูกไหปลาร้าที่สวยงามนั้นยังปรากฏอยู่ในสายตาอย่างโจ่งแจ้ง ดูเหมือนว่ายังมีน้ำจำนวนหนึ่งหยดไหลลงสู่ผิวที่บอบบาง ไหลผ่านร่างกายทุกส่วนของเธอ
พอเห็นลั่วจื่อหานอี้เป่ยซีก็ประหลาดใจเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงฉากในรถเมื่อครู่อีกครั้ง รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว แสร้งทำเป็นไม่ได้มองเขา “คือว่า ฉัน”
เธอยังลังเลอยู่ว่าจะพูดอะไร แต่ลั่วจื่นหานกลับออกไปทันที อี้เป่ยซีมองประตูที่ปิดลงด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก เห็นเสื้อผ้าบนเตียงที่ตัวเองวางกระจัดกระจาย เหมือนว่าหน้าจะร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
ลั่วจื่อหาน นาย นายมันขี้โกง อี้เป่ยซีแอบด่าในใจ ถอนหายใจและเริ่มแต่งตัว ลั่วจื่อหานมองดูเลือดบนนิ้ว ในรอยยิ้มเจือปนความเหนื่อยหน่าย เป่ยซี เมื่อไรเธอถึงจะเข้าใจ
อี้เป่ยซียืดยาดในห้องตัวเองนานมากกว่าจะเปิดประตูห้องนอน ได้ยินเสียงทำกับข้าวดังมาจากห้องครัวด้านล่าง ทันใดนั้นก็รู้สึกอบอุ่นในใจ เธอเดินลงไป เดิมทีอยากจะช่วย หลังจากเห็นลั่วจื่อหานแล้วก็ค่อยๆ ถอยกลับไป
อย่ามัวแต่หน้าแดงเวลาเจอเขาได้ไหมนะ ไม่ใช่ว่า…เธอไม่ได้โดนมันไม่ใช่เหรอ
“ลั่วจื่อหาน นายมันขี้โกง” เธอด่าเสียงต่ำ สังเกตการเคลื่อนไหวของเขาด้วยความระมัดระวังมาก จนกระทั่งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว จึงนั่งลงอย่างสบายใจ คว้าน้ำบนโต๊ะขึ้นมาจิบ
“แค่กๆๆ…” ได้ยินเสียงไอของอี้เป่ยซี ลั่วจื่อหานรีบออกมา
“เป็นอะไรไป?” ยื่นมือออกมาเช็ดหยดน้ำที่มุมปากอี้เป่ยซี การสัมผัสทำให้ทั้งสองคนตัวแข็งทื่อ ทั้งสองคนต่างรู้สึกได้ถึงความอ่อนไหวของอีกฝ่าย
ลั่วจื่อหานยังคงตอบสนองเร็วที่สุด เขาเดินเจ้าห้องครัวไปโดยไม่ได้พูดอะไร ยกกับข้าวที่ทำเสร็จแล้วออกมา อี้เป่ยซีได้กลิ่นหอม ดึงสติกลับมา สบสายตากับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีกแล้ว
พระเจ้า ช่วงนี้เป็นอะไรไป ทำไมเรื่องที่เกิดขึ้นถึงได้แปลกประหลาดอย่างนี้
อี้เป่ยซีรีบก้มหน้า กินข้าวอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ในหัวกลับคิดโน่นคิดนี่ไม่หยุด แม้จะไม่มีใครบอกเธอว่านี่มันคืออะไร แต่ว่าการท่องโลกอินเทอร์เน็ตนานขนาดนั้น สิ่งที่ควรรู้ก็รู้แล้ว เธอกัดตะเกียบ ในใจสับสนเล็กน้อย
“กำลังคิดอะไรอยู่?”
ราวกับว่าถูกมองทะลุในใจ อี้เป่ยซีเงยหน้าขึ้นทันที สบสายตาที่ยิ้มหยอกคู่นั้น เบ้ปาก “กำลังคิดเรื่องที่ตัวเองทำกับข้าว”
“โกหก ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอกำลังคิดถึงฉัน”
เรื่องนี้นายก็รู้สึกได้ด้วยเหรอ อี้เป่ยซีคีบผักเพิ่มลงไปในถ้วยของเขา “กินเถอะ กินเถอะ”
ลั่วจื่อหานขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังคีบผักเข้าปาก คนตรงข้ามจึงโล่งอก กินข้าวด้วยอารมณ์เลื่อนลอยต่อไป
อี้เป่ยซีวางตะเกียบลงแล้ววิ่งพรวดออกมาสถานที่อันตรายแห่งนี้ หนีกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง หัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งค่อยๆ สงบลง หลังจากเมื่อคืน การปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็แปลกประหลาดมาก รู้สึกว่าเมื่ออยู่ข้างๆ เขา อากาศก็เบาบางลงไปมาก มันเต็มไปด้วยกลิ่นไอของเขา เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
เธอกุมหน้าอก รู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจ ราวกับกำลังจะหลุดออกมาข้างนอก
เธอเป็นอะไรไป?
————