ตอนที่ 1079 เจตนาของปีศาจ โดย Ink Stone_Fantasy
ปีศาจอีกสามตัวที่เหลือทำการตอบสนองออกมาทันที พวกมันบังคับอสูรสยองแยกย้ายกันบินหนีกลับไปยังทิศทางเดิมที่พวกมันมา ก่อนจะหายลับไปจากขอบฟ้าในเวลาไม่นาน
ตอนที่มันถอยไป ปีศาจตัวหนึ่งยังหันกลับมาปาหอกกระดูกใส่หัวของอสูรสยองที่ถูกยิงจนปีกแหว่งไปข้างและกำลังร่วงตกลงมาด้วย
ถึงแม้แอนเดรียจะคอยจ้องมันอยู่ตลอด แต่เธอก็มองไม่เห็นโอกาสที่เหรียญที่สองจะตั้งขึ้นเลย
“หนีไปแล้วเหรอ?” ซาวีพูดอย่างแปลกใจ “พวกมันทำแบบนี้ทำไม?”
นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ปีศาจถอยไปโดยไม่สู้ ที่ผ่านมาเผ่าพันธุ์ที่ดุร้ายพวกนี้จะไม่ยอมพักจนกว่าจะได้ขย้ำเป้าหมาย แต่การที่พวกมันไม่โจมตี แล้วก็ไม่เหมือนกำลังมาสอดแนม หากแต่คอยบินวนอยู่ด้านบนแบบนี้นั้นทำให้พวกเธอรู้สึกค่อนข้างเหนือความคาดหมาย
“ไม่รู้สิ…” แอนเดรียปล่อยนิ้วออกจากปืน “ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันเหมือนจะรู้วิธีหลบการซุ่มโจมตีแล้วด้วย ดูเหมือนศัตรูจะเรียนรู้เร็วมากเลยนะเนี่ย เจ้าว่าไหม มอลลี่น้อย?” เธอยิ้มๆ แล้วมองไปทางมอลลี่ที่กำลังนวดหูอยู่
“ครั้งหน้าเจ้าบอกข้าให้เร็วหน่อยสิ” มอลลี่บ่นออกมา เสียงของปืนกระบอกนี้ไม่ได้เบาไปกว่าปืนใหญ่เท่าไรเลย เธอเกือบจะเอามืออุดหูไม่ทัน แต่ถึงแม้จะอุดแล้ว เสียงอันดังสนั่นของมันก็ยังทำให้ในหูของเธอมีเสียงดังหวึ่งๆ อยู่
“ขอโทษ ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่า ‘เส้นนำทาง’ มันจะปรากฏออกมาเร็วขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะความสามารถของข้าพัฒนาขึ้นไปอีกแล้วล่ะมั้ง” แอนเดรียกะพริบตา “เพื่อเป็นการขอโทษ ข้าจะชดเชยให้เจ้าเป็นพิเศษ เจ้าว่าไง?”
“เจ้าไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย ช่างมันเถอะ” มอลลี่ส่ายหัว “เพราะการทำให้ศัตรูถอยหนีไปเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า”
“ข้าแบบนั้นข้าจะรู้สึกไม่สบายใจน่ะสิ”
“เอ่อ…” เธอมองดูดวงตาที่จริงจังของอีกฝ่าย สุดท้ายจึงได้แต่ต้องตอบรับออกมา “แล้วจะชดเชยด้วยอะไร?”
“เครื่องดื่มยุ่งเหยิงไง” แอนเดรียปิดปาก
“เจ้า…แน่ใจ?” มอลลี่ถามอย่างแปลกใจ เพราะตอนที่อยู่บนเกาะสลีปปิ้ง เธอรู้เพียงว่าอีกฝ่ายนั้นเกิดในตระกูลขุนนางที่สูงศักดิ์ ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถของเธอก็เป็นแม่มดสายต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างมาก สถานะเรียกได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าแอชเชวเลย อีกทั้งปกติยังคอยอยู่ข้างกายท่านทิลลีตลอดเวลา ด้วยเหตุนนี้เธอจึงไม่ค่อยได้พูดคุยกับอีกฝ่ายเท่าไร แต่หลังจากที่มายังเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ช่องว่างระหว่างแม่มดสายต่อสู้กับแม่มดสายสนับสนุนนั้นได้สลายหายไปจนหมด เธอถึงได้พบว่าที่แท้อีกฝ่ายนั้นไม่ได้เย็นชาเหมือนอย่างที่ตัวเองคิด หากแต่เป็นคนที่สง่างามและเป็นมิตร
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าแอนเดรียจะใจกว้างขนาดนี้!
