ในโรงแรม ผีหิวโหยนั้นได้เปรียบอย่างเถียงไม่ได้– นั่นทำให้เธอมั่นใจพอที่จะโจมตีวิญญาณสีเลือดทั้งหมดในโรงแรมของเธอพร้อมกัน แต่ว่า เธอประมาทพลังของรองเท้าส้นสูงสีแดงและหญิงไร้หัวไปมาก เมื่อชีวิตของพวกเธอถูกคุกคาม วิญญาณสีเลือดทั้งสองก็เผยความแข็งแกร่งอันประเมินมิได้ออกมา
ด้วยความสามารถในการตัดด้วยเลือดของตน หญิงไร้หัวจึงไม่ได้ไร้การป้องกันเสียทีเดียวถึงแม้ว่าอันที่จริงแล้วเธอจะตกเป็นฝ่ายตั้งรับ เมื่อเลือดของเธอพุ่งผ่านไป เนื้อก็ถูกกรีดเปิด และเลือดก็กระจายออกมา จากทิศทางที่เธอขยับไปนั้น เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะไปรวมตัวกับรองเท้าส้นสูงสีแดง
ศัตรูของศัตรูคือมิตร
หญิงไร้หัวนั้นยินดีจะไปร่วมมือกับรองเท้าส้นสูงสีแดงและเด็กชาย แต่ว่า มันก็ไม่ชัดเจนนักว่าเธอพยายามจะเฉลี่ยความเกรี้ยวกราดของผีหิวโหยกับพวกเขาหรือว่าต้องการร่วมมือกับพวกเขาเอาชนะปิศาจนั่น
กรงที่สร้างขึ้นจากลิ้นและหลอดเลือดค่อย ๆ หดแคบเข้า และพื้นที่ที่วิญญาณสีเลือดทั้งสามมีอยู่นั้นก็เล็กลงเรื่อย ๆ เดิมที ลิ้นและหลอดเลือดนั้นไม่ได้โจมตีรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่นั้นตรง ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลอดเลือดนักต่อนักก็หันไปสนใจรองเท้าส้นสูงคู่นั้น พวกมันดูเหมือนกำลังจะกลืนกินรองเท้าคู่นั้นที่ติดคำสาปและโชคร้ายลงไป
หลอดเลือดหนาพุ่งออกมาจากทุกทิศทางเหมือนงูพิษฝูงหนึ่ง ในตอนนี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงหัวเราะของผู้หญิงดังก้องในห้องโถง เสียงหัวเราะนั้นชัดเจนและสดใส มันยังเย้ายวนและไพเราะน่าฟังราวกับจะวาดความงามของเจ้าของเสียงนั้นออกมาได้จากแค่ฟังเท่านั้น
“เสียงหัวเราะดูเหมือนจะมาจากรองเท้าส้นสูงสีแดง” ในเสียงหัวเราะยังเหมือนจะมีเวทมนต์อะไรสักอย่างแฝงอยู่ มันมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของผู้ฟัง หลังจากเสียงหัวเราะผ่านเข้าหูเฉินเกอ เลือดในกายของเขาก็เริ่มไหลเวียนเร็วขึ้น ผื่นเลือดสีแดงปรากฏขึ้นบนผิวของเขาราวกับเส้นเลือดบางส่วนของเขาแตกออกจากการที่จู่ ๆ เลือดก็ไหลเวียนเร็วขึ้น
เทียบกับเสียงคำรามของปิศาจหิวโหยแล้ว เสียงหัวเราะจากรองเท้าส้นสูงสีแดงดูเหมือนจะตรงข้ามกันอย่างสุดขั้ว
“หิว หิว… หิว!” ปิศาจหิวโหยเห็นได้ชัดเจนว่าได้ยินเสียงหัวเราะนั่นเช่นกัน บางทีมันอาจจะอิจฉาหรืออาจจะเป็นเหตุผลอื่น แต่ว่าเฉินเกอรู้สึกได้ถึงความโกรธที่แผ่ออกมาจากตัวปิศาจนั่น
