บัญชามังกรเดือด บทที่ 920 ตัวต่อตัว
“คุณชาย คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“วางใจ ผมจะแก้แค้นแทนคุณเอง!”
เฝิงเปียวรีบประคองเกาชาว และให้เกาชาวอยู่ด้านหลังของเขา จากนั้นจ้องมองฉินเทียนด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ
รวมถึงรากษสอีกทั้งสี่คน ทันใดนั้นต่างกระจายตัวแยกจากกัน ห้อมล้อมฉินเทียนไว้ทุกด้านและกักขังฉินเทียนไว้ด้านใน
ทางด้านไป๋หลิง ฉวนซานและจินถัง ถูกห้อมล้อมไว้โดยผู้คุ้มกันที่มีอาวุธครบครันอีกทั้งยังมีหนิวธงและหม่าเถิง
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ สีหน้าของฉินเทียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาจ้องมองเกาเหมิ่งที่นั่งอยู่ตรงกลางด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เกาเหมิ่งที่นั่งอยู่ด้านบนนั้นก็จ้องมองลงมาด้านล่าง เขาเองก็ยิ้มเยือกเย็นพลางจ้องมองฉินเทียน
ตอนนี้เขายิ่งรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น คนตรงหน้านั้นไม่รู้สึกกลัวจริงหรือ? เมื่อสักครู่นั้นฉินเทียนมีตัวประกันอยู่ในมือ ตอนนี้เขาไม่มีตัวประกันแล้ว สามารถเผชิญหน้าต่อการโจมตีอย่างรุนแรงได้ทุกเมื่อ
ห้ารากษสโจมตีพร้อมกัน แม้แต่เกาเหมิ่งเองก็ยังยากที่จะรับมือไหว
ฉินเทียนคนนี้นั้นคืออะไร?
“นายไม่กลัวจริงหรือ?” เขาขมวดคิ้วแน่นและเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“คุณผิดต่อคำสัญญา?” ฉินเทียนยิ้มเยือกเย็นและเอ่ยคำพูดเหน็บแนม
“เยี่ยม นับได้ว่ามีความกล้า!” ฉับพลันเกาเหมิ่งยกมือขึ้นและเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “อย่าเพิ่งแตะต้องเขา!”
“ฉันเกาเหมิ่งได้ให้คำสัญญากับเขาแล้ว ย่อมไม่ผิดคำสัญญา”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเกาเหมิ่ง อันที่จริงแล้วรวมถึงห้ารากษสเองก็ไม่แน่ชัดเท่าไรนัก สิ่งของชิ้นใดถูกพรากไปจากสุสานฮุนโหว
ระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้น พวกเขาได้รับหน้าที่เฝ้าสถานการณ์ด้านนอก แท้จริงแล้วคนที่เข้าไปนั้นคือคนที่มาจากเกาะขนาดเล็กแห่งนั้น
ราชาเปี้ยน เบื้องบนของนายพลเกา
เกาเหมิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเอ่ยเสียงแผ่วเบา “สุสานโบราณที่มีอายุนับพันปี ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสุสานขนาดใหญ่ของราชา สิ่งของที่กลบฝังไปพร้อมกับศพทุกชนิดนั้นไม่สามารถประเมินค่าได้และมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน”
“สิ่งของเหล่านี้ เชื่อว่าพวกนายเคยเห็นจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ฉันสามารถรับประกันได้ สิ่งของทุกอย่างที่กลบฝังไปพร้อมกับศพ พวกเราไม่ได้แตะต้องเลย”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ เขาพ่นลมหายใจเย็นชาและดูภาคภูมิใจมาก
ฉินเทียนเอ่ยถามอย่างร้อนรน “งั้นพวกคุณนำสิ่งของอะไรไปกันแน่?”
“แม้แต่ราชาเปี้ยนก็ยังเป็นคนนำกำลังพลด้วยตนเอง!”
เกาเหมิ่งขมวดคิ้วแน่นและเอ่ย “ฉันเชื่อว่าในตอนแรกเหล่าหวังนั้นแค่อยากรู้อยากเห็น อยากเห็นว่าสถานที่แห่งนี้เมื่อหลายพันปีก่อนนั้นมีลักษณะอย่างไร”
“นอกจากนี้ ว่ากันว่าในช่วงปลายปีของฮุนโหวนั้นมีการวาดฝันอยากอายุยืนยาวไม่แก่และเป็นอมตะ เรียกรวมตัวผู้คนและเรื่องราวแปลกประหลาดไว้มากมาย อีกทั้งยังสร้างหนังสืออมตะไว้อีกด้วย”
“แม้ว่าเรื่องอายุยืนยาวไม่แก่และเป็นอมตะ สำหรับปัจจุบันแล้วก็ยังคงเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ แต่ทว่าภูมิปัญญาของคนโบราณ บางครั้งก็อย่าได้ประเมินค่าต่ำจนเกินไป”
“พ่อ คุณกำลังหมายความว่าเหล่าหวังนั้นนำยาอมตะและหนังสืออมตะไปงั้นหรือ?” เกาชาวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
เกาเหมิ่งยิ้มและหัวเราะ “จะเป็นไปได้อย่างไร”
“ค้นพบคัมภีร์หนังวัวเล่มหนึ่ง บันทึกลวดลายประหลาดบางส่วนไว้ เหล่าหวังนำกลับไปศึกษา”
“นอกจากนี้ยังพบสิ่งแปลกประหลาด นับได้ว่าเหนือความคาดหมายแต่เป็นเรื่องน่ายินดี”
“นั่นก็คือ เห็ดหลินจือบนศพของโจรปล้นสุสานผู้หนึ่งตรงด้านหน้าของสุสาน…”
“คุณว่าอะไรนะ?”
