AST
บทที่1879 – ฝ่ามือจักรพรรดินักปราชญ์
”เจ้ากำลังวิตกกังวลใช่หรือไม่?”
ชิงสุ่ยกระซิบข้างหูขณะที่เขาค่อยๆโอบเร็วของเธออย่างช้าๆจากข้างหลัง
ในตอนแรกถานท่ายหลิงเยียนเผลอโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งรูปร่างอันแสนงดงาม
”ข้าจะรู้สึกวิตกกังวลไปด้วยเรื่องอะไร?เอาล่ะ ข้ากำลังล้างจาน เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวตอบโดยไม่หันหลังกลับ
ชิงสุ่ยจึงหยุดการกระทำและปล่อยมือเขาไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร แต่อย่างน้อยที่สุดเธอก็ไม่ได้ต่อต้านการกระทำของเขา แต่กระนั้นการกระทำที่เธอแสดงกลับมาค่อนข้างสร้างความหดหู่ให้กับชิงสุ่ย เธอยังคงไว้ซึ่งความเย็นชาเหมือนน้ำแข็งที่ผ่านไปนับพันปีก็คงไม่ละลาย
ชิงสุ่ยยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดจิต ถานท่ายหลิงเยียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงจากสีหน้าชิงสุ่ย เธอรู้สึกเหมือนน้ำกำลังไหลท่วมจิตใจของเธอ เธอจึงค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะของชิงสุ่ย
”ให้เวลาอีกหน่อยฟังนะ ตอนนี้ตัวข้าพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่มันยังคงไม่มากพอ”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวปลอบใจขณะที่มองท่าทีการแสดงออกของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยฟื้นคืนความรู้สึกสีหน้าของเขาค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง “ข้ารักเจ้าสุดหัวใจ แต่ดูเหมือนการกระทำของข้าจะไม่ค่อยดีนัก”
แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้สึกหดหู่ไปชั่วขณะแต่คำตอบของถานท่ายหลิงเยียนก็ช่วยขจัดความรู้สึกย่ำแย่เอาไป เธอเข้าใจความตั้งใจของเขา และหาวิธีไล่เขาออกจากห้องครัวด้วยความอ่อนโยน ……………………..
ช่วงเวลาใกล้บ่ายชิงสุ่ยใช้เวลาส่วนใหญ่ในการสอนทักษะผู้อื่น นอกจากนี้เขาก็ได้แบ่งเวลามาเพื่อขัดเกลาทักษะของตนเองรวมถึงทักษะวิญญาณมังกรเก้าหยาง
และในช่วงบ่ายวันนั้นสิ่งที่ชิงสุ่ยรอคอยก็มาถึง มันคือสิ่งที่นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวได้กล่าวบอกเอาไว้ล่วงหน้าว่าอีกไม่นานจะต้องมีคนจากมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์มาเยี่ยมเยือน ชิงสุ่ยจึงไม่แปลกใจ
ถึงกระนั้นภายนอกอาจไม่แสดงถึงความแปลกใจ แต่ดวงตาของเขาจับจ้องชายทั้ง 4 คนที่อยู่เบื้องหน้าอยากจริงจัง
เบื้องหน้าปรากฏให้เห็นเป็นชายวัยกลางคนสองคนชายชรา 2 คน แต่ละคนต่างสวมเสื้อคลุมสีขาวบ่งบอกถึงผู้ทรงปัญญา กลิ่นอายรอบตัวบ่งบอกถึงการศึกษาขั้นสูง อย่างไรก็ตามลักษณะของทั้ง 4 คนยังคงคละคลุ้งไปด้วยความโอ้อวดเย่อหยิ่ง
”เจ้าคือชิงสุ่ยสินะ” ชายชราที่เป็นผู้นำเอ่ยคำพูดที่บ่งบอกถึงสติปัญญาและความแข็งแกร่งกลิ่นอายรอบตัวเป็นสิ่งที่เหนือคำพรรณนา ใบหน้าของชายชราผู้นี้เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ และมีดวงตาที่จริงจัง ภาพรวมบ่งบอกว่าชายคนนี้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบและมีความน่าเชื่อถือ สามารถใช้เพียงลมปากในการกล่าวชักชวน แต่ส่วนที่ขาดก็คงเป็นความเห็นอกเห็นใจ
”ตัวข้าคือชิงสุ่ยไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลือด้านใด?”ชิงสุ่ยกล่าวถามโดยตรง
เขาไม่จำเป็นต้องถามมากความเพราะรู้ดีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนเหล่านี้ปรากฏมันจะต้องมีเหตุผลเสมอ
”พวกเรามาจากมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ข้ามีนามว่าเจี้ยนหนู่ หรือที่รู้จักกันในนามผู้อาวุโสเจี้ยน พวกเรามาที่นี่เพื่อเชิญให้เจ้าตามพวกเราไปรักษาอาการป่วยของใครคนนึง”ชายชรากล่าวตอบตามตรง