“ทำไมมันถึงเหมือนกับรองเท้าส้นสูงสีแดงนั้นกำลังเยาะเย้ยปิศาจหิวโหยอยู่เล่า? นี่เป็นการท้าทายแบบหนึ่งหรือเปล่า?” เสียงหัวเราะสดใสก้องอยู่ในห้องโถงและมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากน้ำเสียงหวานใสไปเป็นเสียงกรีดร้องบ้าคลั่งอย่างช้า ๆ ในตอนท้าย หญิงร่างสูงคนหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นเหนือรองเท้าส้นสุงสีแดง
เธอค่อนข้างผอมและยังสูงกว่าเฉินเกอ ทุกตารางนิ้วบนร่างของเธอนั้นมีผ้าพันแผลชุ่มเลือดพันเอาไว้ ไม่มีผิวหนังส่วนใดเผยให้เห็น แต่ว่าความสง่างามของเธอนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ เธอน่าจะเป็นสาวงามคนหนึ่งตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่า จากวิธีการที่เธอปรากฏตัวขึ้นตอนนี้ มันดูคล้ายกับเธอผ่านการปลูกถ่ายผิวหนังทั้งตัวก่อนที่จะตาย
เท้าที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ยื่นไปที่รองเท้าส้นสูง เท้าคู่นั้นสอดเข้าไปในรองเท้า และเลือดก็ซึมออกมาจากรอยต่อของผ้าพันแผล มันกลายเป็นว่าบาดแผลบนร่างของเธอนั้นยังไม่หายดี
“นี่คือความบ้าคลั่งอย่างแท้จริง” เฉินเกอไม่กล้าคิดภาพเลยว่าภายใต้ผ้าพันแผลเหล่านั้นผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด “ถ้าฉันรู้อย่างนี้ ฉันจะไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเธอบนรถเมล์เลย”
หลอดเลือดและลิ้นพุ่งเข้าใส่รองเท้าส้นสูงสีแดง ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ที่เดิม ไม่แสดงท่าทีว่าจะขยับตัว ตอนที่หลอดเลือดเข้ามาใกล้ เธอก็ยกสองมือขึ้น ผ้าพันแผลที่พันกระชับรอบตัวเธอเผยให้เห็นสัดส่วนอันสมบูรณ์ แต่ไม่มี ‘ใคร’ ที่จะมีอารมณ์มาชื่นชมรูปร่างของเธอ เลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผล และเสียงหัวเราะบ้าคลั่งก็ดังออกมาจากริมฝีปากของเธอ ความเจ็บปวดที่ถักทอเป็นความบ้าคลั่ง และเธอก็ฉีกกระชากลิ้นและหลอดเลือดทั้งหมดขาดลงอย่างง่ายดาย จากนั้นเธอก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“เธอกำลังจะลงมือเองแล้ว?” เฉินเกอไม่เข้าใจว่ารองเท้าส้นสูงสีแดงกำลังจะทำอะไร ถึงแม้ว่าเธอจะดูมีพลัง แต่เธอก็ยังอ่อนแอกว่าปิศาจหิวโหยในด้านความแข็งแกร่ง “หรือว่านี่จะเป็นเพราะเธอมีความสามารถพิเศษที่ร้ายกาจมาก?”