“แน่นอน ปกติกฎเดิมคือเครื่องดื่มหนึ่งแก้วต่อไพ่หนึ่งเกม สิ่งที่ข้าจะชดเชยให้เจ้าเป็นพิเศษก็คือถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะไม่ริบเครื่องดื่มของเจ้า แต่ถ้าข้าแพ้ เจ้าก็เอาเครื่องดื่มของข้าไป ว่ายังไง โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ นะ”
“อย่างนี้นี่เอง ถ้ามีแต่ได้ไม่มีเสีย มันก็น่า…. เดี๋ยวๆ ทำแบบนี้ไม่ได้!” มอลลี่ได้สติขึ้นมา “สุดท้ายเจ้าก็จะเล่นไพ่นั่นแหละ ถ้ามาแอบอู้แบบนี้ ข้า…”
“แต่เจ้ารับปากแล้ว เมื่อกี้นี้” แอนเดรียทำหน้าเหมือนจะบอกว่า ‘มันสายไปเสียแล้ว’ ออกมา “รออยู่นี่อย่าไปไหน ข้าไปรายงานสถานการณ์ที่กองบัญชาการก่อน เดี๋ยวมา!”
มอลลี่ยังไม่ได้ทันจะได้พูดเถียงออกไป อีกฝ่ายก็กระโดดลงไปจากกองอิฐ ก่อนจะวิ่งหายไปทางลานวางของอย่างรวดเร็ว
เธอมองดูแม็กกี้ที่ทำสีหน้าเหมือนเข้าใจเธอ ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าที่แม็กกี้บอกว่า ‘พวกนางบังคับข้ามาที่นี่’ มันหมายความว่ายังไง
…..
ณ กองบัญชาการ
ในเวลาครึ่งชั่วโมง ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘การเจอศัตรูโดยไม่ได้คาดหมาย’ ครั้งนี้ทั้งหมดถูกรวบรวมมาวางไว้บนโต๊ะขวานเหล็ก
คนที่เจอศัตรูเป็นคนแรกสุดก็คือไลต์นิ่งกับเมซี่ที่บินเล่นอยู่นอกเขตเตือนภัย
ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังบินไปบินมาอยู่ในชั้นเมฆ พวกเธอก็บังเอิญหลบพ้นสายตาของศัตรูได้พอดี หลังจากนั้นพวกเธอก็แอบบินตามอยู่ด้านหลังพวกปีศาจ แล้วก็ใช้รูนสดับแจ้งข่าวให้ทางซิลเวียทราบ
จากที่ไลต์นิ่งเล่ามา เส้นทางการบินของปีศาจเมื่อเอาไปพล็ตจุดบนแผนที่แล้วจะเห็นว่าเป็นเส้นตรงได้อย่างชัดเจน มันเชื่อมต่อระหว่างรางเหล็กกับซากเมืองทาคิลา พูดอีกอย่างก็คืออีกฝ่ายนั้นไม่ได้ทำภารกิจลาดตระเวนอยู่ หากแต่ตั้งใจพุ่งเข้ามาหากองทัพที่หนึ่งตั้งแต่แรก
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกินเวลาประมาณ 15 นาที คนที่สังหารปีศาจได้มีเพียงแค่คุณหนูแอนเดรียเท่านั้น ปืนไรเฟิลต่อต้านอสูรสยองเป็นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่ปลิดชีพเป้าหมายได้จากระยะนี้ หลังจากพวกมันตัวหนึ่งถูกยิงตายไป ปีศาจที่เหลือก็รีบถอยหนีทันที แถมยังบินซิกแซกไปมาในระหว่างที่ถอยเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกยิงด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าการบินแบบนี้นั้นใช้ได้ผลทีเดียว เพราะหลังจากนั้นแอนเดรียก็ไม่สามารถหาโอกาสลงมือได้อีก
ซิลเวียคอยจับตาดูอีกฝ่ายจนกระทั่งพวกมันบินออกนอกเขตเตือนภัยออกไป
ไลต์นิ่งกับเมซี่ก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ
หลังจากนั้น 15 นาที สัญญาณเตือนก็หยุดลง
ขวานเหล็กวางรายงานในมือลงพร้อมกับถอนหายใจออกมา
นี่คือระบบรวบรวมข่าวสารการรบที่โรแลนด์กำหนดขึ้นมา โดยแต่ละหน่วยจะรายงานความเคลื่อนไหวของตัวเองให้ทางหน่วยเสนาธิการทหารใหญ่รับทราบ จากนั้นทางทีมที่ปรึกษาก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาเรียบเรียงและวิเคราะห์เพื่อจัดลำดับเหตุการณ์การรบที่เกิดขึ้น เมื่อใช้คู่กับแผนที่และถาดทรายจำลองสนามรบ ทำให้กองบัญชาการของกองทัพสามารถเข้าใจสถานการณ์โดยรวมของการรบได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้จะเคยฝึกซ้อมมาแล้วหลายครั้งก่อนออกรบ แต่การใช้งานครั้งแรกของระบบนี้ก็ยังทำให้ขวานเหล็กรู้สึกตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองเห็นการรบได้ชัดเจนขนาดนี้ เหมือนกับว่าตัวขึ้นไปอยู่บนเมฆแล้วมองลงมาดูสนามรบอย่างไรอย่างนั้น
