ชิงสุ่ยมองดูชายวัยกลางคนที่ทำตัวเหมือนตัวตลกพร้อมกับสถบคำพูดไร้สาระออกจากปาก
”ถ้าเจ้ายังกล้าส่งเสียงดังอีกข้าจะทำให้เจ้าหายไปเอง”ชิงสุ่ยกล่าวถ้อยคำที่แสนเรียบง่าย แต่ก็ทำให้ชายวัยกลางคนผู้นั้นปิดปากเงียบสนิท
ในขณะเดียวกันชิงสุ่ยก็เริ่มมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นด้วยสายตาดูถูกภายนอกเหมือนปัญญาชนแต่ภายในแทบไม่มีอะไรเลย หากการแสดงออกก่อนหน้านี้คือชนชั้นผู้สูงศักดิ์ของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ สีนี้ก็คงสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าชิงสุ่ยประเมินค่ามหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์สูงเกินไป
จริงๆแล้วชิงสุ่ยก็ลืมตัวไปว่าก่อนหน้านี้เขาเองก็เพิ่งพัฒนาระดับพลังอย่างก้าวกระโดดพลังที่พัฒนาสูงส่งจนหลุดออกจากผู้คนที่เคยอยู่ในระดับเดียวกัน แน่นอนว่าเมื่อพลังสูงซองคนที่เคยอยู่ระดับเดียวกันก็เป็นเพียงแค่มดปลวกในสายตาของเขา
ถึงกระนั้นคนที่ถูกส่งมาก็ไม่ควรจะเป็นตัวแทนสำคัญจากมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์อย่างน้อยผู้อวุโสเจี้ยนหนู่ที่เป็นผู้นำกลุ่มก็น่าจะมีพลังมากกว่าชายวัยกลางคน แต่ก็คงไม่สามารถต่อกรกับชิงสุ่ยได้อยู่ดี
”ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินพลังของเจ้าต่ำไป”ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ก้าวเดินออกมาข้างหน้าพร้อมน้ำเสียงที่หนาวเหน็บ
”อย่างแรกที่ควรรู้คือราคาที่ต้องจ่ายหากทำตัวหยิ่งยโสดูถูกศัตรูความประมาทเพียงแค่ครั้งเดียว อาจส่งผลถึงความตาย”ชิงสุ่ยจ้องมองผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่
”พวกเรามาที่นี่เพื่อแสวงหาการรักษาเจ้ากลับไปกับพวกเราได้หรือไม่?”คำตอบของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ยังคงชัดเจน ”เพราะการกระทำของใครบางคนทำให้ที่แห่งนี้ไร้ซึ่งคนป่วยเมื่อไม่มีคนป่วยก็ไม่มีหมอ และข้าก็มีสิทธิ์ในการเลือกปฏิบัติรักษาผู้คนไม่ใช่รึ”ชิงสุ่ยรังเกียจท่าทีหยิ่งผยองที่แสดงออกมาจากชายชรา
อันแท้จริงชิงสุ่ยรู้ว่ามีคนมากมายชอบแสดงตัวตนเช่นนี้ และคนเหล่านั้นล้วนเป็นคนที่มีสถานะสูงส่ง ฉะนั้นคนของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จึงมีสิทธิ์ที่จะแสดงท่าทางอันน่ารังเกียจ แต่เนื่องจากสิ่งที่พวกมันทำ ได้เปลี่ยนแปลงหอคอยจักรพรรดิให้ตกสู่ที่นั่งลำบาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชิงสุ่ยจะปฏิเสธในการให้ความช่วยเหลือ
”ถ้าหากเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องจับกุมเจ้า”ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ตอบอย่างเชื่องช้าอาจเป็นเพราะความลังเล
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ชิงสุ่ยยังไม่รู้เลยว่าผู้ป่วยเป็นใคร แต่เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ ชิงสุ่ยถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะ “ถ้าเจ้าจับกุมข้าได้ ข้ารับประกันหรือว่าข้าจะช่วยรักษาผู้ป่วย”
”รักษาคำสัญญาของเจ้าด้วย!!”ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ขมวดคิ้วพร้อมกับกระบี่ยาวที่ปรากฏขึ้นบนมือ
กระบี่เล่มนี้กว้างกว่ากระบี่ทั่วไป2 เท่าโดยที่มีความกว้างมากถึง 3 นิ้ว หากเป็นกระบี่ทั่วไปจะมีความยาว 3 ฟุตกว้างเพียงแค่ 1 นิ้วและมีน้ำหนักเบา กระบี่ที่อยู่ในมือของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ถูกแกะสลักฝังลึกด้วยตัวอักษรขนาดเล็ก
แม้จะอยู่ห่างไกลชิงสุ่ยก็สังเกตเห็นได้แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่เขาไม่รู้จัก มันเหมือนกับภาพวาดในโลกใบก่อน ซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกโบราณ ชิงสุ่ยได้แต่สงสัยว่ามันคืออะไร
”ดึงอาวุธของเจ้าออกมาข้าไม่ต้องการเอาเปรียบเจ้า”ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่กล่าวแต่ก็ไม่เห็นคำตอบจากชิงสุ่ย
”ข้าจะใช้อาวุธก็ต่อเมื่อจำเป็น”ชิงสุ่ยตอบกลับแบบเรียบง่ายเพราะสุดท้ายความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่เหนือศัตรู ”ถ้าเจ้าพูดเช่นนี้ก็จงระวัง!!”
ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ชี้กระบี่ไปทางชิงสุ่ย
กระบี่กระชากวิญญาณ!!