วิญญาณสีเลือดทุกคนนั้นมีพลังพิเศษที่แตกต่างกันไปขึ้นกับความทรงจำสุดท้ายในชั่ววินาทีก่อนตาย ตัวอย่างเช่น หญิงไร้หัวนั้นบังคับเลือดตัดผ่านสิ่งต่าง ๆ ได้ ซู่อินนั้นตรงกันข้าม ยิ่งทรงพลังมากขึ้นเมื่อบาดแผลบนร่างเพิ่มขึ้น ซยงฉิง ที่ป่วยด้วยภาวะละเลยกึ่งปริภูมินั้นมีร่างกายซีกหนึ่งสร้างขึ้นจากหลอดเลือด และเขาก็สามารถเปลี่ยนมันไปอยู่ในรูปใด ๆ ที่เขาต้องการได้
ด้วยรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว เฉินเกอนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าพลังพิเศษของรองเท้าส้นสูงสีแดงคืออะไร แต่ในเมื่อพวกเขานั้นโดยทางเทคนิคแล้วอยู่บนเรือลำเดียวกัน ยิ่งรองเท้าส้นสูงสีแดงมีพลังแค่ไหน ก็ยิ่งเป็นข้อได้เปรียบที่เฉินเกอสามารถฉกฉวยได้
ถูกกักอยู่ในกรงที่ทำจากหลอดเลือดและลิ้นที่แลบเลื้อย หญิงไร้หัวและเด็กชายจึงไม่สามารถหนีออกไปได้ถึงอยากจะหนีก็ตาม ด้วยพลังของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถสู้กับปิศาจหิวโหยได้ ดังนั้นทางเลือกเดียวของพวกเขาก็ปกป้องด้านหลังให้รองเท้าส้นสูงสีแดง เมื่อมีหญิงไร้หัวและเด็กชายช่วยรับมือกับการโจมตีจากด้านหลัง ความกดดันของรองเท้าส้นสูงสีแดงก็ลดลง เธอฉีกทึ้งหลอดเลือดและลิ้นขณะคืบหน้าไปเรื่อย ๆ
“เธอกำลังวางแผนจะทำอะไร?” ภาพตรงหน้าเขานั้นสามารถอธิบายได้ว่าแดงเถือกไปทุกหย่อมหญ้า ขณะที่รองเท้าส้นสูงที่ดูเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับศัตรูนั้นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
มีหลอดเลือดมากมายที่ทะลวงผ่านการป้องกันของรองเท้าส้นสูงสีแดงเข้าไปได้ แต่น่าแปลก เฉินเกอพบว่าถึงหลอดเลือดจะกระทบถูกร่างของรองเท้าส้นสูงสีแดง มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทิ้งร่องรอยทำร้ายรุนแรงเอาไว้
มันเหมือนกับว่าผ้าพันแผลนั้นไม่ได้พันอยู่รอบร่างกาย แต่เป็นน้ำเลือดกองหนึ่ง ภายใต้การควบคุมของรองเท้าส้นสูงสีแดง เมื่อหลอดเลือดโจมตีร่างของเธอ เธอก็จะขยับโครงสร้างร่างกายของเธอเพื่อลดความเสียหายที่ได้รับให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด
การโจมตีของเธอนั้นไร้ผล ปิศาจหิวโหยจึงยิ่งกระวนกระวาย ปากบนร่างของเธอยื่นยาวออกมาเหมือนพยายามจะเอื้อมไปหารองเท้าส้นสูงสีแดงและฉีกทึ้งเธอด้วยฟันมากมาย ปิศาจหิวโหยนั้นปกติจะจำศีลอยู่ในโรงแรมในเมืองหลี่ว่านนี้ และเพราะขนาดของเธอ เธอจึงเคลื่อนที่ได้ช้ามาก วิญญาณสีเลือดตนอื่น ๆ รู้ว่าเธอนั้นไม่ควรตอแยด้วย ดังนั้นพวกเขาน้อยนักที่จะเข้ามาในอาณาเขตของเธอ นี่จึงหมายความว่าปิศาจหิวโหยไม่ค่อยจะมีโอกาสกลืนกินวิญญาณสีเลือดตนอื่น ๆ
