บทที่ 919 แลกเปลี่ยน

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 919 แลกเปลี่ยน

เมื่อมองออกไปด้านนอก กลุ่มชายชุดดำถือดาบยาวและล้อมรอบเฮลิคอปเตอร์ ในสายตาของพวกเขาแต่ละคนปรากฏชัดเจนถึงเจตนาแห่งการฆ่า

ฉวนซานสั่นเทาอย่างอดไม่ได้และเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่เทียน คุณสามารถจัดการได้จริงๆใช่ไหม?”

“กำลังคนของพวกเขานั้นมีมากมาย ไม่อย่างนั้นพวกเราขอกำลังสนับสนุนไหม”

แม้ว่าที่นี่จะเป็นศูนย์อำนาจที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียงเหอ จวนนายพลของนายพลเกา แต่ฉวนซานเชื่อ ตราบใดที่ฉินเทียนส่งสัญญาณ เรียกกองกำลังทางใต้เหล่านั้น

หรือไม่ก็ใช้งานวิหารเทพ

เช่นนั้นแล้ว แค่จวนนายพลนั่นจะไปสำคัญอะไร?

“กล้าแตะต้องคุณชาย ฆ่าไม่เว้น!”

“ฆ่าไม่เว้น!”

“ฆ่าไม่เว้น!”

ผู้ที่ร้องตะโกนเป็นคนแรกนั้นคือชายที่มีรอยแผลเป็นตรงแก้มด้านซ้าย จากนั้นผู้คนอีกหลายร้อยคนต่างร้องตะโกนอย่างพร้อมเพรียง

ดาบยาวอยู่ภายในมือของพวกเขา ต้มไม้สูงบดบังแสงแดดทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวยะเยือก

บนเฮลิคอปเตอร์ หนิวธงจ้องมองฉินเทียนด้วยใบหน้าร้ายกาจ กัดฟันแน่นและเอ่ย “ไอ้หนู เห็นหรือยัง นี่คือเหล่าผู้คุ้มกันของจวนนายพล”

“พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เก่งกาจและพวกเขาสังหารผู้คนอย่างเลือดเย็น”

“ฉันจะเตือนนายเป็นครั้งสุดท้าย ยอมปล่อยคุณชายเสียโดยดี ยอมให้จับและห้ามขัดขืน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเนื้อผัดซอส!”

ฉินเทียนปิดปากเงียบ เลิกคิ้วขึ้นและจ้องมองเหมยควน หัวหน้าเล็กแห่งมังกรซ่อนรูป

“ฉันเป็นคนแจ้งและเป็นพยาน สมควรได้รับความคุ้มครองจากคุณ”

“หรือว่ามังกรซ่อนรูปของพวกคุณนั้นจะคอยเฝ้ามองฉันถูกผู้ต้องสงสัยสังหารงั้นหรือ?”

เหมยควนหัวเราะและเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอร้องเถอะ!”

“นายช่วยมีวุฒิภาวะมากกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

“ที่นี่หากกล้ารุกรานตระกูลเกา พวกเรามังกรซ่อนรูปก็ไม่สามารถคุ้มครองนายได้!”

ใบหน้าของฉินเทียนมืดมนลง “งั้นเหรอ? งั้นก็กล่าวได้ว่ามังกรซ่อนรูปของพวกคุณก็หวาดกลัวตระกูลเกา ใช่หรือไม่?”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็อยากจะรู้จักนายพลเกาให้มากยิ่งขึ้น!”

“เปิดประตูเถอะ”

“เปิดประตู”

“รีบเปิดประตู!” เกาชาวตะโกนพร้อมด้วยดวงตาสีแดงก่ำ

ขณะนี้แม้ว่าเขาจะยังคงถูกฉินเทียนควบคุม แต่เขาก็ไม่หวาดกลัวอีกต่อไป

เหมือนกับลูกสุนัขเมื่ออยู่ด้านนอกก็ถูกรังแก ท้ายที่สุดก็กลับมายังอาณาเขตของตนเอง

ท่าทางของเขาผยองและอวดดีเป็นอย่างมาก จ้องมองฉินเทียนพลางกัดฟันด้วยความเคียดแค้น แทบอยากจะกินเลือดกินเนื้อของฉินเทียน

เฝิงเปียวไม่เข้าใจ เหตุใดฉินเทียนถึงได้มีความมั่นใจมากเช่นนี้ หรือว่าเป็นเพราะตอนนี้กำลังจับเกาชาวไว้เป็นตัวประกันงั้นหรือ?

เขาต้องการพังพินาศไปพร้อมกับเกาชาวงั้นหรือ?

“ไอ้คนสกุลฉิน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณชายแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่แค่นายเท่านั้น ฉันรับรอง พวกนายทั้งสี่คน ไม่มีใครสามารถหนีรอดไปได้!”

