ตอนที่ 1078 เสียงปืนในที่ราบลุ่ม โดย Ink Stone_Fantasy
ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง เสื้อผ้าหรือว่าใบหน้า อันนาล้วนแต่ไม่ใช่คนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาแม่มด เพื่อความสะดวกในทำงานแล้ว เธอมัดผมของตัวเองเป็นหางม้า ถึงแม้ชุดทำงานของเธอจะเป็นชุดเดียวที่โรแลนด์ออกแบบให้ แต่เขาเหมือนจะไม่ได้คิดถึงเรื่องความสวยงามเท่าไรนัก ตรงแขนเสื้อกับปกเสื้อถูกมัดเอาไว้แน่น ยิ่งไปกว่านั้นการทำงานอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานก็ทำให้บนเสื้อผ้ามีฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด ดูแล้วค่อนข้างมอมแมมทีเดียว ดูยังไงก็ไม่มีทางเชื่อมโยงเธอเข้ากับราชินีแห่งเกรย์คาสเซิลได้เลย
แต่ภายในใจมอลลี่กลับรู้สึกอิจฉาอย่างมาก
เพราะว่าต่อให้ไม่รู้ถึงสถานะของอีกฝ่าย เธอก็ยังมองออกว่าอันนานั้นต้องเป็นคนที่สำคัญอย่างแน่นอน คนที่ยืนอยู่ข้างอันนาล้วนแต่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ อย่างเช่นคาร์ล ฟอร์เบิร์ตที่เป็นหัวหน้ากองโยธาธิการ หรือเอดิธส์ เคนท์ที่เป็นผู้รับผิดชอบหน่วยบัญชาการเสนาธิการทหารใหญ่…ทั้งทิศทาง ความเร็วในการต่อสร้างและแผนการก่อสร้างของรางเหล็ก ล้วนแต่ต้องทำการปรึกษากับอันนาก่อนถึงจะตัดสินใจได้ พูดอีกอย่างก็คือต่อให้เธอไม่ใช่แม่มด เธอก็ยังเป็นจุดสนใจของทุกคนอยู่ดี
ถึงแม้มอลลีจะฟังสิ่งที่คนเหล่านั้นคุยกันไม่เข้าใจ แต่มอลลี่ก็ยังรู้สึกว่าอันนาที่ยืนส่องกล้องส่องทางไกลอยู่บนที่สูง ในมือถือแผ่นที่แล้วก็คอยชี้โน่นชี้นี่ให้ทุกคนดูนั้นช่างเท่จริงๆ
โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นที่ส่องประกายออกมาในเวลาที่เธอใจจดใจจ่ออยู่กับงาน เรียกได้ว่ามันเหมือนกับอัญมณีไม่มีผิด
เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ไม่ว่าจะเป็นทหารใหม่หรือว่าทหารเก่าก็ล้วนแต่แสดงความเคารพเธอผ่านทางสายตาโดยไม่รู้ตัว
มอลลี่ครุ่นคิด สุดท้ายจึงตัดสินใจไม่ไปรบกวนอันนา หากแต่บังคับให้ผู้ช่วยวิเศษเดินหลบกลุ่มคนออกมา แล้วตรงไปยังพื้นที่ที่ใช้วางของ
“เจ้าจะไปในป่าอีกเหรอ?” ในขณะที่เธอเพิ่งจะวางรางเหล็กลง ซาวีก็โผล่หัวออกมาจากกองอิฐ
มอลลี่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันที
เธอวิ่งไปดูตรงกองอิฐ ก่อนจะเห็นไพ่ที่เธอคุ้นเคยวางกองอยู่บนพื้น
“เฮ้ นี่มันมอลลี่น้อยไม่ใช่เหรอ” แอนเดรียแสยะยิ้ม
ด้านข้างเธอยังมีแม็กกี้ที่เหมือนจะทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่อีกคน
“พวกเจ้าแอบมาอู้เล่นไพ่กันอยู่ตรงนี้เหรอเนี่ย!” มอลลี่มุ่ยปากพูดขึ้นมา “ถ้าคนอื่นรู้เข้า พวกเขาจะมองมนตร์แห่งสลีปปิ้งยังไง? ข้าจะไปบอกท่านทิลลี!”
“พะ…พวกนางบังคับข้ามาที่นี่” แม็กกี้ก้มหน้าพร้อมพูดอย่างรู้สึกผิด
“ใครแอบอู้?” ซาวีไม่ยอมรับ “อิฐพวกนี้ข้าเป็นคนขนลงมาจากรถไฟทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกคนงานยังต้องมานั่งขนอิฐอยู่เลย ทำงานเสร็จแล้วก็พักผ่อนซักหน่อย มันอู้ตรงไหน?”
