เพื่อจัดการตงหลิงหวง ซูจิ่นซีไม่รู้สึกถึงความกดดันใดๆ ทว่า เป่ยถางเย่… นางไม่อาจคาดคิดถึงผลที่จะตามมาได้
ดูเหมือนจากนี้ไป คงมีการต่อสู้ที่ดุเดือดรออยู่ข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าค่อนข้างสับสน ทั้งนางยังมีเวลาให้อยู่ในเขตเวทมนตร์ได้ไม่นานนัก จึงต้องรีบต่อสู้
ซูจิ่นซีใช้สมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
“ความหมายในคำพูดของรัชทายาทแคว้นตงเฉินที่ว่า แพ้ด้วยความเต็มใจ คือ ท่านไม่มีเจตนาจะแข่งขันแย่งชิงสมุนไพรกับข้าหรือ? ”
ตงหลิงหวงไพล่มือทั้งสองไว้ด้านหลัง “แม่นางถังเสวี่ยกล่าวได้ถูกต้อง นางรู้ดีว่าความสามารถของนางไม่อาจต่อกรกับคู่ต่อสู้ แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็ง แม้จะชนะด้วยความบังเอิญ ทว่ามันไม่สามารถแสดงถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงได้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์หรือวรยุทธ์ รัชทายาทอย่างข้าล้วนไม่อาจต่อกรกับพระชายาโยวอ๋องได้เลย แม้ข้าจะร่วมมือกับท่านอ๋องน้อยเย่เพื่อเอาชนะท่าน ทว่านั่นเป็นการเอาชนะที่ไร้พลัง ได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา… สำหรับรัชทายาทอย่างข้า ก็ไม่ถือว่าแย่นัก… ปล่อยสถานะหมอวิเศษให้เป็นของพวกเจ้าทั้งสองคนเถิด! ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างชื่นชม “ได้ ในเมื่อรัชทายาทแคว้นตงเฉินคิดจะออกจากการแข่งขัน เช่นนั้นก็ช่วยถอยออกไปยืนไกลๆ หน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงพลังอันหนักหน่วงของข้าที่จะลงมือกับท่านอ๋องน้อยเย่ บางทีอาจทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บได้”
ตงหลิงหวงคลี่พัดในมือออกดัง ‘พรึบ’ นางโบกพัดแผ่วเบา ก่อนจะหลบไปยืนอยู่ด้านข้าง
เป่ยถางเย่ยกยิ้มเล็กน้อย
“รัชทายาทแคว้นตงเฉินช่างมีความเอื้ออาทรเสียจริง หากเป็นเช่นนี้ ข้าคงเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะอย่างไร้ยางอายมิใช่หรือ? ”
คนที่อยู่ด้านในเขตเวทมนตร์ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอันใด ทว่าถังเสวี่ยที่อยู่ด้านนอกเขตเวทมนตร์กลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หึ เดิมทีก็เป็นคนต่ำช้าไร้ยางอายอยู่แล้ว แม้แต่คุณชายเทียนโย่วยังไม่อาจเอาชนะได้ ยังต้องการเอาชนะพี่จิ่นซีอีก ช่างไร้ยางอายสิ้นดี”
ด้านในเขตเวทมนตร์ ตงหลิงหวงยืนอยู่ด้านข้าง ซูจิ่นซีส่งสายตาออกคำสั่งให้ซูอวี้ที่ยืนอยู่ข้างกาย
ซูจิ่นซีค่อยๆ ยกกระบี่จื๋ออิ่งขึ้นและชี้ไปที่เป่ยถางเย่ ส่วนเป่ยถางเย่ก็สะบัดเสื้อคลุมให้กางออก ก่อนจะพลิกฝ่ามือ หลังจากนั้น ในมือของเขาก็ปรากฏกระบี่ยาว
ไม่มีผู้ใดสังเกตว่ากระบี่ยาวของเขาปรากฏขึ้นได้อย่างไร แม้แต่ซูจิ่นซีที่ยืนอยู่ด้านข้างยังไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ท่าทางของผู้คนที่อยู่ด้านนอกเขตเวทมนตร์เริ่มตื่นตระหนก บรรยากาศทั้งด้านนอกและด้านในล้วนตกอยู่ในความเงียบสงัด
เป่ยถางเย่และซูจิ่นซีเพียงถือกระบี่อยู่ในมือโดยไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว ในเวลานี้ หากผูู้ใดลงมือก่อนจะเข้าสู่สถานการณ์ที่เป็นฝ่ายตอบโต้
เวลาหยุดนิ่งอยู่นาน หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุด ซูจิ่นซีก็เป็นฝ่ายลงมือ เนื่องจากนางไม่มีเวลาอยู่ที่นี่กับเป่ยถางเย่มากนัก จึงต้องรีบจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