หลังจากที่กล่าวเตือนอีกครั้ง จากนั้นเขาโบกมือให้ลูกน้องของเขาทำการเปิดประตูเฮลิคอปเตอร์

ด้านนอก ผู้คุ้มกันนัยน์ตาแดงก่ำจำนวนหลายร้อยคน แผดเสียงคำรามและพุ่งเข้ามาราวกับกระแสน้ำในทันที

มือของฉินเทียนออกแรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เกาชาวกรีดร้องออกมาราวกับไก่กำลังถูกฆ่า

“อย่า! อย่าเข้ามา!”

“ถอยออกไป!”

เหล่าผู้คุ้มกันต่างแตกตื่นและประหลาดใจ พวกเขาพากันถอยร่นออกไป

ฉินเทียนยืนนิ่งและไม่ยอมถอย จ้องมองไปโดยรอบและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สมแล้วที่เป็นจวนนายพล ดูดีมีระดับเลยทีเดียว”

“ฉินเทียนมาเยี่ยมเยียนนายพลเกา รบกวนนำข่าวไปแจ้งหน่อยเถอะ”

ชายที่มีแผลเป็นบริเวณแก้มซ้าย ชื่อว่าหม่าเถิง เขาเป็นกัปตันของผู้คุ้มกันแห่งตระกูลเกา

เขาก้าวเท้ามาด้านหน้าและเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “นายพลรออยู่เนิ่นนานแล้ว ตามฉันมาเถอะ!”

ผู้คุ้มกันจำนวนร้อยคนต่างก็แบ่งแยกออกเป็นสองแถว ถือมีดยาวนัยน์ตาราวกับเสือ

“พวกนายเดินตามฉันมาในระยะประชิด” ฉินเทียนกล่าวกับไป๋หลิงและอีกสามคนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จากนั้นเขาจับเกาชาวไว้และก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปด้ายใน

จากลานจอดเฮลิคอปเตอร์ไปยังโถงประชุมนั้นมีระยะทางหลายร้อยเมตร ระหว่างทางเดินนั้นคั่นด้วยประตูและบานกั้นหลายบาน

ขณะนี้ ประตูทุกบานนั้นเปิดอยู่

ทุกพื้นที่ที่เขาเดินผ่าน ผู้คุ้มกันต่างยืนถือดาบยาวและนัยน์ตาเผยให้เห็นถึงความอาฆาต

ฉินเทียนคว้าคอของเกาชาวไว้ เดินไปข้างหน้าและเอ่ยเสียงดัง “พวกคุณสามารถเพ่งเล็งฉันได้ และสามารถลั่นไกปืนได้!”

“แต่ทว่าฉันรับรอง เพียงเสี้ยววินาทีที่ลั่นไกปืน คนที่จะต้องตายคือคุณชายของพวกคุณ!”

“ถ้าไม่อยากให้คุณชายบาดเจ็บ ออกไปให้พ้นสายตาฉันเสีย!”

เสียงดังกึกก้อง ใบหน้าของผู้คนโดยรอบพลันแปรเปลี่ยนไป

จากระยะไกล นักแม่นปืนที่ซ่อนอยู่บนหลังคาและด้านหลังของโขดหิน เมื่อได้ยินเช่นนี้โสตประสาทของเขาเกิดเสียงหึ่งหึ่งดังขึ้น

ราวกับว่าเสียงของฉินเทียนนั้นกลับกลายเป็นลวดเหล็ก ทะลุเข้าไปภายในโสตประสาทของพวกเขา

หลังจากที่ตะลึงงัน นักแม่นปืนเหล่านั้นก็วางปืนไรเฟิลในมือลงอย่างอดไม่ได้

ภายใต้สายตาของทุกคน ในที่สุดฉินเทียนและคนอื่นก็มาถึงห้องโถงใหญ่

สถาปัตยกรรมที่ใหญ่โตโออ่า หน้าประตูติดแผ่นป้ายขนาดใหญ่ ใช้ตัวอักษรสีทองเขียนคำว่า ‘ห้องโถงเสือยักษ์’

เมื่อเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ มีชายวัยกลางคนใบหน้าดุร้าย เมื่อมองเพียงแวบแรกก็สามารถทำให้ผู้คนหวาดผวาและรู้สึกหวาดกลัวได้ ชายคนนั้นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังเสือที่ตั้งอยู่ตรงกลางโถง

ดวงตาของเขาจ้องเขม็ง ผมและหนวดเครายาว ด้านหลังของเขาทั้งทางซ้ายและขวา มีชายร่างใหญ่ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่าทางทรงพลังราวกับคิงคองอย่างไรอย่างนั้น ภายในอ้อมแขนของทั้งสองคนต่างก็ถือด้ามขวานส่องแสงประกายวิบวับ

ขวานด้ามหนึ่งมีน้ำหนักหลายกิโลกรัม

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ขวานสองด้ามนั้นคืออาวุธของพวกเขา