แม้จะเป็นคำพูดเรียนเชิญชิงสุ่ยกลับรู้สึกถึงแรงกดขี่จากตัวของชายชรา ตัวของชิงสุ่ยอาจจะไม่รู้จักชื่อของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ แต่เมื่อหันดูใบหน้าของเหลียนหลิงเฟิงและคนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าชื่อของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่คงเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักกันดี
ทุกวันนี้หอคอยจักรพรรดิได้ปิดผนึกตัวเองจากโลกภายนอก แม้ว่าชิงสุ่ยจะทำการรักษานายน้อยสองแห่งตระกูลฮัว หอคอยจักรพรรดิก็ยังคงปิดประตูไม่เชิญหรือรักษาผู้ใด แต่มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ยังเดินทางที่หอคอยจักรพรรดิเพื่อแสวงหาการรักษา มันค่อนข้างน่าขบขัน
”พวกท่านมาผิดที่แล้วล่ะหากท่านสังเกตดี ท่านคงจะเห็นว่าที่นี่ไม่มีการรักษาผู้ใดเลย”ชิงสุ่ยปฏิเสธ
”เจ้าหนูน้อยพวกเรามาที่นี่เพื่อตามหาเจ้า ทำไมเจ้าถึงกล้าปฏิเสธชิ้นเนื้อและจมอยู่กับเศษขนมปัง?”ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชิงสุ่ยมองตรงไปที่ชายวัยกลางคนร่างกายของชายผู้นี้ผอมเพียวโดยที่รอบตัวบ่งบอกถึงกลิ่นอายผู้ทรงปัญญา ถึงกระนั้นความเย่อหยิ่งก็มีมากไม่ต่างจากชายชราที่อยู่ด้านหน้าเลย
”โอ้พวกเจ้าเคยลิ้มลองรสชาติเหล่านี้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
”เหตุใดเจ้าถึงโง่เขลาเช่นนี้ช่างมัน เดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ารู้เองว่าระหว่างเรากับเจ้ามันแตกต่างกันเพียงใด เจ้าจะต้องรู้ซึ้งในความเย่อหยิ่งที่เจ้ามี”
ชายวัยกลางคนตะคอกพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยยังคงยืนนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเขาเฝ้าดูชายวัยกลางคนที่กำลังจ้องมองกลับมาด้วยสายตาสงบ
ชายวัยกลางคนอาจจะเดินดูเหมือนช้าแต่จริงๆแล้วการเดินของเขาเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าหาตัวชิงสุ่ย
ฝ่ามือจักรพรรดินักปราชญ์!! ฝ่ามือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวหิมะก่อนจะขยายขนาดเทียบเท่ากับขนาดความสูงผู้ใหญ่ 2 คนถาโถมเข้าใส่ชิงสุ่ย
ฝ่ามือกระชากมังกร!!
ชิงสุ่ยสกัดกั้นฝามือขนาดใหญ่โตมโหฬารด้วยฝ่ามือสีขาวสว่าง
เสียงร้องคำรามคล้ายกับเสียงมังกรกู่ร้องไปทั่วพื้นที่
”ประเมินตนเองสูงไปสินะ”ชายวัยกลางคนจ้องมองด้วยสายตาเหยียดหยามเมื่อเห็นท่าทีตอบโต้โดยไม่ลังเลของชิงสุ่ย
ปังงงงง
แสงสว่างวาบกระจัดกระจายไปทั่วห้องก่อนเสียงระเบิดจะตามมา
แน่นอนว่าเสียงระเบิดไม่ได้มาจากชิงสุ่ยมันคือเสียงของชายวัยกลางคนที่กระเด็นกระแทกพื้นพร้อมกับฝ่ามือที่แหลกกระจุยกระจายเหมือนเนื้อสัตว์ ความเจ็บปวดทุกข์ระทมทำให้ชายวัยกลางคนถึงกับตัวสั่นเสื้อผ้าเปียกโชก
กระบวนท่าเพียงกระบวนท่าเดียวของชิงสุ่ยสามารถทำลายข้อมือของศัตรูได้ในพริบตา
การแสดงออกที่เห็นทั้งหมดถือเป็นความเมตตาที่ชิงสุ่ยมีต่อชีวิตชายหนุ่มโชคดีที่ชิงสุ่ยไม่ใช้พลังทั้งหมดมิฉะนั้นคงไม่ใช่แค่ข้อแขนที่ถูกทำลาย
ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่และชายอีก2 คนไม่เชื่อสิ่งที่เห็น เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้ชายวัยกลางคนยอมพ่ายแพ้ แค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้มือถูกทำลาย มือที่อัดแน่นไปด้วยพลังฝ่ามือจักรพรรดินักปราชญ์!! พลังแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเป็นฝ่ายทำร้ายผู้อื่น
”อ๊ากกกมือของข้า เจ้าอยากตายมากสินะ ข้าจะทำให้เจ้าต้องตาย”ชายวัยกลางคนร้องตะโกนโอดครวญ