“เห็ดหลินจือเลือด?!” เมื่อได้ยินคำพูดของเกาเหมิ่ง ร่างกายของฉินเทียนแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่า
เขาพุ่งเข้าหาเกาเหมิ่งด้วยท่าทางร้อนรน
“หยุด!”
“สังหารเขา!”
ห้ารากษสฟื้นคืนสติ แผดเสียงคำรามและพุ่งเข้าไปจู่โจมฉินเทียนพร้อมกัน
ฉินเทียนไม่ได้สนใจสิ่งใดนัก รวบรวมลมปราณและลมหายใจภายในร่างกาย เสียงปังดังขึ้น จุดลมปราณปะทุออกมาจากทั่วทุกรูขุมขม ราวกับว่าเป็นเสมือนเกราะป้องกัน ห้ารากษสสั่นสะท้านและถอยร่นออกไป
ห้ารากษสต่างตกตะลึง
พวกเขานั้นไม่คิดไม่ฝันเลย ชายหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ จะสามารถทำให้ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านและทำให้พวกเขาทั้งห้าคนต้องถอยร่นออกมาในเวลาเดียวกันได้
“พลังภายในถูกปลดปล่อยออกมา ปรมาจารย์ดินแดนขั้นสูง…”
“เขาคือปรมาจารย์ดินแดนขั้นสูง!” เฝิงเปียวจ้องมองแผ่นหลังของฉินเทียนด้วยสีหน้ายากจะเชื่อ เขาเอ่ยพึมพำ
ขณะนี้ ฉินเทียนเป็นเสมือนไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ เขาตรงขึ้นไปบนแท่นและเผชิญหน้ากับเกาเหมิ่ง
“นายจะทำอะไร?!”
เกาเหมิ่งพลันฟื้นคืนสติ เขาลุกขึ้นด้วยความเร่งรีบ คว้าขวานขนาดใหญ่สองเล่มที่มีน้ำหนักหลายสิบกิโลกรัมจากมือของผู้คุ้มกันทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังของเขา
ฉินเทียนทอดถอนหายใจ แทบจะข่มความตื่นเต้นของเขาไว้ไม่อยู่ เขากล่าว “อย่าได้กลัวเลย ฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก”
“รีบบอกฉันมาเห็ดหลินจือนั้นมีลักษณะอย่างไร?”
“ใช่แล้ว คุณบอกว่าพบบนศพของโจรปล้นสุสาน มันมีอายุเท่าไร?”
เกาเหมิ่งกล่าวโดยไม่รู้ตัว “เหล่าหวังบอกแค่ว่าเป็นของดี ในช่วงเวลาวิกฤต สามารถช่วยชีวิตคนได้…ลักษณะค่อนข้างประหลาด เหมือนกับลูกแพร์”
“ลูกแพร์ท่ามกลางสุสาน!”
“พี่เทียน ลูกแพร์ท่ามกลางสุสานนั้นคือเห็ดหลินจือเลือด เร็วเข้า ถามเขาว่าอายุประมาณเท่าไร”
“โจรปล้นสุสานนั้นอายุประมาณเท่าไร!” ด้านล่างแท่น ไป๋หลิงตะโกนถามเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
ฉินเทียนจ้องมองเกาเหมิ่ง นัยน์ตาลุกเป็นไฟ หัวใจของเขาแทบจะกระโจนออกมา หากเป็นโจรปล้นสุสานในช่วงปัจจุบัน คงจะอายุไม่มากเท่าไรนัก
เห็ดหลินจือเลือดที่เติบโตจากศพก็คงจะไร้ผล
“รีบพูดมา เป็นโจรปล้นสุสานในช่วงเวลาใด!” เขาเอ่ยด้วยเสียงร้อนรน
เกาเหมิ่งครุ่นคิดและเอ่ย “ได้ยินเหล่าหวังกล่าว ตามการตัดสินจากเสื้อผ้า น่าจะเป็นโจรปล้นสุสานในช่วงราชวงศ์ที่ห้าแห่งสิบอาณาจักร”
“ห่างจากช่วงเวลาปัจจุบัน ประมาณพันกว่าปีแล้ว”
ราชวงศ์ที่ห้าแห่งสิบอาณาจักร!