“งานกับชายามบ่ายนั้นสำคัญเท่าๆ กัน การที่สามารถทำทั้งสองอย่างได้นั้นถือเป็นเรื่องที่ดี” แอนเดรียสางผมสีทองที่ส่องประกาย “ยิ่งไปกว่านั้นแม็กกี้ก็ทำให้ไม่มีใครมาเห็นพวกเราด้วย เพราะว่าข้าไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้เดือดร้อนไปถึงท่านทิลลีแน่นอน เรื่องนี้เจ้าสบายใจได้ เออใช่ เจ้าจะมาเล่นด้วยกันไหม? ยังไงเล่นสี่คนมันก็สนุกกว่าสามคน”
“ไม่มี….” ในขณะที่มอลลี่กำลังจะพูดแย้งออกไป เสียงสัญญาณเตือนก็ดังขัดขึ้นมาทันที
“อู…อู….อู…”
เสียงสัญญาณสั้นๆ สามครั้ง หมายความว่าเจอศัตรู!
เธอรีบมองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือทันที แต่นอกจากทุกโล่งๆ ที่มีแต่หญ้ากับหิมะที่ยังละลายไม่หมดแล้ว เธอก็มองไม่เป็นอะไรอย่างอื่นอีก
“คนที่เจอศัตรูถ้าไม่ใช่ไลต์นิ่งก็เป็นซิลเวีย สัญญาณเตือนที่ส่งมาจากระยะทางที่ไกลขนาดนั้นเจ้าไม่มีทางมองเห็นหรอก” ซาวีพูดเตือน
“แย่แล้ว…ฝ่าบาทอันนา!” ทันใดนั้นมอลลี่ก็นึกถึงราชินีแห่งเกรย์คาสเซิลที่อยู่ตรงรางรถไฟขึ้นมา เธอได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าความสามารถของอันนานั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อฝ่าบาทโรแลนด์และเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องพาอีกฝ่ายกลับไปอย่างปลอดภัยให้ได้
เธอเพิ่งจะวิ่งไปได้สองก้าวก็ถูกซาวีจับมือเอาไว้
“ต้องมีคนคอยคุ้มครองฝ่าบาทอันนาอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้” อีกฝ่ายส่ายหัว “ต่อให้เป็นปีศาจบินได้ อย่างน้อยๆ มันก็ต้องใช้เวลา 10 – 15 นาทีกว่าจะมาถึงที่นี่ เวลาเท่านี้เพียงพอให้พวกพระองค์ไปหลบได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตามกฎการป้องกันความเสี่ยง หากไม่มีภารกิจการรบที่ได้รับมอบหมายเอาไว้ สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเจอกับการโจมตีอย่างกะทันหันก็คือปกป้องตัวเองก่อน จากนั้นค่อยไปรวมกับกองทัพที่หนึ่ง แม่มดทาคิลาหรือไม่ก็หน่วยรบอื่นๆ”
“ดังนั้นเจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น คอยคุ้มครองข้าอยู่ที่นี่เนี่ยแหละ” แอนเดรียแบกปืนยาวขึ้นไปยืนอยู่บนยอดกองอิฐตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ “หลังจากนี้คืองานของข้าแล้ว”
ทุกอย่างเป็นเหมือนอย่างที่ซาวีบอกมา ในตอนที่มอลลีปีนขึ้นไปบนกองอิฐ เธอก็พบว่าตรงพื้นที่ก่อสร้างนั้นไม่มีใครอยู่เลย ภาพคนงานที่ทำงานกันอย่างขมักเขม่นก่อนหน้านี้เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภายในหลุมเพลาะมีหัวคนกำลังขยับอยู่ ปืนสีดำถูกเอามาตั้งไว้ รถไฟเองก็หยุดวิ่ง ภายในพื้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน
“ซิลเวีย เจ้าเป็นคนเจอศัตรูเหรอ?” แอนเดรียหยิบรูนสดับออกมาจากในหน้าอก “มีกี่ตัว?”