ตอนอยู่ที่เมืองไอรอนแซนด์ ถึงแม้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างคนหลายร้อยคนระหว่างเปล่า แต่มันก็อาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ ถ้าอยากจะประเมินดูผลการสู้รบว่าเป็นอย่างไร ไม่เพียงแต่จะเสียเวลาและเสียกำลัง แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็เป็นแค่เพียงผลสรุปแบบคร่าวๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของศัตรูหรือการตอบโต้ของฝ่ายตัวเองก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในหัวของเขา ความรู้สึกที่มองเห็นการรบทั้งหมดชัดเจนเหมือนอยู่บนมือตัวเองเช่นนี้ทำให้ขวานเหล็กรู้สึกว่าการต่อสู้ระหว่างเผ่าของชาวโมเกนนั้นเป็นแค่เพียงการทะเลาะวิวาทธรรมดาๆ เท่านั้น
แต่แค่เข้าใจสถานการณ์การรบเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ สิ่งสำคัญที่เขาต้องทำหลังจากนี้ก็คือเข้าใจเจตนาของพวกปีศาจ
ขวานเหล็กมองไปยังเอดิธส์ที่ยืนจ้องมองแผนที่อยู่ เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เข้าไปคุยกับสมาชิกทีมที่ปรึกษาคนอื่น
สำหรับเรื่องที่เขาเอาเรื่องที่ตัวเองแอบคุยกับอีกฝ่ายไปรายงานให้โรแลนด์ทราบ ขวานเหล็กนั้นไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร เพราะฝ่าบาทคือคนที่เขาสาบานว่าจะจงรักภักดี ต่อให้ต้องทำผิดของไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือเขาก็จะทำ เพียงแต่ว่าเขายังรู้สึกเหมือนติดข้างอะไรบางอย่างอยู่ เขาเองได้เตรียมพร้อมที่จะโดนอีกฝ่ายเหน็บแหนมหรือว่าเมินเฉยใส่ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ อีกฝ่ายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น ถึงแม้จะโดนฝ่าบาทลงโทษไปแล้ว แต่เธอก็ยังชวนเขาไปเขาให้มีส่วนร่วมกับทีมที่ปรึกษาอยู่ เพียงแต่เธอไม่ได้มาพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวอีก
ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว เขาเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้หญิงจริงๆ สมัยที่เขาอยู่ที่ดินแดนทางใต้สุดก็เป็นแบบนี้
“เจ้าเห็นอะไรไหม?” ขวานเหล็กเดินมาข้างหลังเธอ
“ไม่มี” เอดิธส์ยักไหล่ “ข้าเองก็ไม่ใช่ปีศาจ แค่เห็นหน้ามันข้าจะไปรู้ได้ไงว่ามันคิดอะไร”
“เจ้าไม่ได้ไปคุยกับพวกเขา ข้าเลยนึกว่าเจ้าคิดอะไรได้แล้ว”
“การพูดคุยโดยขาดเบาะแสมันไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อท่านไม่สามารถพิสูจน์ว่ามันจริงหรือไม่ มันมีแต่จะเพิ่มความกังวลให้ท่านเท่านั้น”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นข้าก็จะถือว่ามันเป็นข้อสรุปของหน่วยเสนาธิการทหารใหญ่ แล้วก็รายงานให้ฝ่าบาททรงทราบ ขวานเหล็กพยักหน้า ถ้าแม้แต่ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือก็ยังไม่เข้าใจ อย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงมาได้เพียงเท่านี้
“ได้ ทำตามที่ท่านว่านั่นแหละ” เอดิธส์ชะงักเล็กน้อย “แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร?”
“ข้าคิดว่าเรื่องนี้มันคงไม่จบง่ายๆ แบบนี้แน่ ถ้าศัตรูมันคิดที่จะมาเล่นงานเราจริงๆ อีกไม่กี่วันมันจะต้องมีความเคลื่อนไหวแน่”
หลังจากนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเหมือนที่เอดิธส์คิดเอาไว้
เพียงแค่สองวัน ปีศาจก็ปรากฏตัวขึ้นตรงทิศตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้ง
ครั้งนี้ยังคงมีปีศาจคุ้มคลั่งแค่สี่ตัวเหมือนเดิม
แต่ครั้งนี้ พวกมันอยู่ห่างจากแนวหน้าไกลกว่าครั้งก่อน ถ้าใช้ตาเปล่ามองจะเห็นเป็นเพียงจุดดำเล็กๆ เท่านั้น
…………………………………………………………………