เพราะตื่นเต้นกับอาหารอันหาได้ยาก ร่างกายของปิศาจหิวโหยจึงขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ เธอกลายไปเป็นภูเขาเนื้อกองหนึ่งและหลอดเลือดที่ยื่นยาวออกมาจากร่างของเธอก็เพิ่มมากขึ้น และพวกมันยังตั้งอกตั้งใจโจมตีใส่รองเท้าส้นสูงสีแดง จู่ ๆ เธอก็คลั่ง และเธอก็ควบคุมหลอดเลือดของเธอบังคับแยกรองเท้าส้นสูงสีแดงออกจากหญิงไร้หัวและเด็กชาย เธอใช้พลังสามในสี่ของตัวเองกับรองเท้าส้นสูงสีแดงขณะที่พลังอีกหนึ่งในสี่ที่เหลือนั้นโจมตีใส่หญิงไร้หัวและเด็กชาย
หญิงไร้หัวตัดหลอดเลือดขาดมากเท่าใด ก็มีลิ้นมาแทนที่พวกมันมากเท่านั้น นี่เป็นการต่อสู้อย่างไม่ยุติธรรม ถึงแม้ว่าเธอจะตัดและเฉือนหลอดเลือดจนมันระเบิดออก มันกลับไม่ก่อความเสียหายให้กับปิศาจหิวโหยเลย แต่ว่า เมื่อเธอถูกลิ้นหนึ่งจับตัวได้ เธอกลับเสียโอกาสที่จะสู้กลับ เธอถูกลากไปทางปิศาจหิวโหยและกำลังจะถูกส่งเข้าไปในท้องขนาดยักษ์ของมัน
“ปิศาจหิวโหยนี่ใช้พลังเพียงแค่หนึ่งในสี่ก็กีดกันหญิงไร้หัวออกไปจากการต่อสู้ได้ และยังดูไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกด้วย” ฝ่ามือของเฉินเกอลื่นไปด้วยเหงื่อ เขายังมองหาโอกาสอันดีอยู่
การคุกคามจากรองเท้าส้นสูงสีแดงนั้นรุนแรงกว่าหญิงไร้หัวมาก ถึงแม้ว่าเธอจะถูกล้อมเอาไว้ด้วยพลังส่วนใหญ่ของปิศาจหิวโหย รองเท้าส้นสูงสีแดงก็ยังสามารถลดระยะห่างระหว่างพวกเธอได้ช้า ๆ
เดิมที ปิศาจหิวโหยยังคงหวาดระแวงรองเท้าส้นสูงสีแดงอยู่บ้าง แต่ว่าตอนหลังมานี้ เธอน่าจะถูกความปรารถนาในอาหารนี้ทำให้ใจมืดบอด ดวงตาของเธอแดงก่ำ และเธอก็ทิ้งความหวาดระแวงก่อนหน้านี้ไป เธอกรีดร้องแล้วพุ่งเข้าหารองเท้าส้นสูงสีแดง ปากทั้งหมดบนร่างของเธออ้ากว้างราวกับเธอต้องการฉีกผู้หญิงตรงหน้าออกเป็นชิ้น ๆ แล้วยัดชิ้นส่วนเหล่านั้นเข้าไปในปากของเธอ
เสียงหัวเราะกังวานใสก้องขึ้นในห้องโถงโรงแรมอีกครั้ง เธอกางแขนออก ร่างกายอันสมบูรณ์แบบของเธอนั้นขัดกับร่างอันไม่น่าดูของปิศาจหิวโหย ผ้าพันแผลรอบตัวของฝ่ายแรกเริ่มหลุดออกตั้งแต่ศีรษะของเธอไล่ลงมา
“แกคิดว่าฉันสวยใช่ไหมล่ะ?” คำถามง่าย ๆ นี้ราวกับคำสาปอันน่ากลัวที่สุด สีแดงในดวงตาของปิศาจหิวโหยจางหายไปทันที ร่างใหญ่โตเซถอยหลังแต่มันก็สายไปแล้ว
ผ้าพันแผลหลุดออกจนหมด เลือดทุกหยดบนร่างของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังรุนแรง เลือดเหล่านั้นสาดใส่ร่างของปิศาจหิวโหย เลือดนั้นราวกับเปลวไฟลุกโชติช่วง ละอองโลหิตแทรกเข้าไป และทุกปากบนร่างของปิศาจหิวโหยก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวด
“เลือดทุกหยดนั้นคือคำสาป เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้ตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่กัน? เธอสั่งสมความเกลียดชังลึกล้ำเช่นนี้เอาไว้ได้อย่างไร?” เฉินเกอดีใจที่เขาไม่ได้ล่วงเกินเธอ บางที แค่เลือดของเธอเพียงหยดเดียวก็สามารถสาปคนคนหนึ่งได้ไปตลอดชีวิตแล้ว