กระบี่จื๋ออิ่งในมือเคลื่อนไหวอย่างว่องไว มันค่อยๆ รวบรวมแสงสีม่วงขนาดใหญ่ ซูจิ่นซียกกระบี่ยาวขึ้นบนท้องฟ้า พลางส่งพลังแสงและกระบี่ยาวฟาดไปทางเป่ยถางเย่ เป่ยถางเย่เองก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน เขาเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม ใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นโดยรอบ กลายมาเป็นอาวุธของเขา พวกมันรวมตัวอยู่รอบตัวเขา ราวกับลำแสงที่รวมตัวกันของซูจิ่นซี จากนั้นจึงควบแน่นเป็นลูกบอลทรงกลมลูกหนึ่ง ทันใดนั้น… เขาก็ส่งพลังไปทางซูจิ่นซี
ลำแสงและใบไม้ปะทะกัน เกิดเป็นเสียงสนั่นดัง ‘ตูม’ พลังที่แข็งแกร่งของทั้งสองปะทะกัน ทันใดนั้น ลำแสงก็ส่องสว่างไปทั่ว ใบไม้กระจัดกระจายดั่งสายฝน
ลำแสงที่แข็งแกร่งสาดส่องออกไป ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านนอกเขตเวทมนตร์ไม่อาจลืมตาได้ พวกเขาต่างยกมือปิดบังดวงตา
เป่ยถางเย่และซูจิ่นซีที่อยู่ด้านในเขตเวทมนตร์ ต่างตกตะลึงและถอยไปด้านหลัง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิด ในเวลานั้นเอง ซูจิ่นซีได้รวบรวมแสงอันทรงพลังและเหาะขึ้นไป ทวนทิศทางของใบไม้ร่วง ขณะที่อยู่กลางอากาศ นางรวบรวมพลังภายในทั้งหมดไว้ที่กระบี่จื๋ออิ่ง ก่อนจะซัดพลังออกไปโจมตีเป่ยถางเย่อย่างดุดัน
เป่ยถางเย่ยังคงหลับตาและก้าวถอยหลัง ใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นลงมาและลำแสงนั้น ปิดกั้นการมองเห็นของเขา…
หัวหน้าสำนักโอสถและหัวหน้าสำนักแพทย์ที่อยู่ด้านนอกเขตเวทมนตร์รีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจจนใบหน้าซีดขาว
พลังสยบมังกร… แย่แล้ว… ด้วยพลังกระบี่ของพระชายาโยวอ๋อง ท่านอ๋องน้อยเย่คงต้องตายเป็นแน่…
พวกเขาไม่อาจลืมตามองแสงเจิดจ้านั้นได้นานนัก แต่ละคนต่างยกมือปิดตาเล็กน้อย และมองไปด้านในเขตเวทมนตร์ด้วยความตกตะลึง
เป็นดั่งที่คิดไว้ รอบตัวของซูจิ่นซีเปล่งประกายด้วยพลังแสงอันทรงพลัง กระบี่จื๋ออิ่งที่ควบแน่นไปด้วยพลังแสงสีม่วงเข้มพุ่งไปทางเป่ยถางเย่ด้วยความเร็วสูง
ใช่แล้ว!
ซูจิ่นซีคิดจะสังหารเป่ยถางเย่ในกระบวนท่าเดียว!
แม้เป่ยถางเย่จะไม่เคยทำให้นางขุ่นเคือง ทว่าตลอดเส้นทางการแข่งขันซิ่งหลิน นางกลับรู้สึกได้ว่าเป่ยถางเย่เป็นคนเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
คนเจ้าเล่ห์ หากปล่อยไว้จะต้องสร้างปัญหาเดือดร้อนเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นเชื้อพระวงศ์แคว้นเป่ยอี้ เยี่ยโยวเหยาต้องการรวบรวมแว่นแคว้นเพื่อให้แผ่นดินนี้สงบสุข ไม่ช้าก็เร็ว เขาต้องจัดการแคว้นต่างๆ ในอาณาจักรเทียนเหอ อีกทั้ง ความลึกลับที่ยากคาดเดาของแคว้นเป่ยอี้ สุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นอุปสรรคที่ยากที่สุด มิสู้เริ่มต้นจากแคว้นเป่ยอี้ กำจัดแคว้นเป่ยอี้ เพื่อทำให้แคว้นที่เหลือตกใจและหวาดกลัว
โจมตีทางเหนือตั้งแต่ตอนนี้…
ขณะที่เป่ยถางเย่กลับมาได้สติ พลังสยบมังกรรอบตัวของซูจิ่นซีก็ไหลเข้าสู่กระบี่จื๋ออิ่ง และหลอมรวมเข้ากับกระบี่จื๋ออิ่งในชั่วพริบตา
เมื่อเห็นว่าเป็นพลังสยบมังกร เป่ยถางเย่พลันตกตะลึง และรีบถอยหลังไปสองก้าว ทว่าพลังสยบมังกรนั้นทรงพลังมาก เขาจะหลบหนีได้อย่างไร?