ขณะที่ฉินเทียนกำลังรู้สึกตื่นเต้น เขาหัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่ได้
“เห็ดหลินจือเลือดพันปี!”
“ในที่สุดฉันก็หามันจนพบแล้ว!”
“เร็วเข้า พาฉันไปพบราชาเปี้ยนของพวกคุณ ไม่ว่าจะราคาเท่าใด ฉันจะต้องได้เห็ดหลินจือเลือด!”
เมื่อเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเกาเหมิ่ง จากนั้นฉินเทียนตระหนักได้ว่านี่คือสถานการณ์อะไร ตัวตนของเขานั้นคืออะไร สีหน้าและท่าทางของเขาประหลาดไปพร้อมกับเอ่ย “ทำไม คุณไม่ยินยอมงั้นหรือ?”
“แน่นอน” เกาเหมิ่งเอ่ยด้วยความโกรธเคือง
ฉับพลันเขาตระหนักได้ว่านี่คืออาณาเขตของตนเอง เมื่อสักครู่นี้ราวกับเป็นนักเรียนที่คอยตอบคำถามของอาจารย์อย่างไรอย่างนั้น เขาตอบทุกคำถามของฉินเทียน
เป็นเช่นนี้…
น่าอับอายเกินไปแล้ว!
ฉินเทียนคือคนที่พวกเขาต้องจัดการ!
“ฉันไม่สนว่านายจะเป็นปรมาจารย์ดินแดนขั้นสูงหรือไม่ ต้องการเห็ดหลินจือเลือดไปทำสิ่งใด สถานที่แห่งนี้คือจวนนายพลของฉัน!”
“นายมีสิทธิอะไรมาชี้นิ้วออกคำสั่งกับฉัน?”
ฉินเทียนทอดถอนหายใจ เขายิ้มพลางเอ่ย “ฉันเป็นปรมาจารย์ดินแดนขั้นสูง แล้วเป็นอย่างไรงั้นเหรอ?”
“อยากจะประลองหน่อยหรือไม่? วันนี้ฉันในนามของสกุลฉิน อยากจะท้าทายตัวต่อตัวกับจวนนายพลของคุณสักหน่อย!”
“แต่ทว่ามีข้อตกลงเพียงข้อเดียวเท่านั้น ถ้าหากพวกคุณพ่ายแพ้ ต้องพาฉันไปพบกับราชาเปี้ยนแต่โดยดี”
“เห็ดหลินจือเลือด จะต้องเป็นของฉัน”
คำพูดเพียงไม่กี่ประโยค กล่าวได้อย่างเรียบง่ายเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเมื่อดังเข้าสู่โสตประสาทของทุกคน คำพูดแต่ลำคนั้นดังก้องราวกับฟ้าผ่า
ในฐานะปรมาจารย์ เขาท้าต่อสู้กับจวนนายพลทั้งหลังเพียงลำพัง!
ต้องเย่อหยิ่งและอวดดีมากเพียงใด!
ไป๋หลิงนั้นดูตื่นเต้นและประหลาดใจ นัยน์ตางดงามคู่นั้นพลันเปล่งประกาย
ระหว่างทาง ฉินเทียนนั้นไม่เคยต้องการเผชิญหน้ากับตงไห่กรุ๊ปเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องปกปิดสถานะของเขา ยอมทนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถกล่าวได้ว่าเขานั้นคับข้องใจมามากพอแล้ว
ตอนนี้ นายพลเกาผู้นี้เป็นแกนหลักและหัวใจสำคัญของตงไห่กรุ๊ป
ไร้หนทางเลือกและไม่สามารถอ่อนข้อได้ เขาทำได้เพียงแค่ต้องเผชิญหน้า
ขณะนี้ ลมปราณปะทุออกมา เขายืนนิ่งงัน สงบราวกับภูเขา ล้ำลึกราวกับมหาสมุทร ด้วยท่าทางของปรมาจารย์ เขาดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน
เกาเหมิ่งกำขวานทั้งสองด้ามไว้แน่น ลมปราณทั่วทั้งร่างกายพลุ่งพล่าน เขาพูดเสียงดัง “ตกลง!”
“ฉันเกาเหมิ่ง วันนี้ยอดฝีมือทุกคนแห่งจวนนายพลจงมารับคำแนะนำจากปรมาจารย์ฉิน!”
“นายชนะ ฉันจะเป็นคนขับเรือและพานายไปยังเกาะเพื่อพบกับราชาเปี้ยนด้วยตัวของฉันเอง”
“พวกเราไปยังสนามต่อสู้กันเถอะ!”