เป็นหนึ่งในสามนายพลแห่งเกาะตงไห่ เกาเหมิ่ง นายพลเกา

ตงไห่มีเมืองทั้งหมดหกเมือง ภายในมือของเกาเหมิ่งนั้นเขาควบคุมอยู่สองเมือง นอกจากเมืองเจียงเหอที่อยู่ตรงหน้า ยังมีเมืองกว่างผิงที่อยู่ถัดไป

ทางด้านซ้ายและขวาของเกาเหมิ่ง ยังมีผู้คนยืนเรียงลำดับ ผู้ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคน พวกเขาอยู่ร่วมกับเฝิงเปียว ถูกขนานนามว่าห้ารากษส

เป็นลูกน้องใต้บัญชาการที่ยอดฝีมือและยอดเยี่ยมที่สุดของเกาเหมิ่ง ภายในจวนนายพล สถานะของพวกเขานั้นคือสถานะสูงสุด

“พ่อ ช่วยผมด้วย!”

“พ่อช่วยผมด้วย!”

ทันทีที่เข้าไปภายในห้องโถง เมื่อเห็นเกาเหมิ่งนั่งอยู่ตรงกลาง ดวงตาของเกาชาวพลันแดงก่ำและร้องตะโกนเสียงดัง

“นายพล ผู้ใต้บัญชาไร้ความสามารถ ทำให้คุณชายต้องถูกจับ!”

“ได้โปรดออกคำสั่งให้ฉีกร่างของฉินเทียนออกเป็นชิ้นๆ”

เฝิงเปียวคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเอ่ยคำร้องขอด้วยท่าทางร้อนรน

เหนือความคาดหมาย สีหน้าและท่าทางของเกาเหมิ่งนั้นดูสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ภายนอกเขาดูเหมือนชายร่างใหญ่ที่ไร้ความคิดและไร้สมอง แต่ทว่าคนไร้สมอง สามารถอยู่ในตำแหน่งนายพลเช่นนี้ได้งั้นหรือ?

เพียงฉินเทียนมองแค่แวบแรกก็สามารถรู้ได้ คนผู้นี้มองภายนอกดูดุร้าย อันที่จริงแล้วความคิดนั้นมืดมนเป็นอย่างมาก

“นายชื่อฉินเทียนงั้นเหรอ?” เกาเหมิ่งจ้องมองฉินเทียน เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ฉินเทียนพยักหน้า

“มาที่นี่ด้วยเหตุใด?” เกาเหมิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย

ฉินเทียนไม่พูดจาอ้อมค้อม เขาเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “สุสานฮุนโหว”

“ถ้าหากจะกล่าวให้เจาะจง จากสุสานฮุนโหว พวกคุณนำสิ่งของอะไรมาจากที่นั่นกันแน่”

เกาเหมิ่งนิ่งเงียบและมองฉินเทียน ราวกับว่าเขาต้องการจะอ่านความคิดของฉินเทียน แต่ทว่าเขาต้องประสบต่อความผิดหวังในท้ายที่สุด

เมื่อมองดูแล้วฉินเทียนนั้นดูเรียบง่ายและธรรมดา แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับภูเขาและจ้องมองมหาสมุทร

ลึกล้ำเกินกว่าจะหยั่งถึง!

หลังจากนั้นไม่นานนัก เกาเหมิ่งเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ปล่อยลูกชายของฉัน ฉันจะมอบคำตอบให้แก่นาย”

ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ ห้ารากษสก็เตรียมการต่อสู้ทันที พวกเขากำลังรอ ตราบใดที่ฉินเทียนปล่อยเกาชาว พวกเขาจะลงมือทันที จะใช้อัสนีบาตรกำราบฉินเทียน

บริเวณประตู ผู้คุ้มกันร้อนคนได้ปิดกั้นประตูใหญ่เอาไว้แล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงมนุษย์ แม้แต่นกตัวเดียวก็ไม่สามารถออกไปได้

เหมยควนยิ้มด้วยสีหน้าเสแสร้งและเอ่ย “คุณฉิน นายพลเกาได้กล่าวแล้ว ปล่อยคุณชายแล้วเขาจะให้คำตอบแก่นาย”

“นายพลเกาพูดคำไหนคำนั้น สามารถเชื่อถือได้ พวกเรามังกรซ่อนรูปสามารถรับประกันได้”

“ไม่ใช่ว่านายอยากรู้เรื่องของสุสานฮุนโหวหรือ? ยังไม่รีบปล่อยอีก!”

“พี่เทียน อย่าตกหลุมพราง ให้พวกเขาบอกมาก่อน” ฉวนซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและร้อนรน

“ตกลง” ฉินเทียนพยักหน้าและเอ่ย “ฉันจะเชื่อนายพลเกา”

เขาผลักเกาชาวไปด้านหน้าอย่างแผ่วเบา จ้องมองเกาเหมิ่ง “ตอนนี้ สามารถบอกได้หรือยัง?”