ควันสีดำและแดงพวยพุ่งออกมาจากร่างของปิศาจหิวโหย ร่างใหญ่โตของเธอหดเล็กลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ เปลวเพลิงคำสาปยังลุกโพลง และพวกมันก็ทิ้งรอยแผลน่าเกลียดเอาไว้
“หิว! หิว!” ตอนที่ร่างกายหดเล็กลง ปิศาจหิวโหยก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งใส่รองเท้าส้นสูงสีแดง มันดูเหมือนว่าการกินจะเป็นหนทางเดียวในการลดความเจ็บปวดของมันได้ เธอไม่สนใจว่าสิ่งที่เธอเพิ่งเอาเข้าท้องไปนั้นคืออะไร ต่อให้มันเป็นคำสาป เธอก็จะกินมันลงไปในคำเดียว
หลอดเลือดหลุดออกจากผนังและก่อตัวเป็นกรงรอบรองเท้าส้นสูงสีแดง ปิศาจหิวโหยชะโงกร่างใหญ่โตของมันมาทางรองเท้าส้นสูงสีแดง ปากของเธอยังอ้ากว้างขณะพุ่งเข้าไปหาเงาร่างมนุษย์ที่ตอนแรกนั้นมีผ้าพันแผลหุ้มเอาไว้
ร่างกายของปิศาจหิวโหยนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อเพราะว่าเธอสามารถทนคำสาปได้ ต่อให้คำสาปจะแผดเผา เธอก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
“คำสาปของรองเท้าส้นสูงสีแดงนั้นโถมเข้าใส่ร่างของปิศาจหิวโหย มันต้องใช้เวลาก่อนที่ฝ่ายหนึ่งจะสามารถจัดการอีกฝ่ายได้” เฉินเกอจับตามองรอบตัวอย่างตั้งใจ เขาเป็นกังวลว่าเลือดของรองเท้าส้นสูงสีแดงจะบังเอิญกระจายมาโดนซู่อิน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สั่งให้ซู่อินเข้าไปร่วมวงด้วย
ปิศาจหิวโหยอ่อนแรงลง และหลอดเลือดบางส่วนก็เหี่ยวแห้งไป ผนังเริ่มลอกหลุดและของเหลวสีดำก็ซึมออกมา ควาดกดดันบนร่างหญิงไร้หัวลดลง เธอตัดสินใจละทิ้งรองเท้าส้นสูงสีเลือดอย่างไม่ลังเลและหนีในตอนที่ยังทำได้ เด็กชายที่สวมชุดผู้ป่วยที่ข้างกายเธอนั้นก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
วิญญาณทั้งสองร่วมแรงกันฉีกทึ้งผนังที่ก่อตัวจากหลอดเลือดส่วนที่อ่อนแอที่สุด ลิ้นและเส้นเลือดหลายชั้นถูกกระชากออก ปิศาจหิวโหยกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ความเจ็บปวดและความหิวอย่างควบคุมไม่ได้นั้นผสานรวมกัน ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนร่างของปิศาจหิวโหย
ร่างกายใหญ่โตเริ่มหดเล็กลง แขนขาที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยเลือดและเนื้อก็เริ่มปรากฏให้เห็น กลายเป็นว่าปิศาจตนนี้นั้นคลานอยู่บนพื้น แขนขาทั้งสี่นั้นมีโซ่สีดำพันธนาการเอาไว้ บางทีโซ่พวกนี้คงอยู่มานานแล้วจนบาดเข้าไปในเนื้อของเธอ และพวกเขาก็ถอดมันออกไม่ได้นอกเสียจากจะตัดแขนขาทิ้ง
“เดี๋ยวก่อนนะอันที่จริงปิศาจนี่ถูกกักขังเอาไว้ที่นี่เหรอ?” ปิศาจนั่นเงยหน้าขึ้นกู่ร้องขึ้นฟ้า โซ่ที่เชื่อมอยู่กับห้องลับในครัวนั้นถูกรั้งจนตึง เมื่อไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ความรู้สึกด้านลบต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นในใจของเธอ เธอบ้าคลั่งไปโดยสมบูรณ์แล้ว