ดวงตาของชิงสุ่ยเปล่งประกายก่อนหน้านี้เป็นทักษะการโจมตีที่อาศัยพลังชอบทำ แต่ปัจจุบันพวกเขาได้ใช้พลังที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและชั่วร้าย
การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นการโจมตีที่อาศัยพลังปราณจิตในตำนานเล่าไว้ว่าภายในตัวมนุษย์นั้นมีวิญญาณ และภายในโลกเก้ามหาทวีปผู้คนจะอาศัยการฝึกฝนโดยการขัดเกลาจิตวิญญาณ มันจึงเป็นดังพลังที่อาศัยอยู่ในจุดตันเถียน จุดพลังที่มนุษย์สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกลงไปได้ ฉะนั้นการโจมตีของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่จึงอาศัยการปิดชีพวิญญาณภายในชั่วพริบตา แน่นอนว่าหากผู้ใดไม่สามารถต้านทานทางนี้ได้ อวัยวะร่างกายของคนผู้นั้นจะหยุดทำงานอย่างเฉียบพลัน
พวกมันคงไม่นึกว่าชิงสุ่ยจะเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการโจมตีพลังปราณจิตและด้วยพลังอันแสนเกรียงไกรของวิญญาณมังกรเก้าหยาง มันได้พัฒนาระดับการป้องกันของชิงสุ่ยให้ก้าวขึ้นสู่ระดับเป็นอมตะ
ทักษะกระบี่กระชากวิญญาณสามารถตัดผ่านจิตวิญญาณของผู้คนได้ต่อให้อยู่ห่างไกลออกไปเป็นพันลี้แล้วด้วยความที่ไม่เกรงกลัว ชิงสุ่ยจึงเลือกที่จะยืนนิ่งด้วยท่าทางสงบ
ในสายตาของชิงสุ่ยพลังที่ถาโถมเข้ามามันเหมือนกับเด็กอายุ 3 ขวบถือกิ่งไม้ไล่ตีรูปปั้นหิน
ปราณจิตวิญญาณมังกร!!
ขวามือของชิงสุ่ยทอแสงสีทองก่อนจะเอื้อมออกไปจับกระบี่ยาวของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่
กระบี่สีขาวและร่างกายของผู้อาวุโสสั่นไหวอย่างรุนแรงดวงตาของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ ตกใจที่ชิงสุ่ยใช้ปราณจิตโต้พลังกลับ
ตัวของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเขาจึงเตรียมกลอุบายซ่อนเอาไว้
ดวงหฤทัยกระบี่!!
ทันทีที่ชายชราเปล่งเสียงตะโกนตัวอักษรที่อยู่บนกระบี่เริ่มไหลเหมือนกับสายน้ำ มันรวมตัวกันกลายเป็นวัตถุสีขาวพุ่งทะยานเข้าสู่ร่างกายชายชรา ส่งผลให้ชายชราหยุดอาการสั่นและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
”ตัวกระบี่ส่องสว่างช่างเป็นพลังที่น่าสนใจจริงๆ”
บริเวณรอบตัวของชายชราเต็มไปด้วยแสงสว่างสีขาวให้ความรู้สึกถึงความชอบธรรมไร้ขอบเขตมันเป็นพลังที่อัดแน่นราวกับกำลังจะระเบิดพื้นที่ทั้งหมดให้เป็นจุล
ชิงสุ่ยดึงง้าวทองทะลวงศัตรูออกมาเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่ก็ไม่ต้องการเสี่ยงรับมือกับอะไรที่เขาคาดไม่ถึง แม้ว่าเขาจะมีเกราะทองคำวชิระที่คอยช่วยชีวิต แต่การระวังไว้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย
แสงธรรมยอดมหาปราชญ์!! กระบี่ยาวในมือของชายชราพุ่งเข้าหาชิงสุ่ยพร้อมกับคลื่นความแปรปรวนบิดเบือนสภาพแวดล้อม มันสร้างเสียงที่น่าสะพรึงกลัวจนหัวใจเต้นรัวจนหัวใจวอดวาย คล้ายกับกองทัพที่กำลังเคลื่อนพล
ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกว่ากลุ่มที่ใช้ชื่อมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะเป็นกลุ่มที่พึ่งพาพลังและความสามารถอะไรบางอย่างที่ช่วยในการปลดปล่อยคลื่นพลังทำลายติดใจคู่ต่อสู้ พลังที่พวกมันส่งผ่านออกมาให้ความรู้สึกเหมือนพลังธรรมะที่เอาชนะอธรรม มันเป็นพลังที่เป่าหูพวกเขาให้สามารถสังหารศัตรูโดยไม่ต้องรู้ถึงความผิดชอบชั่วดี
แต่ช่างน่าโชครายที่ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่หยิ่งทะนงตนเกินไปเขาไม่รู้จักแม้กระทั่งพลังธรรมชาติของชิงสุ่ย และไม่รู้ว่าชิงสุ่ยมีความสามารถในการควบคุมพลังปราณอยู่ในระดับใด
ชิงสุ่ยยืนอยู่ในใจกลางคืนพลังที่ล้อมรอบไปด้วยเสียงก้องกังวาลแต่ก็ไม่สามารถสะท้อนผ่านเยื่อแก้วหูชิงสุ่ยได้
มหาราชันผู้เหนือโลกมหาราชนักปราชญ์ผู้อยู่ยงคงกระพัน!!
ทันใดนั้นร่างของชายชราก็ขยายสูงขึ้น3 ฟุต พลังธรรมชาติอันสง่างามเพิ่มพูนรัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์รอบตัว ก่อนจะโอบล้อมร่างร่างของชายชรา