เป่ยถางเย่ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีฟ้าครามราวกับคลื่น
ทันใดนั้น เขาก็รวบรวมพลังภายในทั้งหมดที่มี มือทั้งคู่หมุนออกไปด้านข้างจนกลายเป็นวงกลมสองวง ก่อนจะผนึกแสงวงกลมรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว จนควบแน่นกลายเป็นภาพเสมือนจริง
ในช่วงเวลาวิกฤติ ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ได้เห็นภาพเมืองซีโจว ซึ่งเป็นภาพเสมือนจริงที่เป่ยถางเย่รวบรวมพลังสร้างขึ้น ภายในภาพเป็นเรื่องราวหลังจากที่เทพธิดาใช้จิตวิญญาณสังเวยชีวิตเพื่อช่วยเหลือฉ่ายเวย
ภาพเสมือนจริงขัดขวางอยู่ด้านหน้าเป่ยถางเย่พอดี หากซูจิ่นซีฟันกระบี่ลงไป จะทำให้ภาพเสมือนนั้นเลือนหายไป และนางจะมองไม่เห็นสิ่งใดอีกเลย
แทบไม่ต้องครุ่นคิด ซูจิ่นซีหยุดการโจมตีทันที นางเก็บกระบี่จื๋ออิ่งและพลังสยบมังกรกลับไป
ทว่าพลังสยบมังกรอันทรงพลัง จะเก็บคืนทั้งหมดได้อย่างไร ต่อให้สามารถเอากลับคืนได้ ก็จะมีผลกระทบตามมา
ซูจิ่นซีถูกผลกระทบจากพลังสยบมังกรจนได้รับบาดเจ็บ นางล้มลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมา เป่ยถางเย่ก็ถูกพลังสยบมังกรส่วนที่เหลือทำให้กระอักเลือดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ภาพเสมือนจริงก็ยังถูกพลังสยบมังกรทำให้สลายหายไป
ทั้งสองล้มลงบนพื้น ท่ามกลางกองเลือดที่เจิ่งนอง ทั้งคู่บาดเจ็บไม่น้อย และไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ทำได้เพียงรีบรักษาอาการบาดเจ็บโดยเร็ว
ผู้คนที่อยู่ด้านนอกม่านเวทมนตร์ไม่อาจเห็นภาพเสมือนจริงของเป่ยถางเย่ จึงเกิดความสงสัยอย่างมาก กระบี่ของพระชายาโยวอ๋องสามารถสังหารเป่ยถางเย่ได้อย่างแน่นอน ทว่าเหตุใดนางจึงเก็บพลังกลับคืนอย่างไม่ลังเล จนพลังนั้นย้อนกลับมาหาตนเองเล่า?
ผู้อื่นล้วนมองไม่เห็น ทว่าตงหลิงหวงและซูอวี้กลับมองเห็นอย่างชัดเจน!
แม้ตงหลิงหวงจะไม่เข้าใจ ทว่านางเห็นผู้ที่อยู่ในภาพเสมือนจริงกับซูจิ่นซี ทั้งคนผู้นั้นยังมีใบหน้าเหมือนคุณชายจิ่วอีก
พวกเขา… มีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
ซูอวี้รีบวิ่งไปด้านหน้าเพื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บของซูจิ่นซี ซูจิ่นซีพยายามทำให้ลมปราณภายในสงบลง
“เจ้ายังไม่ไปอีก? จะทำให้ข้าโกรธจนตายหรือ? ”
ซูจิ่นซีไม่เคยพูดจากับซูอวี้ด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าของซูอวี้แสดงออกอย่างตกตะลึง ทว่าไม่นานก็ได้สติ
“พี่จิ่นซี ข้าไม่ไป! ข้าจะทิ้งท่านที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายได้อย่างไร? หากทำเช่นนั้น… ข้าจะต่างอันใดกับคนชั่วร้ายที่แม่นางถังเสวี่ยกล่าวเมื่อครู่? ข้าไม่ไป ไม่ไป! ”
ซูจิ่นซีโกรธมาก
แม้นางและเป่ยถางเย่จะได้รับบาดเจ็บ ทว่าผู้ใดจะฟื้นตัวก่อนก็ยังไม่แน่ หากเป่ยถางเย่ฟื้นตัวได้ก่อน ซูอวี้ผู้อ่อนแอคงไม่อาจขัดขวางเป่ยถางเย่ได้ เช่นนั้น สิ่งที่นางทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า