ผิวหนังของเธอปริออก หลอดเลือดนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างของเธอ หลอดเลือดเส้นหนาบนผนังเองก็เปิดออกเป็นปาก คนทั่วไปคงนึกภาพเช่นนี้ที่ทุกแห่งหนล้วนแดงฉานไม่ออก และท่ามกลางสีแดง ยังมีปากจำนวนนับไม่ถ้วนอ้ากว้าง
“หิว! หิว!” อย่างที่เฉินเกอสงสัย ปิศาจหิวโหยนั้นมีความสามารถในการย่อยที่ยอดเยี่ยม หลอดเลือดสีแดงที่เธอสั่งสมเอาไว้นานนับหลายปีนั้นก็ไปถึงระดับที่แทบเป็นไปไม่ได้ เธอปล่อยพวกมันออกมาในครั้งเดียวและพริบตานั้น คลื่นสีแดงก็กวาดผ่านและกลืนกินทั้งโรมแรมลงไป
คลื่นหลอดเลือดนั้นฉีกทึ้งร่างครึ่งหนึ่งของหญิงไร้หัว และกะโหลกอันสำคัญที่สุดของเธอก็ถูกริมฝีปากมากมายที่ปรากฏอยู่บนหลอดเลือดกัดแทะ เด็กชายที่สวมชุดผู้ป่วยนั้นเหมือนล่องหนไป เขาอาจจะสลายไปได้ด้วยกระแสลมอันแผ่วเบาที่สุด
กระทั่งมีซู่อินและไป๋ชิวหลินขวางอยู่ด้านหน้าเฉินเกอ ตอนที่คลื่นที่แดงโถมมาถึงตัวเขา อากาศในปอดของเขาก็ถูกสูบออกจากร่าง มันเหมือนกับว่าหากคลื่นนั่นจะอยู่นานอีกสักหลายวินาที เขาก็คงตายจากการขาดอากาศหายใจ
“นี่เป็นศัตรูที่น่ากลัวมาก” เฉินเกอกัดปลายลิ้น ใช้ความเจ็บปวดกระตุ้นจิตใจ เฉินเกอหันไปมองรองเท้าส้นสูงที่อยู่ใกล้กับปิศาจหิวโหยที่สุด เธอบาดเจ็บมากที่สุดตอนที่คลื่นสีแดงกระทบถูก
รองเท้าส้นสูงสีแดงโซเซไปบนพื้น และผ้าพันแผลชุ่มเลือดก็หายไป เงาร่างพร่ามัวล้มอยู่กับพื้น มีหลอดเลือดมากมายขดรอบอยู่ ถึงอย่างนั้นหลอดเลือดที่กล้าเข้าไปใกล้เธอก็เน่าเปื่อยไปด้วยความเร็วราวกับแค่กะพริบตา ปิศาจหิวโหยไม่สนใจเรื่องนี้ ความหิวเข้าครอบงำจิตใจของเธอ และเธอก็สาบานว่าจะส่งทุกอย่างเข้าไปในกระเพาะของตน
“หิว! ฉันหิวมาก!” หลังจากปลดปล่อยเลือดทั้งหมดที่เธอสะสมมาเป็นเวลาหลายปี ร่างของปิศาจหิวโหยก็เริ่มหดราวกับลูกโป่งที่แฟบลง
“เธอคงจะไม่โจมตีอะไรออกมาอีกเป็นการชั่วคราว” เฉินเกอมองไปยังปิศาจหิวโหยที่สนใจอยู่กับการจับรองเท้าส้นสูงสีแดงและเขาก็พบว่าตอนนี้นี่แหละคือโอกาสของเขา
เขาพลิกหน้าหนังสือการ์ตูนที่ถือเอาไว้ “เหมินหนาน!”
เด็กชายอายุราวห้าขวบสวมเสื้อสีแดงปรากฏขึ้นที่ข้างตัวฟางหยวน ในดวงตาปรากฏร่องรอยเกลียดชังไร้ที่สิ้นสุด
“มีวิญญาณสีเลือดที่บาดเจ็บสาหัสอยู่สามตน– กินพวกเขาลงไปสักคนหนึ่งน่าจะทำให้เธอต้องย่อยนานมากทีเดียว! ฉันใจกว้างกับเธอมากใช่ไหมล่ะ?” เฉินเกอรู้ว่าเหมินหนานจะพูดอะไร ดังนั้นจึงชิงพูดออกมาก่อน
“วิญญาณสีเลือดสามตน?” ตอนที่เหมินหนานปรากฏตัวออกมา เขาก็พบว่าบรรยากาศไม่ถูกต้อง แต่ตอนที่เขาชะโงกหน้าออกไปจากด้านหลังเฉินเกอ เขาก็แทบจะล้มก้นกระแทกพื้นด้วยความตกใจและหวาดกลัว ”วิญญาณสีเลือดยิ่งใหญ่? คุณบ้าไปแล้วหรือไง? ทำไมถึงไล่ตามสิ่งเช่นนี้?”