“…ไม่ ไลต์นิ่งเป็นคนส่งสัญญาณเตือน” ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะมีเสียงอีกฝ่ายดังตอบกลับมาจากในรูน “ศัตรูเหมือนจะมีแค่อสูรสยองที่แบกปีศาจคุ้มคลั่งมาด้วย 4 ตัว มันกำลังตรงไปทางด้านขวาของเจ้า ไม่มีร่องรอยของปีศาจระดับสูง”
“แค่ 4 ตัวเหรอ? เหมือนจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญนะ”
“ก็อาจจะ แต่ก็ห้ามประมาทเด็ดขาด” ซิลเวียสั่งกำชับ” อีก 5 นาทีเจ้าก็น่าจะเห็นพวกมันแล้ว”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ปีศาจก็ปรากฏตัวออกมาเหมือนกับนัดเอาไว้ จุดดำสี่จุดบนท้องฟ้าสีครามดูสะดุดตาอย่างมาก ขณะเดียวกันพวกมันก็สังเกตเห็นรางเหล็กที่ปรากฏอยู่บนที่ราบ แต่ที่น่าแปลกก็คือศัตรูไม่ได้พุ่งลงมาโจมตีในทันที หากแต่บินวนเป็นวงกลมอยู่ในระยะไกล
“พวกมันกำลังลังเลอะไร?” ซาวีขมวดคิ้ว “นี่มันไม่ใช่สไตล์ของพวกปีศาจเลย”
“เจ้ายิงถูกมันได้ไหม?” มอลลีถาม
“ไม่ได้ ระยะไกลเกินไป” แอนเดรียยักไหล่ “ต่อให้โยนเหรียญขึ้นไปทั้งหมด ก็ไม่มีเหรียญไหนที่จะตั้งขึ้นมาเลย แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี…”
มอลลี่มองข้ามคำพูดที่เธอฟังไม่รู้เรื่องไป “วิธีไหน?”
“อย่างเข่น…เปลี่ยนปืนที่มีขนาดลำกล้องใหญ่กว่าเดิม” เธอยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปยังด้านข้างของกองอิฐ “ข้าขอใช้งานผู้ช่วยวิเศษของเจ้าหน่อยได้ไหม?”
ในเวลานี้มอลลี่ถึงได้สังเกตเห็นว่าตรงนั้นมีปืนที่มีขนาดยาวจนน่าตกใจวางอยู่กระบอกหนึ่ง เพียงแค่ลำกล้องของมันก็ยาวเมตรกว่าแล้ว ขณะเดียวกันเธอเองก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที ด้วยกำลังของเธอเพียงคนเดียว ไม่มีทางที่จะแบกอาวุธที่หนักขนาดนี้ได้แน่นอน
“หรือว่า…ตอนที่เล่นไพ่ เจ้าพกเจ้านี่มาด้วย?”
“แม็กกี้เป็นคนช่วยข้าขนมา” แอนเดรียพูด “ยิ่งไปกว่านั้นการที่พกอาวุธที่มีโอกาสจะได้ใช้งานติดตัวมาด้วยนั้นเรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานของคนที่เป็นนักรบนะ”
มอลลี่ไม่พูดอะไรอีก เธอยกมือเรียกผู้ช่วยวิเศษออกมา ก่อนจะให้มันแบกปืนยักษ์เอาไว้บนหัว ขณะเดียวกันเธอก็สั่งมอมอตาให้ย่อตัวลงจนกลายเป็นเหมือนเบาะทรงวงรี
“น่าเสียดายจริงๆ ที่ปฏิบัติการครั้งที่แล้วไม่ได้พาเจ้าไปด้วย” แอนเดรียขึ้นไปนั่งลองจับปืน “ที่ตั้งปืนอันนี้นั่งสบายกว่าแอชเชสตั้งเยอะ เงยปากกระบอกปืนขึ้นหน่อย ใช่ แบบนี้แหละ”
“ตอนนี้ล่ะ?” มอลลี่ปรับรูปร่างผู้ช่วยวิเศษ
“พอดีเลย เออใช่ เจ้าช่วยหดแขนมันหน่อยได้ไหม? เอาให้เล็กเท่านิ้วมือเลย”
“ไม่มีปัญหาหรอก…แต่ว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะยกของหนักไม่ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ทำแบบนี้แหละ” แอนเดรียเอาแขนของผู้ช่วยวิเศษที่หดเล็กลงขึ้นมาอุดหู จากนั้นจึงจับกระบอกปืน “เจ้าเองก็อย่าลืมอุดหูล่ะ!”
พอพูดจบ เธอก็เหนี่ยวไกปืนทันที
เสียงระเบิดดังสนั่นออกมาจากปากกระบอกปืน!
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ปีศาจตัวหนึ่งก็กลายเป็นหมอกเลือดกลางอากาศ
……………………………………………………………………