“หลังจากเธอกินเขาลงไป เธอก็จะกลายไปเป็นวิญญาณสีเลือดยิ่งใหญ่เองเลยนะ!” โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว การลังเลจะนำไปสู่การเสียโอกาสไป เฉินเกอรู้ดี เขาคว้าตัวเหมินหนานเอาไว้แล้วเริ่มเดินไปข้างหน้า
“ปล่อยผม!”
ตอนที่เฉินเกอลุกขึ้น ปิศาจหิวโหยก็สังเกตเห็นเขาทันที เธอควบคุมหลอดเลือดกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่เพื่อหยุดเหมินหนาน ในตอนนี้นั้น เธอต้องการการฟื้นฟูอย่างสุดใจ หลอดเลือดลากผู้หญิงในผ้าพันแผลตรงเข้าไปยังปากที่อ้ารออยู่ช้า ๆ
“ซู่อิน!” เหมินหนานขวางหลอดเลือดเอาไว้และในที่สุดเฉินเกอก็ปล่อยไพ่ตายออกมา ด้วยนิสัยของเขา เหมินหนานนั้นไม่ใช่ฝ่ายจู่โจมที่ดี ดังนั้นแผนการเดิมของเฉินเกอก็คือใช้เขาดึงดูดความสนใจของปิศาจหิวโหย และการโจมตีแท้จริงของเขาก็คือซู่อิน
“หัว! จุดอ่อนของเธออยู่ที่หัว!” เสียงแทรกแกรกกรากดังอยู่ข้างหูเขา เลือดหยดติ๋ง และซู่อินที่ดูโศกเศร้าก็พุ่งผ่านหลอดเลือดที่พันกันอยู่เป็นก้อนราวกับดาบเล่มหนึ่ง เขากระโจนสูงขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะไปตกลงที่ตรงไหล่ของปิศาจหิวโหย เขาแทงนิ้วทั้งสิบที่คมราวกับใบมีดเข้าไปที่ลำคอของปิศาจหิวโหย!
หลุบตามองเหยื่อของตนเอง ในดวงตาของปิศาจหิวโหยนั้นเต็มไปด้วยความตะกลามและความเกลียดชัง แขนของเขาเริ่มถูกดึงเข้าไปแล้ว!
“มันเจ็บไหม?” เลือดสาดกระจาย และทันใดนั้น ฝนเลือดก็เริ่มตกลงมาขณะที่หลอดเลือดทั้งหมดเริ่มเหี่ยวแห้งไป การต่อสู้ของวิญญาณสีเลือดทั้งสอง และหากรวมเหมินหนานและซู่อินเข้าไปด้วยนั้น ก็จะกลายเป็นวิญญาณสีเลือดสี่ตนสู้กับปิศาจหิวโหย
“เหมินหนาน ไปดูที่วิญญาณสีเลือดที่หัวกับตัวแยกกัน ไป๋ชิวหลิน ฉันต้องการให้นายจับเด็กชายในชุดผู้ป่วยที่กำลังจะสลายไปนั่นเอาไว้!”
ปิศาจหิวโหยตายแล้ว ดังนั้นเฉินเกอจึงเริ่มเข้าควบคุมสถานการณ์ ร่างครึ่งหนึ่งของหญิงไร้หัวเริ่มมีรอยแตก บาดแผลปกคลุมอยู่บนร่างและศีรษะที่ยังเหลืออยู่ของเธอ สถานการณ์ของรองเท้าส้นสูงสีแดงก็ไม่ดีไปกว่ากัน ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลในผ้าพันแผลนั้นหายไปอย่างช้า ๆ และรองเท้าที่ครั้งหนึ่งสีสันสดใสก็สูญเสียประกาย
ปัง!
ร่างกายมหึมาของปิศาจหิวโหยล้มลงกับพื้น เลือดคำสาปของรองเท้าส้นสูงสีแดงยังคงลุกโชน ซู่อินหลบคำสาปและกลับไปที่ข้างตัวเฉินเกอ
เขาแบมือออกตรงหน้าเฉินเกอ และที่อยู่บนฝ่ามือก็เป็นหัวใจสีแดงเลือดที่ยังเต้นตุบอยู่